วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

“ไอติม พริษฐ์” ลงพื้นที่ชุมนุม ขอบคุณประชาชนที่ให้ใจกับ “ก้าวไกล” ยืนยันหลักการ การเคารพเสียงข้างมากของส.ส. คือการเคารพเสียงของปชช.

 


“ไอติม พริษฐ์” ลงพื้นที่ชุมนุม ขอบคุณประชาชนที่ให้ใจกับ “ก้าวไกล” ยืนยันหลักการ การเคารพเสียงข้างมากของส.ส. คือการเคารพเสียงของประชาชน


วันนี้ (19 กรกฎาคม 2566) เมื่อเวลา 19.30 น. พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางมาลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การชุมนุม


พริษฐ์ กล่าวว่า วันนี้หลัก ๆ ก็ถือว่ามาสังเกตการณ์ มาพูดคุยกับประชาชนถึงความรู้สึกที่เขามีหลังจากการลงมติของการประชุมรัฐสภา ถึง 2 ครั้ง ทั้งวันที่ 13 และวันที่ 19 กรกฎาคม มาขอบคุณประชาชนที่ให้ใจ


ส่วนตัวคิดว่าสาเหตุของการมารวมตัวกันวันนี้ เป็นปฏิกิริยาต่อผลการลงมติของรัฐสภาถึง 2 ครั้ง ส่วนตัว ขออธิบายว่าการลงมติทั้ง 2 วันดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะเป็นความพยายามที่จะคืนความปกติให้กับสังคม ซึ่งวันที่ 13 กรกฎาคม พรรคก้าวไกลยืนยันมาตลอด เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โหวตให้กับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี


ทั้งนี้การโหวตไม่ได้เป็นการโหวตให้เพราะความชื่นชอบในตัวพิธาหรือพรรคก้าวไกล แต่ขอให้เคารพเสียงของประชาชนทุกคนที่ลงคะแนนจากการเลือกตั้งทั้ง 40 ล้านเสียง จนกลายมาเป็นผู้แทนราษฎรจำนวน 500 คน


พริษฐ์ กล่าวต่อว่า การโหวตให้แคนดิเดตนายกฯของพรรคที่ได้รับความไว้วางใจ จนสามารถรวบรวมเสียงได้กึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยตามปกติ


วันนี้ในการอภิปรายในสภาฯ เกี่ยวข้องกับการตีความข้อบังคับซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าหลักการสำคัญ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพิธาส่วนตัว แต่เราต้องยึดมั่นในหลักการที่ถูกต้องและการตีความต้องสอดคล้องกับหลักรัฐธรรมนูญ


ในส่วนของพรรคก้าวไกลที่มีการอภิปรายชัดเจน ที่เห็นว่าพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วย ตามมติของที่ประชุมรัฐสภาในวันนี้ เพราะมองว่ามันไม่ได้อยู่บนฐานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่เป็นเหตุผลทางกฎหมายเหตุผลทางรัฐศาสตร์ ว่าทำไมไม่ควรจะตีความว่าการเสนอชื่อนายกฯ เข้าญัตติทั่วไปอยู่ในข้อบังคับข้อที่ 41


ผมยืนยันมาตลอดว่าการลงมติวันที่ 13 กรกฎาคมคือเราต้องเคารพเสียงของประชาชนทุกคน ผมย้ำว่าเราต้องโหวตให้พิธาเพื่อเคารพเสียงของประชาชนทุกคนไม่ใช่แค่เคารพเสียงของประชาชนที่เลือกพิธาและพรรคก้าวไกล หรือประชาชนที่โหวต 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น แต่ให้สมาชิกสภาผู้แทนทุกคนเคารพเสียงของประชาชนที่ออกมาเลือกตั้ง


พริษฐ์ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นแล้วการเคารพเสียงข้างมากของส.ส. ก็คือการเคารพเสียงของประชาชน เป็นหลักการที่เรายืนยันมาตลอด ทั้งนี้ คนที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ล้วนอยากเห็นการเมืองเดินหน้าด้วยกติกาประชาธิปไตย


เมื่อถามว่าขั้นต่อไปจะมีการหารือ หรือให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พริษฐ์ระบุว่า ในส่วนนี้ก็ขอให้เป็นการหารือของพรรคในลำดับต่อไป อย่างไรก็ตาม การเมืองไทยขณะนี้ ไม่ได้เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยปกติ ไม่ว่าจะเป็นการให้  ส.ว. เคารพเสียงข้างมากของ ส.ส. เคารพเสียงข้างมากของประชาชน การที่พรรคก้าวไกลพยายามอภิปรายคัดค้านให้การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไม่ถูกจำกัดด้วยข้อบัญญัติ 41 ทั้งหมดล้วนเป็นการพยายามคืนความปกติให้สังคมไทย พริษฐ์ กล่าวในที่สุด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ประชุมสภา #โหวตนายกรอบ2