เปิดข้อเรียกร้องของ
คปช.53 ต่อพรรคการเมืองฝ่ายค้านในรัฐสภา
รายละเอียดหนังสือข้อเรียกร้องเกี่ยวกับนโยบายทวงความยุติธรรมให้วีรชนคนเสื้อแดง
และประชาชนทั่วไปในปัจจุบันที่ถูกกระทำจากการเป็นผู้เห็นต่างทางการเมือง
พร้อมข้อเสนอนโยบายทางการเมืองและการแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ มีรายละเอียดดังนี้
วันที่ 23
กุมภาพันธ์ 2566
เรื่อง ข้อเสนอต่อพรรคการเมืองในการทำนโยบายและการปฏิบัติในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติและรัฐบาลในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566
เรียน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในรัฐสภา (พรรคเพื่อไทย/พรรคก้าวไกล/พรรคเสรีรวมไทย/พรรคประชาชาติ/พรรคเพื่อชาติ/พรรคพลังปวงชนไทย)
สืบเนื่องจากการชุมนุมของประชาชนคนเสื้อแดงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
(นปช.) เมื่อปี 2553 ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้าปฏิบัติการสลายการชุมนุมตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่สั่งการให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
(ศอฉ.) ดำเนินการเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนคนเสื้อแดงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
(นปช.) เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 และมีคำสั่งดำเนินการปิดล้อม
สกัดกั้นและใช้อาวุธกับประชาชน รวมทั้งผู้ชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ และบริเวณใกล้เคียง ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม
2553 และมีคำสั่งให้สลายการชุมนุมผู้ชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19
พฤษภาคม 2553 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 99 ศพ
และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
สำหรับการตายของประชาชนยังไม่ได้ทำการไต่สวนชันสูตรพลิกศพอีก 62 ศพ
หลังจากนั้นก็มีการจับกุมคุมขังอย่างเร่งรีบ
และมีรางวัลในการจับกุม รวมทั้งปัญหาการดำเนินคดีที่น่าเคลือบแคลง
โดยไม่ยอมรับพยานที่มีน้ำหนักจริงอย่างเพียงพอ
มีผลให้ถูกคุมขังยาวนานและไม่ได้ประกันตัว จนเมื่อต้องพ้นโทษเพราะศาลยกฟ้อง
จำนวนมากก็ไม่ได้รับการเยียวยาชดเชย ต้องติดคุกฟรี สภาพการในอดีตก็กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันที่เกิดกับกลุ่มเยาวชนผู้เห็นต่างทางการเมือง
อันเนื่องจากการทำรัฐประหาร 2557 และคณะรัฐประหารสืบทอดอำนาจต่อมาผ่านรัฐธรรมนูญ
2560
ทำให้ประเทศไทยมีระบอบประชาธิปไตยจอมปลอมที่อำนาจไม่ได้เป็นของประชาชนไทยอย่างแท้จริง มีผลให้คดีความการปราบปรามประชาชน 10 เมษายน
ถึง พฤษภาคม 2553
ได้รับผลกระทบโดยที่การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นจนปลายหยุดชะงักและถูกเบี่ยงเบนเนื่องจากอำนาจรัฐของการทำรัฐประหารต่อเนื่อง
ในวาระที่คดีความยังมีเวลาเหลือเพียง
7 ปี คณะประชาชนทวงความยุติธรรมที่ประกอบด้วย ญาติวีรชนผู้สูญเสีย
ทนายความที่ได้ร่วมดำเนินคดีตั้งแต่ต้น และกลุ่มคนเสื้อแดง
ผู้ถูกกระทำจากการปราบปรามครั้งนั้น
ได้ร่วมกันเรียกร้องความยุติธรรมในห้วงเวลาใหม่ที่หวังว่าพรรคการเมือง นักการเมือง
จะได้ร่วมมือกันเปลี่ยนแปลง สร้างประเทศไทยใหม่ในระบอบประชาธิปไตยจริง
เราจึงมีข้อเรียกร้องต่อพรรคการเมืองและนักการเมือง ดังต่อไปนี้
1.
ทำการเร่งรัดตรวจสอบและผลักดันคดีความกรณีปี 2553 ที่ถูกแช่แข็งและบิดเบือน
ไม่สามารถให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนที่ถูกปราบปรามเข่นฆ่าได้
(ตามเอกสารที่ส่งมาด้วย) นับจากการทำรัฐประหาร 2557 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
เพื่อมิให้มีการฆ่าประชาชนกลางถนนซ้ำซากโดยผู้กระทำและสั่งการ “ลอยนวลพ้นผิด”
ซึ่งอาจเกิดได้อีกในอนาคต รวมทั้งตรวจสอบผลักดันคดีความในช่วงเวลาปัจจุบัน
อันเป็นคดีความทางการเมืองของกลุ่มเยาวชน ให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรมที่เป็นสากล
ไม่ให้เป็นการเลือกปฏิบัติและกลั่นแกล้งทางการเมือง
2.
