วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

'โรม' ชี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ถูกฟ้องปิดปาก หลัง ส.ว.อุปกิต ฟ้องหมิ่นฯเรียก 100 ล้าน ย้ำพร้อมสู้คดี ยันทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลต่อไป จี้ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องชี้แจงสังคมด้วย

 


'โรม' ชี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ถูกฟ้องปิดปาก หลัง ส.ว.อุปกิต ฟ้องหมิ่นฯเรียก 100 ล้าน ย้ำพร้อมสู้คดี ยันทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลต่อไป จี้ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องชี้แจงสังคมด้วย

 

วันนี้ (18 ก.พ. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกและส.ส.พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นหลังจากอภิปรายทั่วไปเรื่อง "ส.ว.ทรงเอ" เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผ่านไปเพียง 2 วัน ระบุว่า

 

สิ่งที่ผมคาดหมายว่าจะตามมาก็มาอย่างเร็วไว ส.ว.อุปกิต ปาจรียางกูร ได้ฟ้องร้องผมในคดีอาญาฐานดูหมิ่นและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 100 ล้านบาท

 

โดยระบุว่าการถูกฟ้องหลังการอภิปรายใหญ่ ๆ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผมแล้ว เมื่อ 3 ปีก่อนตอนผมอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ผมก็ถูกมูลนิธิฯ ฟ้อง หรือ 1 ปีครึ่งก่อนตอนผมอภิปรายคุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ (รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ) เรื่องสัมปทานดาวเทียมไทยคม ผมก็ถูกบริษัทกัลฟ์ฯ ฟ้อง โดยแต่ละครั้งข้อหาก็จะอยู่กับเรื่องการดูหมิ่น-หมิ่นประมาทต่าง ๆ หรือพยายามเรียกค่าเสียหายสูง ๆ หวังจะเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่ให้ใครกล้ามาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองอีก แม้จะเกี่ยวพันกับเรื่องการใช้อำนาจรัฐหรือผลประโยชน์ของส่วนรวมก็ตาม และไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น เพื่อน ส.ส. คนอื่นของพรรคก้าวไกล เช่นคุณเบญจา แสงจันทร์ ก็เคยถูกบริษัทกัลฟ์ฯ ฟ้องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเรื่องนโยบายพลังงานด้วยเช่นกัน

 

ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าการอภิปรายของผมและพรรคก้าวไกลเป็นการทำหน้าที่เพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจ การปฏิบัติหน้าที่ หรือพฤติกรรมอื่นใดของรัฐบาล ว่าเป็นการบริหารงานที่ผิดพลาด เป็นการทุจริตคอร์รัปชัน หรือเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่ ซึ่งบ่อยครั้งจำเป็นต้องพาดพิงบุคคลภายนอก นั่นก็เพราะการกระทำเหล่านี้ของรัฐบาลมักดึงเอาบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ถึงที่สุดแล้วการอภิปรายของพวกเรายังมุ่งเป้าไปที่รัฐบาลเป็นสำคัญ

 

การโต้ตอบโดยใช้วิธีฟ้องร้องคดีกันแบบนี้ แน่นอนว่าย่อมกระทบถึงประสิทธิภาพในการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล ไม่ใช่แค่โดยตัวผมแต่รวมถึงผู้แทนราษฎรทุกคน แต่ถึงกระนั้นผมยังยืนยันที่จะต่อสู่คดีหมิ่นประมาทดังกล่าวโดยไม่มีการหลบหนี ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะชนะ เหมือนที่ผมสู้ในทุก ๆ คดีที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตามในกรณีของคุณอุปกิตนั้น เห็นว่ามีความต่างจากเอกชนรายอื่น ๆ ที่ถูกพาดพิงไปก่อนหน้านี้ เพราะตัวคุณอุปกิตเป็นถึงสมาชิกของวุฒิสภา หนึ่งในองค์กรผู้ใช้อำนาจสูงสุดของประเทศ และแม้ก่อนหน้านี้ตอนที่ทุนมินลัตถูกจับใหม่ ๆ คุณอุปกิตจะเคยออกมาชี้แจงต่างๆ นานา แต่จากที่ผมได้อภิปรายไปนั้นก็พบว่ามีข้อมูลหลายอย่างที่ขัดแย้งกับข้อกล่าวอ้างที่คุณอุปกิตเคยชี้แจงไว้ ดังนั้นคุณอุปกิตในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กินภาษีประชาชนจึงควรต้องออกมาชี้แจงต่อสังคมเพิ่มเติมด้วย

 

