‘โรม’ แฉกลางสภา เปิดหลักฐานถอนหมายจับ ‘ส.ว. อ.อ่าง’
ให้ที่ดินตั้งที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ อัดยับประยุทธ์ 'ตู้ห่าว'
ทำประเทศสกปรก เผยข้อมูลแน่น จีนเทาใกล้ชิดธรรมนัส -
ผู้มีอำนาจในบ้านเมือง
เมื่อวันที่
15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคก้าวไกล อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณีการจับกุม ทุนมินลัต นักธุรกิจคนสนิทของ มินอ่องหล่าย
ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ ส.ว. “อ.”
ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. โดยกล่าวว่า เมื่อเดือนกันยายน 2565 ตำรวจกองบังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส. บช.น.)
จับกุมขบวนการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องเครือข่ายค้ายาในประเทศเมียนมา หนึ่งในนั้นคือ 'ทุนมินลัต' ต่อมาเมื่อมีการเชื่อมโยงกับ ส.ว. “อ.”
เจ้าตัวก็อ้างว่าไม่รู้เรื่องยาเสพติด ไม่ได้ยุ่งธุรกิจชายแดนนานแล้ว แต่ในความเป็นจริงยังใช้เลขาส่วนตัวไปจดทะเบียนตั้งบริษัทที่มีส่วนในการฟอกเงิน
ต่อมา
3 ตุลาคม 2565 ตำรวจ บก.สส. บช.น. จึงขอหมายจับส.ว.
“อ.” ในความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน โทษจำคุกเกิน 3 ปี ศาลก็อนุมัติแล้ว แต่ปรากฏว่าในบ่ายวันเดียวกัน มีการเรียกให้ไปถอนหมายจับ
ตามบันทึกสั่งการระบุว่า
“พิจารณาแล้ว เห็นว่าผู้ร้องให้ออกหมายจับ ศาลได้พิจารณาคำร้องแล้ว
ได้ออกหมายจับตามขอ เมื่อพิจารณาคำแนะนำอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
ทางผู้ร้องแจ้งเจ้าหน้าที่ศาลว่าผู้ถูกออกหมายจับเป็นบุคคลสำคัญ
แต่ไม่ได้แจ้งให้ทางศาลทราบ จึงให้เพิกถอนหมายจับกับหมายค้นเสีย
เพื่อให้หมายเรียกก่อน ภายใน 15 วัน หากทางบุคคลสำคัญดังกล่าวมิได้มาตามหมายเรียก
ให้ผู้ร้องดำเนินการขอหมายจับต่อไป
สำหรับหมายเรียกให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินการโดยด่วน
เหตุที่ให้ออกหมายเรียกเนื่องจากบุคคลดังกล่าวเชื่อว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนี”
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า
เหตุผลที่อ้างในการถอนหมายจับ ส.ว. ‘อ.’ ไม่ใช่ว่าหลักฐานอ่อน
แต่เป็นเพราะคนคนนี้เป็นบุคคลสำคัญอย่างนั้นหรือ ในขณะเดียวกัน
มีคำสั่งโยกย้ายตำรวจที่มีผล 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา
ให้ว่าที่ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ธนศุภณัฏฐ์
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยตามคดีจนเอารายใหญ่อย่างทุนมินลัตมาขึ้นศาลได้
กลับถูกเด้งไปอยู่ สภ.บ้านเดื่อ จ.ชัยภูมิ
“ความผิดปกติทุกด้านที่พร้อมใจกันเกิดขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าความพยายามใด ๆ
ก็ตามที่จะดำเนินคดีกับ ส.ว. ‘อ’ จะต้องหยุดลงแต่เพียงเท่านี้ ซึ่งมันจะเกิดขึ้นอย่างสอดประสานกันขนาดนี้ไม่ได้เลยถ้าไม่มีคนคอยบงการอยู่ข้างหลัง
คนที่มีผลประโยชน์ร่วมกับ ส.ว. ‘อ’
อย่างเหนียวแน่นและยังอยากใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันต่อไป นั่นคือคนอย่าง
พล.อ.ประยุทธ์” รังสิมันต์กล่าว
.