แก้ไขกฎหมาย
กรณีที่ทหารและนักการเมืองทำความผิดต่อประชาชน พลเรือน
ให้ขึ้นศาลพลเรือน ไม่ใช่ทหารขึ้นศาลทหาร
นักการเมืองขึ้นศาลนักการเมือง
ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ทำให้ทหารและนักการเมืองไม่ได้ถูกดำเนินคดีเฉกเช่นประชาชนทั่วไป
3.
เมื่อได้เป็นรัฐบาล
ขอให้ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณีเหตุการณ์ 2553 ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมาตรา 6
ในรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์แต่ประการใด ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามที่อัยการศาล ICC ได้มาแจ้งไว้กับรัฐบาลเพื่อไทยเมื่อ
1 พฤศจิกายน 2555
4.
ดำเนินการเพื่อแก้ไขให้ได้รัฐธรรมนูญของประชาชนให้ได้ระบอบประชาธิปไตยแท้จริง
โดยการใช้ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ตามสัดส่วนประชาชนในพื้นที่ต่าง
ๆ เพื่อดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่คำนึงถึงสิทธิ
เสรีภาพ ความเสมอภาค โดยคำนึงถึงสนธิสัญญาตามหลักสิทธิมนุษยชน สิทธิทางการเมือง
ทางเศรษฐกิจ สังคม ที่ได้ลงนามไว้ในสหประชาชาติ
รวมทั้งสนธิสัญญากรุงโรมที่ยังไม่ได้ลงนาม
ก็ควรได้ลงนามในอนาคตหลังจากแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว
5.
แก้ไขกฎหมายอื่น อันเป็นผลพวงการทำรัฐประหาร รวมทั้ง พ.ร.บ.องค์กรรัฐซ้อนรัฐ
กอ.รมน. และกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116
ที่กลายเป็นเครื่องมือจัดการผู้เห็นต่างทางการเมือง
6. ดำเนินการเพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ และองค์กรอิสระอย่างจริงจัง เพราะ 3 แหล่งนี้เป็นกระบวนการกลุ่มอภิชนที่ยึดครองประเทศไทย ยึดอำนาจจากประชาชน ไม่ยึดโยงกับประชาชน อำนาจกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นถึงปลาย อำนาจองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ล้วนต้องยึดโยงกับประชาชน รวมทั้งกองทัพ โครงสร้างการบริหารขององค์กรเหล่านี้ ต้องให้อำนาจประชาชนควบคุมได้ ไม่ใช่สมคบกันจัดการประชาชน และมีที่มาจากกลุ่มอภิชนด้วยกัน
7.
กระจายอำนาจบริหารจากส่วนกลางไปยังภูมิภาค แก้ปัญหาระบบศักดินา เจ้าขุนมูลนาย
และการคอรัปชั่นส่งนายใหญ่ตามลำดับ ให้ผู้บริหารผ่านการเลือกตั้งของประชาชนและถูกตรวจสอบได้ง่าย
8.
ให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด หรือมาจากประชาชนโดยอ้อม
ผ่านการคัดสรรตามโควตา ส.ส. ในรัฐสภาของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งทั่วไป
หรือมิฉะนั้นก็ไม่ต้องมีวุฒิสมาชิกเลย เพราะตราบเท่าที่องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ
ศาลปกครอง วุฒิสมาชิกถูกแต่งตั้งจากรัฐทหารจารีต อำนาจประชาชนก็ถูกจัดการทำลาย
ยุบพรรคการเมืองโดยง่าย จับกุมคุมขัง ลงโทษประชาชนผู้เห็นต่างเหมือนเช่นทุกวันนี้
ข้อเสนอเหล่านี้เป็นเพียงปัญหาหลักที่มีผลต่อกระบวนการยุติธรรมและการปราบปรามประชาชนเท่านั้น
ซึ่งจะส่งผลต่อประชาชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
พรรคการเมืองที่สยบต่ออำนาจที่ปล้นมาจากประชาชน
เท่ากับพรรคการเมืองนั้นไม่ใช่พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยจริง
ข้อเสนอเราเป็นเพียงบางส่วน
มิใช่ข้อเสนอทั้งหมดที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้เข้าสู่สังคมอารยะ
ยังมีปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ การศึกษา ปัญหาสังคมและสาธารณสุข
ที่ยังต้องแก้ไขทั้งสิ้น
แต่เพื่อทวงความยุติธรรม เราจึงพูดเฉพาะประเด็นหลัก ๆ ทางการเมืองการปกครอง
กระบวนการยุติธรรม และกองทัพที่ไม่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยจริง
ขอแสดงความนับถือ
คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53)
.
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #คนเสื้อแดง #ทวงความยุติธรรม