“ไอติม
พริษฐ์” ลงพื้นที่ชุมนุม ขอบคุณประชาชนที่ให้ใจกับ “ก้าวไกล” ยืนยันหลักการ
การเคารพเสียงข้างมากของส.ส. คือการเคารพเสียงของประชาชน
วันนี้
(19 กรกฎาคม 2566) เมื่อเวลา 19.30 น. พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางมาลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การชุมนุม
พริษฐ์
กล่าวว่า วันนี้หลัก ๆ ก็ถือว่ามาสังเกตการณ์ มาพูดคุยกับประชาชนถึงความรู้สึกที่เขามีหลังจากการลงมติของการประชุมรัฐสภา
ถึง 2 ครั้ง ทั้งวันที่ 13 และวันที่ 19 กรกฎาคม มาขอบคุณประชาชนที่ให้ใจ
ส่วนตัวคิดว่าสาเหตุของการมารวมตัวกันวันนี้
เป็นปฏิกิริยาต่อผลการลงมติของรัฐสภาถึง 2 ครั้ง ส่วนตัว ขออธิบายว่าการลงมติทั้ง
2 วันดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะเป็นความพยายามที่จะคืนความปกติให้กับสังคม
ซึ่งวันที่ 13 กรกฎาคม พรรคก้าวไกลยืนยันมาตลอด เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
โหวตให้กับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้การโหวตไม่ได้เป็นการโหวตให้เพราะความชื่นชอบในตัวพิธาหรือพรรคก้าวไกล
แต่ขอให้เคารพเสียงของประชาชนทุกคนที่ลงคะแนนจากการเลือกตั้งทั้ง 40 ล้านเสียง
จนกลายมาเป็นผู้แทนราษฎรจำนวน 500 คน
พริษฐ์
กล่าวต่อว่า การโหวตให้แคนดิเดตนายกฯของพรรคที่ได้รับความไว้วางใจ
จนสามารถรวบรวมเสียงได้กึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยตามปกติ
วันนี้ในการอภิปรายในสภาฯ
เกี่ยวข้องกับการตีความข้อบังคับซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าหลักการสำคัญ
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพิธาส่วนตัว แต่เราต้องยึดมั่นในหลักการที่ถูกต้องและการตีความต้องสอดคล้องกับหลักรัฐธรรมนูญ
ในส่วนของพรรคก้าวไกลที่มีการอภิปรายชัดเจน
ที่เห็นว่าพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วย ตามมติของที่ประชุมรัฐสภาในวันนี้
เพราะมองว่ามันไม่ได้อยู่บนฐานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่เป็นเหตุผลทางกฎหมายเหตุผลทางรัฐศาสตร์
ว่าทำไมไม่ควรจะตีความว่าการเสนอชื่อนายกฯ เข้าญัตติทั่วไปอยู่ในข้อบังคับข้อที่
41
ผมยืนยันมาตลอดว่าการลงมติวันที่
13 กรกฎาคมคือเราต้องเคารพเสียงของประชาชนทุกคน ผมย้ำว่าเราต้องโหวตให้พิธาเพื่อเคารพเสียงของประชาชนทุกคนไม่ใช่แค่เคารพเสียงของประชาชนที่เลือกพิธาและพรรคก้าวไกล
หรือประชาชนที่โหวต 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น
แต่ให้สมาชิกสภาผู้แทนทุกคนเคารพเสียงของประชาชนที่ออกมาเลือกตั้ง
พริษฐ์
กล่าวต่อว่า ฉะนั้นแล้วการเคารพเสียงข้างมากของส.ส. ก็คือการเคารพเสียงของประชาชน
เป็นหลักการที่เรายืนยันมาตลอด ทั้งนี้ คนที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ล้วนอยากเห็นการเมืองเดินหน้าด้วยกติกาประชาธิปไตย
เมื่อถามว่าขั้นต่อไปจะมีการหารือ
หรือให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พริษฐ์ระบุว่า
ในส่วนนี้ก็ขอให้เป็นการหารือของพรรคในลำดับต่อไป อย่างไรก็ตาม การเมืองไทยขณะนี้
ไม่ได้เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยปกติ ไม่ว่าจะเป็นการให้ ส.ว. เคารพเสียงข้างมากของ ส.ส.
เคารพเสียงข้างมากของประชาชน การที่พรรคก้าวไกลพยายามอภิปรายคัดค้านให้การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไม่ถูกจำกัดด้วยข้อบัญญัติ
41 ทั้งหมดล้วนเป็นการพยายามคืนความปกติให้สังคมไทย พริษฐ์ กล่าวในที่สุด
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ประชุมสภา #โหวตนายกรอบ2