3 องค์การนักศึกษา ออกแถลงการณ์ร่วม
เรียกร้องประชาชนไทยลุกขึ้นสู้เพื่อรักษาประชาธิปไตย
วานนี้ (19 กรกฎาคม 2566) ที่เพจเฟซบุ๊ก
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมของ 3
องค์การนักศึกษา สืบเนื่องมาจากผลมติในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ซึ่งองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) ได้สรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้
ในครั้งนี้ฝั่งร่วมรัฐบาลจึงได้เสนอชื่อ
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
โดยอิงจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560
ตามมาตรา 159 และมาตรา 272
มาตรา 159/2 ว่าด้วยการเสนอชื่อต้องมีสมาชิกรองรับ
ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (50 คน)
.
มาตรา 272 ว่าด้วยการให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งนายกฯ
ในห้าปีหลังจากประกาศใช้ รธน. นี้ ต้องมีผู้รับรองมากกว่ากึ่งหนึ่งของทั้งสองสภา
อันได้แก่ สส. และ สว. รวมเป็นจำนวน 749 คน ซึ่งมิได้กำหนดว่าเป็นญัตติหรือไม่
แต่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าหลังจากการเลือกตั้งต้องมีนายกรัฐมนตรีโดยสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้
เพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามพรรคเสียงข้างน้อยแย้งว่าการเสนอชื่อ
พิธาฯ อีกครั้ง เป็นการขัดกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 ว่าด้วยญัตติใดตกไปแล้ว
ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเดียวกันเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน
ซึ่งญัตติดังกล่าวที่ถกเถียงกันอย่างยืดยาวในสภานั้นเป็นเพียงข้อบังคับหนึ่งที่มีลำดับศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญสูงสุดของประเทศเสียด้วยซ้ำ...
การกระทำเช่นนี้เป็นการทำลายความหวัง
ทำลายความเชื่อมั่น ทำลายประชาธิปไตย
ผ่านการกระทำแบบนิติสงครามเพื่อหาหนทางเข้าสู่อำนาจทางการเมืองของพรรคพวกตน
ที่ท่านพลิกเกมกลเล่นสนุกกันแต่ประชาชนนั้นกลับต้องเดือดร้อน
และหากท่านไม่เคยชายตาแลประชาชน โปรดรู้ไว้ว่าความอดทนของคนก็มีขีดจำกัด
สำหรับแถลงการณ์ร่วมที่ได้เผยแพร่มีความว่า
แถลงการณ์ร่วมขององค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และองค์การบริหารองค์การนักศึกษา
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
เรื่อง
ขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนชาวไทยลุกขึ้นสู้ทุกวิถีทางเพื่อรักษาประชาธิปไตย
วันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2566
มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1)
ในวาระการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปีพุทธศักราช 2560
ในวันนี้นับเป็นวันอันแสนอัปยศอีกครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่ต้องถูกจดจำ
และจารึกไว้ในความทรงจำของผู้คนไปอีกนานแสนนาน
เพราะเป็นอีกครั้งที่สมาชิกวุฒิสภาได้ทำการขัดขวางการเดินหน้าของประชาธิปไตยในประเทศแห่งนี้
ขณะเดียวกันก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เข้ามามีบทบาทชี้ความเป็นไปของการเมืองไทยเหนือมติมหาชนในวันเลือกตั้ง
เปรียบเสมือนภาพฉายซ้ำของประชาธิปไตยในประเทศไทยภายหลังการรัฐประหาร ปีพุทธศักราช
2549
ที่กระบวนการตุลาการภิวัตน์ได้สร้างบาดแผลในหัวใจของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งซ้ำไปซ้ำมา
เสมือนกับหลักนิติรัฐ นิติธรรมในประเทศแห่งนี้ไม่มีอยู่จริง
อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย
คือถ้อยคำที่กล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตราที่ 3
หากแต่ผู้มีอำนาจที่แท้จริงในประเทศแห่งนี้ไม่เคยมีสามัญสำนึก
ตระหนักถึงประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุด มีแต่กระทำการดันทุรังและฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยเพียงเพราะความลุ่มหลงในอำนาจและทิฐิส่วนตัวที่ไม่ยอมให้เข็มนาฬิกาเดินหน้าไปต่อ
แม้จะรู้ว่าในอนาคตข้างหน้าพวกท่านจะต้องพ่ายแพ้ต่อกาลเวลาและอำนาของราษฎร
วันนี้พวกเราประชาชนเสียใจอย่างแสนสาหัส
และขอร่ำไห้ต่อกระบวนการยุติธรรมและประชาธิปไตยในประเทศแห่งนี้ ถึงอย่างไร นี่คือวันสุดท้ายที่ที่พวกเราจะเสียใจ
เพราะพรุ่งนี้พวกเราจะไม่จมอยู่กับความสิ้นหวังจากการกระทำอันฉ้อฉลของพวกท่านทั่งหลาย
พวกเราขอเรียกร้องให้ประชาชนคนไทยทุกคนลุกขึ้นสู้
ต่อต้านผู้มีอำนาจในทุกวิถีทางที่พวกท่านสามารถทำได้
ทั้งในเชิงความคิดและการกระทำตามครรลองระบอบประชาธิปไตย
เราอดทนมานานพอแล้วที่จะตระหนักในความจริงที่ว่า
พวกเขาไม่เคยยอมปล่อยให้ประเทศนี้เป็นของประชาชน
อย่าอยู่กับความหวาดกลัว
อย่าจมอยู่กับความพ่ายแพ้ในจิตใจที่พวกท่านต้องเผชิญมาตลอดจนคิดไปเสียแล้วว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศแห่งนี้ได้
ถึงเวลาให้พวกเขารู้สึกและสำนึกในพลังของประชาชนโปรดลุกขึ้นสู้ในทุกวิถีทาง
ในทุกวิธีการจนกว่าวันที่ฟ้าสีทองผ่องอำไพจะมาถึง
แล้วประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินอย่างแท้จริง ขอให้นี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเราประชาชนคนไทย
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
องค์การบริหารองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
19 กรกฎาคม 2566
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อมธ #อบจ #อบมฟล