ก้าวไกลประชุม
สส. ยืนยันไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ-พรรครวมไทยสร้างชาติ
วันที่
24 กรกฎาคม 2566 ที่ประชุม สส. พรรคก้าวไกล
ได้จัดหารือทางออนไลน์เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันและการกำหนดทิศทางการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกล
ได้ข้อสรุปว่า พรรคก้าวไกลยืนยันจะไม่ร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
1.
เป็นที่แน่ชัดว่าพรรคพลังประชารัฐมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค
และพรรครวมไทยสร้างชาติมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ซึ่งทั้งสองเป็นหัวหอกหลักในการยึดอำนาจ ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม
2557 ซ้ำยังมีกระบวนการสืบทอดอำนาจตนเองผ่านรัฐธรรมนูญ 2560
ด้วยกลไกและองค์กรสถาบันทางการเมืองต่างๆ จนถึงปัจจุบัน
2.
พรรคก้าวไกลมีจุดยืนชัดเจนต่อประเด็นการสืบทอดอำนาจ
และประกาศตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2565 ว่าจะไม่จับมือกับพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจ และได้ประกาศย้ำต่อประชาชนในทุกรายการ
ทุกเวทีหาเสียงเลือกตั้ง
3.
ผลการเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม
เป็นการประกาศเจตจำนงของประชาชนที่ชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล
ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจนชนะเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 เมื่อรวมกันได้ 8 พรรคการเมืองที่มีแนวทางยุติการสืบทอดอำนาจ
ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรถึง 312 จาก 500 ที่นั่ง และมีคะแนนดิบสูงถึง 27 ล้านเสียง ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้ว่าประชาชนต้องการพลิกขั้วเปลี่ยนข้างรัฐบาล
ดังนั้น เป้าหมายสูงสุดของเราในฐานะพรรคอันดับ 1 คือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้สำเร็จเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม
4.
แม้กลไก สว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. จะสกัดขัดขวาง พิธา
ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล
ทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
แต่เรายืนยันว่าสิ่งสำคัญในวันนี้ ไม่ใช่พิธาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือก้าวไกลเป็นรัฐบาล
แต่คือการจัดตั้งรัฐบาลที่ประกอบด้วย 8 พรรคตามมติประชาชน
พรรคก้าวไกลจึงเปิดทางให้พรรคอันดับสองคือพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เดินหน้าหาเสียงสนับสนุนตามที่ปรากฎเป็นข่าว
5.
แม้การจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด จะมีความสำคัญต่อการเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประชาชน
แต่เราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่บิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนซึ่งสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง
จะนำไปสู่วิกฤติศรัทธาของประชาชนต่อระบอบประชาธิปไตย จนอาจยากต่อการเรียกกลับคืน
6.
พรรคก้าวไกลจึงขอยืนยันสัจจะที่ให้ต่อประชาชน
เราไม่สามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจ
ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคร่วมไทยสร้างชาติ
และจะพยายามอย่างถึงที่สุดในการผนึก 8 พรรคการเมืองที่สะท้อนเสียงของประชาชนกว่า
27 ล้านเสียง
เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน พาประเทศไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย
อันมีอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน