ทนายเผย “ตะวัน-แบม”
ขอรอคำสั่งศาลจะตอบรับข้อเรียกร้องหรือไม่ ถ้าไม่ไหวจะหลับไปเลย “ธิดา” รุดเยี่ยม
พร้อมเขียนการ์ดส่งกำลังใจ
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา
11.00 น. ที่หอผู้ป่วยพิเศษ ยูงทอง 2 โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
พร้อมนายสมหมาย ตัวตุลานนท์ และ นางกาหลง ตัวตุลานนท์ พ่อและแม่ของตะวัน
เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมอาการ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ
ภู่พงษ์ หรือแบม
โดยนายกฤษฎางค์ กล่าวว่า เมื่อเย็นวานนี้ แพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์ โทรศัพท์แจ้งพ่อของตะวัน ให้ตามทนายความและญาติมาพบ เพราะมีอาการน่าวิตก หลังเข้าพบทั้งคู่วันนี้ก็พบว่ามีอาการเวียนศีรษะตลอดเวลา พูดช้า ลุกเดินลำบาก นอนไม่หลับ เจ็บหน้าอก แสบท้อง ส่วนอาการอื่นๆ เป็นไปตามที่โรงพยาบาลได้แถลงไว้ และยังปฏิเสธไม่รับประทานอาหารและยา รวมถึงน้ำเกลือหรือวิตามิน แต่โรงพยาบาลได้เตรียมไว้ให้ ภาพรวมอาการของน้องทั้งสองถือว่าทรุดเร็วมาก ทั้งนี้ ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนไปพบกับอธิบดีศาลอาญา เพื่อขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวกลุ่มวัยรุ่นทะลุแก๊ส 8-9 ราย ตามข้อเรียกร้องของตะวันและแบม ซึ่งบางรายต้องโทษจำคุกมานานมากแล้วทั้งที่ปฏิเสธข้อกล่าวหามาตลอด เบื้องต้นศาลรับไว้พิจารณาไว้ อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้ขอให้ทั้งคู่ได้รับการรักษา เพราะอาจเกิดการสูญเสียไม่ว่าจะชีวิตหรืออวัยวะบางส่วน โดยตะวันบอกว่า “หนูยังอยู่ไหว ถ้าไม่ไหวหนูจะหลับไปเลย แต่จะรอว่าศาลอาญาจะให้ประกันเพื่อนของหนูรึเปล่า ถ้าจะแพ้และต้องสูญเสีย ก็ขอให้ทุกคนได้ต่อสู้เพื่อให้ได้ข้อเสนอของตัวเองต่อไป” โดยตนเชื่อว่าศาลน่าจะมีคำสั่งในวันนี้
ขณะที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตแกนนำ นปช. พร้อม
นพ.สลักธรรม โตจิราการ ได้นำการ์ดเขียนข้อความมามอบให้ทั้งคู่ นางธิดาเปิดเผยว่า
นี่เป็นการต่อสู้กับศาล ซึ่งเป็นการต่อสู้แบบใหม่ของประชาชนที่ใช้หัวใจทุ่มเทอย่างเต็มที่
ตนเห็นแล้วทนไม่ได้ จึงอยากมาให้กำลังใจ แต่ตนไม่ใช่พระ ที่จะมาขอบิณฑบาตร
จึงขอมาในนามคนเสื้อแดงและวีรชนนักต่อสู้ด้วยความรักและเป็นห่วงลูกหลาน
อยากให้ได้นำการต่อสู้ต่อไปในภายภาคหน้า จึงขอชีวิต พวกเขาไว้
ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเท่านั้น แต่ขอให้กับคนไทยทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต
เพราะคุณสมบัติของทั้งคู่ เป็นคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ของการต่อสู้
นางธิดา กล่าวอีกว่า ตนได้เขียนการ์ด 2
ใบ มามอบให้ทั้งคู่ โดยมีข้อความระบุถึงแบมกับตะวันว่า ด้วยรักและเป็นห่วง
เราเข้าใจการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่
ในฐานะที่ตนและวีรชนทั้งหลายที่ได้อุทิศชีวิตเพื่อต่อสู้