โฆษกพรรคก้าวไกล
กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์มีผลประโยชน์อะไรที่จะต้องช่วย
คำตอบน่าจะอยู่ตรงที่ดินผืนหนึ่ง เนื้อที่ 2 งาน 17 ตารางวา
อารีย์ซอย 5 ใจกลางเมือง เดิมในช่วงปี 2563 เป็นของบริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA
บริษัทนี้เองก็เคยบริหารและถือหุ้นใหญ่โดย ส.ว. ‘อ’ และปัจจุบันที่ดินผืนนี้
เป็นที่ตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติ
“ผมอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ช่วยชี้แจง
ว่าได้มีการทำสัญญาให้พรรครวมไทยสร้างชาติเช่าที่ดินและตึกตรงนี้หรือไม่
ราคาเช่าเท่าไร หรือว่าใจดีมาก ให้ยืมใช้กันฟรี ๆ ไปเลย” รังสิมันต์กล่าว
รังสิมันต์กล่าวว่า
การที่ พล.อ.ประยุทธ์
ย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ในที่ของคนทรงเอที่มีข้อครหาเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน
ตนไม่อยากจินตนาการเลยว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ
จะตอบแทนให้แก่เจ้าบ้านคนนี้ด้วยอะไร
ไม่ต้องแปลกใจเลยถ้าจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของขบวนการฟอกเงิน ขบวนการสนับสนุนผู้ค้ายาชิ้นนี้จะหลุดรอดลอยนวลไปได้
และไม่ต้องหวังเลยว่า 4
คนที่ถูกจับขึ้นศาลไปก่อนหน้านี้ จะไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู ถ้าคนอย่าง
ส.ว. ‘อ’ ยังรอด ก็เชื่อมือได้เลยว่าจะต้องหาทางช่วยให้ ทุนมินลัต
รอดออกมาได้ด้วยแน่นอน
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าที่
พล.อ.ประยุทธ์ตั้งใคร ๆ ขึ้นมามียศตำแหน่ง จริง ๆแล้ว
ไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีประวัติดำมืดแค่ไหน
สะท้อนว่าหนึ่งในปัญหาตลอดกาลของประเทศนี้อย่างเรื่องยาเสพติดนั้น
การจะจัดการถอนรากถอนโคนออกไปให้ได้อย่างเด็ดขาดจะไม่มีวันเป็นจริงเลย
หากคนที่อยู่ในวงอำนาจการเมืองไทยที่เข้าไปเกี่ยวข้องผ่านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนต่าง
ๆ ไม่ถูกรื้อทิ้งไปด้วย
.
รังสิมันต์
อภิปรายต่อในประเด็นที่สอง กรณีทุนจีนสีเทาที่เกี่ยวพันธุรกิจของหลานชาย พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า จีนเทาที่ดังที่สุดในช่วงที่ผ่านมาคือ
ตู้ห่าว ชัยนัฐร์ กรชายานันท์ ตนคิดว่าเรื่องนี้ ‘ปีศาจอยู่ในรายละเอียด’
โดยเฉพาะเมื่อดูไทม์ไลน์ของการดำเนินคดี
จะพบว่ามีความล่าช้าของการออกหมายจับและการตั้งข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ
และข้อหาฟอกเงิน ซึ่งคนที่สำคัญที่สุด
ที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจ คือ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธาน
ก.ตร. เห็นข่าวคดีนี้มาเป็นเดือน ๆ แล้ว ถ้าจริงจังกับการปราบจีนเทาจริง ๆ
สามารถกำชับ ผบ.ตร. ให้กระตือรือร้นกว่านี้ได้แน่ แต่ในความเป็นจริง นายกฯ
ก็ยังปล่อยให้มีการเตะถ่วงอยู่อย่างนี้
เป็นเพราะตู้ห่าวไปเกี่ยวกับหลานของ
พล.อ. ประยุทธ์ ด้วยใช่หรือไม่ นั่นคือ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ของลูกชาย