ส่วนตัวนั้นในช่วงเวลาต่อจากนี้จะเร่งดำเนินการต่าง ๆ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในกรณีของ ส.ว.อุปกิตและกรณีจีนเทาต่อไป โปรดติดตามชม

 

'โรม' ชี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ถูกฟ้องปิดปาก หลัง ส.ว.อุปกิต ฟ้องหมิ่นฯเรียก 100 ล้าน ย้ำพร้อมสู้คดี ยันทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลต่อไป จี้ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องชี้แจงสังคมด้วย

 

วันนี้ (18 ก.พ. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกและส.ส.พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นหลังจากอภิปรายทั่วไปเรื่อง "ส.ว.ทรงเอ" เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผ่านไปเพียง 2 วัน ระบุว่า

 

สิ่งที่ผมคาดหมายว่าจะตามมาก็มาอย่างเร็วไว ส.ว.อุปกิต ปาจรียางกูร ได้ฟ้องร้องผมในคดีอาญาฐานดูหมิ่นและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 100 ล้านบาท

 

โดยระบุว่าการถูกฟ้องหลังการอภิปรายใหญ่ ๆ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผมแล้ว เมื่อ 3 ปีก่อนตอนผมอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ผมก็ถูกมูลนิธิฯ ฟ้อง หรือ 1 ปีครึ่งก่อนตอนผมอภิปรายคุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ (รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ) เรื่องสัมปทานดาวเทียมไทยคม ผมก็ถูกบริษัทกัลฟ์ฯ ฟ้อง โดยแต่ละครั้งข้อหาก็จะอยู่กับเรื่องการดูหมิ่น-หมิ่นประมาทต่าง ๆ หรือพยายามเรียกค่าเสียหายสูง ๆ หวังจะเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่ให้ใครกล้ามาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองอีก แม้จะเกี่ยวพันกับเรื่องการใช้อำนาจรัฐหรือผลประโยชน์ของส่วนรวมก็ตาม และไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น เพื่อน ส.ส. คนอื่นของพรรคก้าวไกล เช่นคุณเบญจา แสงจันทร์ ก็เคยถูกบริษัทกัลฟ์ฯ ฟ้องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเรื่องนโยบายพลังงานด้วยเช่นกัน

 

ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าการอภิปรายของผมและพรรคก้าวไกลเป็นการทำหน้าที่เพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจ การปฏิบัติหน้าที่ หรือพฤติกรรมอื่นใดของรัฐบาล ว่าเป็นการบริหารงานที่ผิดพลาด เป็นการทุจริตคอร์รัปชัน หรือเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่ ซึ่งบ่อยครั้งจำเป็นต้องพาดพิงบุคคลภายนอก นั่นก็เพราะการกระทำเหล่านี้ของรัฐบาลมักดึงเอาบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ถึงที่สุดแล้วการอภิปรายของพวกเรายังมุ่งเป้าไปที่รัฐบาลเป็นสำคัญ

 

การโต้ตอบโดยใช้วิธีฟ้องร้องคดีกันแบบนี้ แน่นอนว่าย่อมกระทบถึงประสิทธิภาพในการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล ไม่ใช่แค่โดยตัวผมแต่รวมถึงผู้แทนราษฎรทุกคน แต่ถึงกระนั้นผมยังยืนยันที่จะต่อสู่คดีหมิ่นประมาทดังกล่าวโดยไม่มีการหลบหนี ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะชนะ เหมือนที่ผมสู้ในทุก ๆ คดีที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตามในกรณีของคุณอุปกิตนั้น เห็นว่ามีความต่างจากเอกชนรายอื่น ๆ ที่ถูกพาดพิงไปก่อนหน้านี้ เพราะตัวคุณอุปกิตเป็นถึงสมาชิกของวุฒิสภา หนึ่งในองค์กรผู้ใช้อำนาจสูงสุดของประเทศ และแม้ก่อนหน้านี้ตอนที่ทุนมินลัตถูกจับใหม่ ๆ คุณอุปกิตจะเคยออกมาชี้แจงต่างๆ นานา แต่จากที่ผมได้อภิปรายไปนั้นก็พบว่ามีข้อมูลหลายอย่างที่ขัดแย้งกับข้อกล่าวอ้างที่คุณอุปกิตเคยชี้แจงไว้ ดังนั้นคุณอุปกิตในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กินภาษีประชาชนจึงควรต้องออกมาชี้แจงต่อสังคมเพิ่มเติมด้วย

 

ส่วนตัวนั้นในช่วงเวลาต่อจากนี้จะเร่งดำเนินการต่าง ๆ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในกรณีของ ส.ว.อุปกิตและกรณีจีนเทาต่อไป โปรดติดตามชม

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ประชุมสภา #สวทรงเอ