อยากบอกว่าชีวิตของหนูจะมีค่าที่ยิ่งใหญ่บนถนนการต่อสู้เส้นนี้
จึงขอเป็นตัวแทนของคนเสื้อแดงและผู้ที่รักประชาธิปไตย
ขอชีวิตหนูเพื่อการต่อสู้ต่อไป พร้อมคารวะหัวใจของน้องทั้งสอง ขอส่งความปรารถนา
ให้มีชีวิตอยู่ เพื่อการต่อสู้ต่อไป
นอกจากนี้
อ.ธิดา ได้กล่าวเพิ่มว่า
เรามีความหวังว่าเย็นนี้ผลการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวทะลุแก๊สที่ทนายไปยื่นเมื่อเช้านี้น่าจะเป็นไปในทางที่ดี
แต่ว่าประเทศนี้มันก็ไม่แน่นอน เราต้องเตรียมรับทั้งความสมหวังและผิดหวัง
ถ้าวันนี้เกิดผลเป็นด้านลบมีความเป็นไปได้ที่จะมีปฏิกิริยาขยายตัวมากมาย เช่น
ผู้ถูกคุมขังคนอื่น ๆ อาจจะใช้วิธีเดียวกันหรือคนที่อยู่ข้างนอกก็อาจจะใช้วิธีใด ๆ
มันจะเป็นการขยายความขัดแย้งระหว่างปัญหาความยุติธรรมขั้นสูงกับประชาชน
ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะความยุติธรรมเป็นทางออกสุดท้ายของการต่อสู้ของประชาชน
จุดนี้เป็นจุดอันตรายมาก เพราะนอกจากะจะเป็นจุดวิกฤตของผู้ป่วยแล้ว
ยังเป็นจุดวิกฤตของสังคมไทยด้วย
อ.ธิดากล่าวต่อว่า
หากวันนี้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัว ก็เท่ากับว่าปมเงื่อนของปัญหามันคลายตัวไประดับหนึ่ง
หากศาลปฏิเสธการปล่อยตัว
การคลี่คลายขยายตัวของสังคมมันจะขยายตัวด้านลบที่รุนแรงขึ้นซึ่งเราประเมินไม่ได้เหมือนกัน
ทั้งนี้เราไม่ได้กดดันศาลแต่อย่างใด
ด้าน
นพ.สลักธรรม กล่าวว่า เท่าที่ติดตามสถานการณ์ “ตะวัน-แบม”
น้องเขาได้งดน้ำงดอาหารมาหลายวัน
ซึ่งทำให้ขณะนี้มีภาวะเลือดเป็นกรดจากการร่างกายใช้ไขมันรวมถึงกล้ามเนื้อบางส่วนไปทดแทนในการย่อยสลายเพื่อให้มีพลังงานในร่างกายที่จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
แต่ในการเผาผลาญไขมันและกล้ามเนื้อนั้นทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรด และมีคีโตนสูงขึ้น
หมอหวาย
กล่าวต่อว่า ถ้าภาวะกรดในเลือดขึ้นสูงอย่างรุนแรง
ก็อาจจะทำให้อยู่ในสภาวะไม่รู้สติหรือหัวใจหยุดการทำงานได้
สำหรับข้อความที่จะฝากถึง “ตะวัน-แบม” ผมคิดว่าถ้าเป็นไปได้เราควรจะรักษาชีวิตเพื่อได้รับชัยชนะในขั้นสุดท้าย
เพราะการต่อสู้ยังมีอีกยาวไกล ขณะเดียวกันคนในสังคมควรเข้าใจความรู้สึกของ “ตะวัน-แบม”
ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย อย่างน้อยเปิดใจและเข้าใจความรู้สึกถึงเหตุผลที่ทั้งสองต้องตัดสินใจทำสิ่งนี้
สุดท้าย
มีหลายคนตั้งคำถามว่าหาก “ตะวัน-แบม” เกิดภาวะไม่รู้สึกตัว ทางการแพทย์จะรักษาได้หรือไม่
ทัศนะของหมอหวายนั้นเห็นว่า 1. ถ้าทั้งสองไม่ได้เป็นโรคที่ต้องทุกทรมานขณะมีชีวิตอยู่
ไม่มีศักดิ์ศรีในชีวิต เช่น เป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย หรือไตวาย ตับวายขั้นรุนแรง 2.
ถ้าทั้งสองไม่ได้เซ็นปฏิเสธการกู้ชีพ (NO PCR)
โดยทั่วไปแพทย์จะทำการกู้ชีพได้ เช่น การปั๊มหัวใจ ให้น้ำเกลือ หรือสารน้ำต่าง ๆ
เพื่อให้ทั้งสองมีชีวิตอยู่ต่อได้ หมอหวายกล่าวในที่สุด
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #ตะวันแบม