พล.อ. ปรีชา จันทร์โอชา ส.ว. และน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์
ซึ่งเคยมีประวัติจดทะเบียนที่ตั้งในค่ายทหาร มารอบนี้ไปเช่าซื้อรถทัวร์ถึง 33 คันมาปล่อยเช่าต่อให้กับบริษัทในเครือของตู้ห่าว
ทั้งที่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ทำไมต้องมาทำเรื่องให้เช่ารถ
“ทำตัวแปลก ๆ กันแบบนี้ คนอื่นเลยสงสัยว่าอาจเป็นการฟอกเงินด้วย ไม่หลาน
พล.อ.ประยุทธ์ฟอกให้ตู้ห่าว ก็ตู้ห่าวฟอกให้หลาน พล.อ.ประยุทธ์
การที่พบเส้นทางการเงินที่เป็นธุรกิจใหญ่ ๆ เชื่อมโยงไปถึงผู้ต้องหาสำคัญระดับนี้
อย่างน้อยที่สุด หลาน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องถูกเรียกตัวมาสอบสวนด้วย
ซึ่งก็ได้ยินจากเพื่อนสมาชิกกล่าวไปแล้วว่า ตำรวจมีการเชิญตัวหลาน พล.อ.ประยุทธ์มา
แต่ก็มาแบบเงียบ ๆ แอบ ๆ ไม่อยากให้โลกรู้” รังสิมันต์กล่าว
รังสิมันต์กล่าวว่า
เช่นนี้จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร ว่าคดีนี้จะไม่มีลูกเล่นอะไรให้หนีรอดกันไปได้อีก
เราเห็นกันมาหลายครั้งแล้วที่พอเรื่องเริ่มมาแตะ ๆ กับตระกูล ‘จันทร์โอชา’
ก็จะต้องมี ‘มือวิเศษ’ คอยปัดคดีทิ้งแบบค้านสายตาไปเสียทุกครั้ง
แบบนี้ให้เราเชื่อได้จริง ๆ หรือว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนดี ไม่ใช่พฤติกรรมของคนโกง
นอกจากนี้ จีนเทาอย่างตู้ห่าวยังมีภาพถ่ายที่แสดงความสนิทสนมกับ ธรรมนัส พรหมเผ่า
อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นมือเป็นไม้ให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
รังสิมันต์กล่าวว่า
ตนขอแนะนำให้รู้จัก ‘เซาเซียนโป’
ที่ถูกตั้งข้อหาแจ้งข้อมูลเท็จในการออกบัตรประชาชนและเอกสารราชการ
มีหมายจับอยู่ที่ จ.ปัตตานี ตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งมาจับไม่กี่เดือนก่อน
พฤติกรรมของเซาเซียนโป คือชอบเข้าหาคนมีสีมีอำนาจ รายที่สำคัญชื่อว่า พล.อ. “ธ.”
หนึ่งในนายทหารน้องรักของ พล.อ.ประวิตร
ที่ได้ข่าวมาว่ารับเงินจากจีนมาวิ่งเรื่องรถไฟกับรัฐบาล ตนคิดว่าตำรวจควรเรียกตัว
ทั้ง พล.อ. “ธ.” และผู้สนับสนุนรายอื่นๆ มาสอบปากคำด้วยเช่นกัน
ว่าพวกท่านมีอะไรเกี่ยวข้องกับจีนเทานักปลอมแปลงคนนี้บ้าง
นอกจากนี้
จีนเทาที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายไม่ได้จำกัดวงอยู่เฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น
ยังมีประเภทที่มาตั้งฐานที่มั่นอยู่ติดกับชายแดนไทย
เพื่อหลอกเอาคนไทยไปเป็นแรงงานให้กับมิจฉาชีพของตัวเอง จากสถิติในช่วงปี 2563 - 2564 มีจีนเทาผ่านแดนเข้ามาแบบนี้กว่า 7 พันคน เช่น
‘หยูซินฉี’ ที่ระบุตัวเองว่าเป็นประธานสมาคมแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า
‘มณฑลส่านซีสมาคมแห่งประเทศไทย’ อ้างว่าให้บริการแนะนำการลงทุน
ช่วยคนจีนจดทะเบียนบริษัทในไทยนัดพบเจ้าหน้าที่ระดับสูง ช่วยเรื่องขอวีซ่า
แต่เมื่อตรวจสอบฐานข้อมูลในไทย ไม่พบการจดทะเบียนสมาคมแห่งนี้ กล่าวคือเป็นสมาคมเถื่อน
วิธีที่ใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อให้คนจีนเข้ามาใช้บริการของตัวเอง
