นพ.เหวง โตจิราการ : ขอ 8
พรรคร่วมจับมือกันให้แน่น อย่าทรยศสัญญาประชาคม ที่เคยให้ไว้กับประชาชน
[ถอดคำสัมภาษณ์ของ PPTV เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 66]
คือผมเนี่ยนะเป็นห่วงประเทศ
ตลอดชีวิตของผมตั้งแต่เล็กจนโต จริง ๆ เนี่ยผมเริ่มมีบทบาทในการต่อสู้ทางสังคมและต่อสู้ทางการเมืองตั้งแต่ปี
2510 เริ่มจากความเป็นห่วงประเทศ ความเป็นห่วงนั่นก็คือไม่ต้องการให้ประเทศเป็นเผด็จการ
ในปัจจุบันผมก็เป็นห่วงนะฮะ ไม่ใช่ไม่เป็นห่วง
เพียงแต่ว่าเราโดนห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง 10 ปี เพราะงั้นผมก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวสักหน่อย
แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็มิได้หมายความว่าผมมิได้เป็นห่วงประเทศ
ความเป็นห่วงประเทศของผมก็คือว่าผมต้องการให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ก็คืออำนจสูงสุดของประเทศนั้นต้องเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ผมอยากเห็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยแท้จริง
ไม่ใช่ประชาธิปไตยกำมะลอ
ประชาธิปไตยกำมะลอหมายความว่ามีอำนาจของทหารหรืออำนาจของรัฐประหารแทรกซึมอยู่ทุกอณูขุมขนของสังคมไทยแต่ภายใต้เปลือกนอกที่เป็นประชาธิปไตย
ปัจจุบันนี้เห็นชัดปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 60
เพราะฉะนั้น
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมา
ประชาชนทั้งประเทศแสดงเจตจำนงตรงกับผมเลย ผมตรงกับประชาชนเลย คือประชาชนทั้งประเทศ
เรียกว่า 70%
ก็แล้วกัน เรียกว่า 27 ล้านเสียง เขาส่งเสียงออกมาแล้ว เขาส่งสัญญาณออกมาแล้ว
เขาแสดงเจตจำนงออกมาแล้วว่าต้องการให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ก็คือไม่ใช่ประชาธิปไตยกำมะลอที่มีเผด็จการทหารซุกซ่อนสิงสถิตอยู่ในทุกอณูขุมขนนะครับ
อันนี้ผมมาดูถึงเหตุการณ์จนถึงปัจจุบันนี้นะ
ชักจะมีอะไรผิดเพี้ยน ทำให้เจตจำนงที่ผ่านจากการเลือกตั้งปี 66
ของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ 72%
ของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงจะถูกทำลายและคว่ำหายไป
ผมก็เลยจำเป็นที่จะต้องออกมาส่งเสียงว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ครับ
เพราะว่าประชาชนทั้งประเทศ 72%
ส่งเสียงออกมาแล้วนะครับว่าเขาต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง
เขาไม่ต้องการประชาธิปไตยกำมะลอครับ
*กรณี พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
กล่าวให้พรรคก้าวไกลเสียสละ*
คือที่จริงก็มีการแสดงความคิดเห็นทางสาธารณะไปเยอะแล้วนะครับว่า
ผมพูดความเป็นทางสาธารณะและในความเป็นจริงเท่าที่ดูในโลกนี่เขาก็บอกกันนะครับว่า
สมมุติว่าเรือมันจะล่มจริง ๆ
คนที่มีสิทธิในการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อก็คือคนหนุ่มคนสาว
เพราะเขาสามารถที่จะไปสร้างสรรค์โลก ไปต่อสู้เพื่อพลิกแพลงต่อสู้โลกได้
ส่วนคนแก่ชรานี่มันใกล้จะถึงฝั่งอยู่แล้ว ใกล้จะหมดลมหายใจอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นจะต้องให้คนหนุ่มสาวมีชีวิตอยู่ต่อไป
เพราะฉะนั้นผมก็เลยแสดงความคิดเห็นออกมานะครับว่าต้องให้คนหนุ่มสาวมีชีวิตอยู่ต่อไป
