วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

“ก้าวไกล” แถลงเปิดโอกาสให้ “เพื่อไทย” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้ MOU ที่ทำร่วมกัน เพื่อหยุดยั้งขั้วอำนาจเดิมและตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยให้สำเร็จ

 


“ก้าวไกล” แถลงเปิดโอกาสให้ “เพื่อไทย” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้ MOU ที่ทำร่วมกัน เพื่อหยุดยั้งขั้วอำนาจเดิมและตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยให้สำเร็จ


วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ อาคารอนาคตใหม่ สำนักงานใหญ่พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนผ่านไปถึงพี่น้องประชาชนไทย กรณีความคืบหน้าการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้าได้แย้มว่าจะมีข่าวดีอย่างแน่นอน นั่นคือเมื่อก้าวไกลถูกสกัดกั้นจากองคาพยพของจารีตนิยม อำนาจนิยม ไม่ให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคก้าวไกลจึงเปิดโอกาสให้ พรรคที่ได้เสียงเป็นอันดับ 2 คือพรรคเพื่อเป็นเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมยืนยันสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ภายใต้ MOU ที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ลงนามกันไว้ โดยมีรายละเอียดการแถลงข่าวดังนี้


กราบเรียนพี่น้องสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนที่ติดตามการถ่ายทอดสดในวันนี้ พรรคก้าวไกลขออนุญาตแถลง


การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 เป็นการประกาศเจตจำนงของประชาชนที่ชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจนชนะเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2


ดังนั้นเป้าหมายสูงสุดของเราในฐานะพรรคอันดับ 1 คือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้สำเร็จเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม แต่ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ทุกอย่างชี้ชัดว่าทุกองคาพยพของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทั้งการเมืองจารีต ทุนผูกขาด และสถาบันองค์กรต่าง ๆ ที่เป็นบริวารแวดล้อม ทั้งหมดไม่ยอมให้ก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยเอาเรื่องมาตรา 112 มาบังหน้า และอ้างความจงรักภักดีมาปะทะกับการเลือกตั้งของประชาชน


นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวทางคณะกรรมการการเลือกตั้งและศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อหวังตัดสิทธิ์ของแกนนำพรรคและยุบพรรคก้าวไกลให้ได้


ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นว่า ส.ว. จึงฝืนมติมหาชน ไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร มิหนำซ้ำยังกล้าทำลายหลักการตีความข้อบังคับของรัฐสภาให้ขัดกับรัฐธรรมนูญ เปรียบเสมือนการล้มล้างการปกครอง หรือฉีกรัฐธรรมนูญผ่านกฎหมู่ เพียงเพื่อต้องการขัดขวางไม่ให้เสนอชื่อคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในครั้งที่ 2


พรรคก้าวไกลไม่ยอมรับการตีความข้อบังคับดังกล่าว แต่ภายใต้การทำงานที่สอดประสานกันทั้งองคาพยพของฝ่ายอนุรักษ์นิยมเช่นนี้ เราจำเป็นต้องขอโทษต่อพี่น้องประชาชน และยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเขาไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล


อย่างไรก็ดี การที่คุณพิธาไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ได้หมายความว่าภารกิจในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อพลิกขั้วอำนาจรัฐบาลจะไม่สำเร็จไปด้วย เป้าหมายสูงสุดของเราในฐานะพรรคอันดับ 1 ยังคงอยู่ นั่นคือการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิมให้สำเร็จ สิ่งสำคัญในวันนี้จึงไม่ใช่เพื่อคุณพิธาจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ แต่คือเพื่อประเทศไทยจะกลับสู่ประชาธิปไตยได้หรือไม่ หยุดการสืบทอดอำนาจได้หรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคก้าวไกลจะเปิดโอกาสให้ประเทศ ให้พรรคอันดับ 2 คือพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพันธมิตร 8 พรรคที่เราได้เคยทำ MOU ร่วมกันเอาไว้


ดังนั้น ในการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป พรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยเคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล


หลังจบการแถลงข่าว นายชัยธวัช เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวซักถามประเด็นมาตรา 112 นายชัยธวัชกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยเป็นหลักในการพูดคุยถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน และจากการคุยกันวานนี้ (20 ก.ค.) ทางพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้สรุปชัดเจนว่าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยจะเป็นใคร และโดยหลักการจะเป็นใครก็ได้ที่มติของพรรคเพื่อไทยออกมา ทางก้าวไกลยินดีสนับสนุนและเสนอชื่อในที่ประชุม


เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า เรายืนยันว่าเจตจำนงของพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งนั้นชัดเจน แม้วันนี้จะไม่สามารถผลักดันคุณพิธาเป็นนายกฯ ให้สำเร็จ แต่ภารกิจสำคัญที่เหลืออยู่ก็คือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ตามเจตจำนงของพี่น้องประชาชนที่หวังจะยุติการสืบทอดอำนาจของขั้วรัฐบาลเดิม


สำหรับการพิจารณาดึงพรรคการเมืองอื่นเข้ามาเพิ่มจาก 8 พรรคเดิมนั้น นายชัยธวัช ยืนยันว่าต้องรอฟังจากพรรคเพื่อไทยและจะต้องมีการพูดคุยกันทั้ง 8 พรรคให้ชัดเจน ซึงขณะนี้ก็รอการประสานงานจากพรรคเพื่อไทยว่าจะมีการนัดเจรจากันอีกเมื่อใด


นายชัยธวัช กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้มีคดีที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญก็คือคดีหุ้นไอทีวีและคดีล้มล้างการปกครองจากนโยบายเรื่อง 112 แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคดีไม่ได้มีการร้องให้ยุบพรรค แต่อันนี้ประมาทไม่ได้ เห็นได้ชัดเจนว่าหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้อยู่ในระบบนิติรัฐปกติ องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญก็ถูกตั้งคำถามตลอดเวลาในแง่ของหลักเกณฑ์หลักตามกฎหมาย หรือการมีบทบาทเป็นเครื่องมือให้แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ เราก็ไม่ได้ประมาท เรายังติดตามอยู่


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #จัดตั้งรัฐบาล #ก้าวไกล #เพื่อไทย