นั่นคือการเขียนบทความลงโซเชียลมีเดียของสมาคมและเผยแพร่ไปตามเว็บข่าวต่าง ๆ
เนื้อหาโดยมากก็ไปในทางอวยตัวเอง แต่ที่เริ่มแปลกๆ ขึ้นมา
คือบอกว่าตัวเองได้รับเชิญให้เป็นที่ปรึกษาด้านกิจการจีนของเชื้อพระวงศ์ไทยและนายพลราชองครักษ์
ซึ่งตนตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เชื้อพระวงศ์ที่ว่าก็คือระดับหม่อมราชวงศ์
ซึ่งในบ้านเราถือเป็นสามัญชนเท่านั้น
“เรื่องพวกนี้ผู้ที่ต้องรู้ข้อมูลดีที่สุด
ต้องเตรียมการป้องกันอย่างดีที่สุดไม่ให้มันเกิดขึ้น ก็คือรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
ที่อ้างจุดขายเรื่องความมั่นคงมาตลอด
ซึ่งถ้าท่านได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็นจริงๆ อย่างที่อวดอ้าง
ผมคิดว่าคงไม่มีข่าวเรื่อง ตม. ถูกเปิดโปงออกมาตั้งแต่แรก” รังสิมันต์กล่าว
รังสิมันต์กล่าวว่า
ไม่ว่าจะเป็นจีนเทา หรือเมียนมาเทา กรณีเหล่านี้คือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่ลุกลามบานปลายอยู่ในภูมิภาคนี้มานับสิบปี
โดยมุ่งเป้าในการกอบโกยมาที่พี่น้องประชาชนชาวไทย
และอีกหลายกลุ่มถึงกับเจาะทะลวงเข้ามาถึงภายในประเทศ เปิดบ่อนการพนัน
เปิดตลาดยาเสพติด ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือโฆษณาหลอกลวงต่าง ๆ สารพัด ไปจนถึงค้าประเวณี
ค้าอวัยวะ ผู้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของกลุ่มอาชญากรรมพวกนี้ก็คือคนไทยดีๆ
ที่พยายามทำมาหากิน คือเยาวชนที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์
แต่สิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุด
คือบางคนที่มีส่วนสมคบคิด อนุญาตให้อาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้เจริญงอกงาม
กลับเป็นคนไทยด้วยกันเอง นี่คือพวก ‘ไทยเทา’ ที่แฝงตัวอยู่ทั้งในตำรวจ ทหาร ศาล
และราชการทุกสำนัก สูบเอาผลประโยชน์จากคนไทยกันเอง
แล้วเอาไปแสวงหาอำนาจจนได้เป็นถึง ส.ว. ได้เป็นถึงรัฐมนตรี ได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรี
คอยคุ้มกะลาหัวไทยเทาอื่น ๆ ให้อยู่รอดลอยนวล ดังนั้นตราบใดที่ไทยเทาพวกนี้ยังมีอยู่
อาชญากรรมทั้งในชาติและข้ามชาติที่เป็นท่อน้ำเลี้ยง
ก็ไม่มีวันที่จะหายสาบสูญไปด้วย
“อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
คือหมุดหมายสำคัญที่จะตัดสินว่าเราจะยังอยู่กับยาเสพติด
อยู่กับอาชญากรรมสารพัดรูปแบบ และอยู่กับคนอย่าง ‘ตู่ห่าว’ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ และพวกที่ได้ดิบได้ดีกับธุรกิจมืดที่ทำลายชีวิตของลูกหลานพวกท่านต่อไป
หรือจะได้เวลาแล้วที่พี่น้องประชาชนผู้เป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง
จะร่วมกันไล่ตะเพิดพวกไทยเทาและแก๊งโจรเทานานาชาติออกไปเสียที
บ้านหลังนี้ที่ถูกทำให้สกปรกเน่าเฟะมานานยังสามารถกลับมาสะอาดอีกครั้งได้
แต่ต้องเริ่มจากกำจัดขยะที่กองอยู่กลางบ้านก่อน
ซึ่งผมและพรรคก้าวไกลขออาสาหยิบมันไปทิ้งเอง” รังสิมันต์กล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ประชุมสภา #ทุนจีนสีเทา #รทสช