แล้วความจริงที่ “วีรบุรุษนาแก”
ที่ผมแสดงความคิดเห็นไปแล้ว อันนี้ก็พูดไปตามเนื้อผ้าเลยนะครับ
ก็คือเป็นวีรบุรุษที่เขาปราบคอมมิวนิสต์ ก็คือคอมมิวนิสต์สมัยโน้นก็คือชาวบ้านหรือประชาชนที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐบาลทหารหรือจากรัฐบาลทรราชเท่านั้นเอง
เพราะงั้นถ้าเป็นความภาคภูมิใจของคุณก็สุดแล้วแต่คุณจะไปพิจารณาก็แล้วกัน
แต่ความคิดเห็นที่คุณเสนอมาไม่ถูกต้องครับ ก็ต้องให้คนหนุ่มคนสาวมีชีวิตอยู่ต่อไป
ไม่ใช่คนแก่อย่างที่คุณเสรีพิศุทธ์เขาพูดออกมา และจริง ๆ
แล้วผมอยากให้คุณเสรีพิศุทธ์พูดตรง ๆ ดีกว่า เพราะว่าคุณเสรีพิศุทธ์มีความองอาจ ผึ่งผาย
สง่างาม ในฐานะที่เป็นตำรวจหรือในฐานะที่เคยผ่านทหารมา พูดตรง ๆ
เลยฮะว่าไม่เอาก้าวไกล พูดตรง ๆ เลยครับว่าเฉดก้าวไกลออกไป
ทำไมคุณเสรีพิศุทธ์ไม่กล้าพูดตรง ๆ อย่างนั้น
ไม่ต้องมาพูดสำนวนเปรียบเทียบเปรียบเปรยเลย ผมอยากให้เสรีพิศุทธ์กล้า ๆ
ออกมาพูดหน่อย
ต้องเรียนอย่างนี้นะ
คือประเทศต้องก้าวไปข้างหน้า
และในวันนี้ประชาชนเขาแสดงตัวออกมาแล้วนะครับว่าต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง
ไม่ใช่ประชาธิปไตยกำมะลอ คือมีคณะทหารหรือเผด็จการทหารสิงสถิตอยู่ในทุกอณูของการเมืองไทย
ที่เห็นชัดก็คือสิงสถิตอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 60 เพราะที่จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จนี่ก็เป็นพิษร้ายหรือเป็นฤทธิ์เดชของผีร้ายคณะรัฐประหารที่สิงสถิตอยู่ในรัฐธรรมนูญ
60 นั่นเอง เพราะจริง ๆ แล้วหลักประชาธิปไตยที่แท้จริงทั่วโลกก็คือว่า พรรคที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นเสียงข้างมากของประชาชนทั่วทั้งประเทศนั่นแหละจะต้องเป็นรัฐบาล
จะต้องมาเป็นนายกรัฐมนตรี และจะต้องเป็นประธานรัฐสภาด้วยซ้ำไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือพรรคที่ได้อันดับ
1 จากการเลือกตั้งเมื่อปี 66 ก็คือพรรคก้าวไกลก็สามารถรวบรวมเสียงได้ทั้งสิ้น 312
เสียง ซึ่งเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาดเสียด้วยซ้ำไป
เพราะฉะนั้นเขาควรจะมีความชอบธรรมในการที่จะจัดตั้งรัฐบาล
และมีความชอบธรรมที่จะเป็นประธานรัฐสภาด้วยซ้ำไป แต่ว่าที่เขาเป็นไปไม่ได้นี่ทั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากว่ารัฐธรรมนูญปี
60 ที่ร่างโดยคสช.
ผมขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมนิดหนึ่งก็คือว่า
ไปอ้างประชามตินี่ไม่ได้นะครับ เพราะประชามติในสมัยโน้นเป็นประชามติแบบกำมะลอ
คือเป็นประชามติภายใต้ปากกระบอกปืน คือหมายความว่าถ้าใครเห็นต่างนี่ก็จะถูกจับเข้าคุกหรือขึ้นศาลทหาร
วันนั้นประชาชนทั่วทั้งประเทศถูกจับขึ้นศาลทหาร 200 กว่าคน และถ้าเป็นองค์กรก็หลายสิบองค์กร
เพราะฉะนั้นก็แสดงว่าประชามตินี้ก็เป็นประชามติจอมปลอม
เพราะฉะนั้นจะไปอ้างบอกว่ารัฐธรรมนูญ 60 ผ่านประชามติ
มีสว.จำนวนหนึ่งพยายามอ้างอยู่ตลอดเวลาว่าพวกเขาก็มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ได้ฮะ
คุณมาจากรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติกำมะลอหรือประชามติจอมปลอม
ไม่อนุญาตให้ความคิดเห็นต่างแสดงความโต้แย้งได้ เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญ 60
คือรัฐธรรมนูญที่มีจิตวิญญาณของเผด็จการทหารซุกซ่อนอยู่
หรือสิงสถิตอยู่แทบทุกอณูเลยนะครับ เต็มไปหมด
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ขวางก้าวไกลทั้ง ๆ
ที่เขาได้รับการเลือกตั้ง 14.44 โดยประมาณ มากที่สุดฮะ
แล้วก็สามารถรวบรวมพรรคการเมืองได้ทั้งหมด 312 เสียง หรือรวมเป็น 27 ล้านเสียงที่มาจากการเลือกตั้ง
ที่มาเลือกตั้งนะฮะ แสดงเจตจำนงนะฮะ เป็นฉันทามติ ฉันทานุมัติ
เขาควรมีความชอบธรรมอย่างเหลือล้นเลยในการจัดตั้งรัฐบาลทันทีเลย
แต่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 60 รัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยกำมะลอ
รัฐธรรมนูญฉบับที่มีเผด็จการทหารสิงสถิตอยู่
เป็นอุปสรรคขวางกั้นและสร้างปัญหาให้พรรคเพื่อไทยในวันนี้ด้วย
*เพื่อไทยเจรจา 5 พรรคขั้วอำนาจเก่า
เพื่อขอเสียงตั้งรัฐบาล*
ข้อแรกนี่ด้วยความเป็นห่วงต่อพรรคเพื่อไทยนะ
เพราะว่าผมก็พูดในลักษณะที่รักและเป็นห่วงกัน เพราะรู้จักกันและในพรรคเพื่อไทยก็มีสมัครพรรคพวกหรือเพื่อนมิตรอยู่จำนวนมาก
เพราะฉะนั้นข้อแรกสุดผมอยากจะเรียนทั้งพรรคเพื่อไทยและทั้งพรรคก้าวไกลด้วยนะครับว่า
พรรคการเมืองมีความหมายก็ต่อเมื่อพรรคการเมืองต้องมีอุดมการณ์
และต้องเป็นอุดมการณ์ที่รับใช้ประชาชน มุ่งหน้าที่จะสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้กับประชาชน
เพราะถ้าเป็นอุดมการณ์ที่ทำลายประชาชน หรือทำร้ายประชาชน
หรือเป็นอุดมการณ์ที่ไปสนับสนุนเผด็จการก็คือทำร้ายประชาชนนั่นเอง
พรรคการเมืองนั้นก็ใช้ไม่ได้และประชาชนก็จะทอดทิ้งเขาไปในที่สุด
เพราะฉะนั้นอุดมการณ์สำคัญที่สุด
ต่อมา สัญญาประชาคมที่ทุกพรรคการเมือง
ไม่ว่าเพื่อไทยก็ตาม ไม่ว่าก้าวไกลก็ตามที่ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนในระหว่างการเลือกตั้ง
คุณต้องซื่อสัตย์ คุณต้องรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนด้วยชีวิตคุณเอง
ถ้าจะพูดภาษาชาวบ้านก็คือคุณต้องพลีชีพเพื่อรักษาคำสัตย์ เสียชีพแต่อย่าเสียสัตย์
ต้องบอกเพื่อไทยและก้าวไกล ทั้งสองพรรค อย่าทรยศต่ออุดมการณ์ของคุณที่มีต่อประชาชน
อย่าทรยศต่อคำมั่นสัญญาหรือสัญญาประชาคมที่คุณมีต่อประชาชนระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง
ผมขออนุญาตทบทวนนิดหนึ่งด้วยความหวังดี
ไม่ใช่ด้วยความหวังร้ายต่อพรรคเพื่อไทยนะครับ ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งคุณบอกแล้วนะครับว่าคุณจะไม่ร่วมมือกับพลังประชารัฐ
คุณจะไม่ร่วมมือกับรวมไทยสร้างชาติ ผมขออนุญาตให้คุณยืนหยัดอุดมการณ์และสัญญาประชาคมอันนี้ไว้
ทันทีที่คุณทรยศหักหลังต่ออุดมการณ์นี้หรือสัญญาประชาคมอันนี้ ผมว่าอนาคตคุณจบแน่
เช่นเดียวกันนะครับ พรรคก้าวไกลครับ คุณให้คำมั่นสัญญาต่อประชาชนไว้ว่าคุณจะแก้
112
เพื่อปกป้องรักษาเชิดชูสถาบันกษัตริย์ไว้ให้สอดรับกับสภาพการณ์สิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
เพราะฉะนั้นพรรคก้าวไกลก็เหมือนกันนะครับ
คุณก็ต้องรักษาอุดมการณ์และคำมั่นสัญญาที่คุณให้กับประชาชนไว้ว่าคุณจะปรับปรุงแก้ไข
ปรับปรุงแก้ไขนะครับ ไม่ใช่ยกเลิกนะ มาตรา 112
เพราะฉะนั้น
ในวันนี้ผมเห็นใจพรรคเพื่อไทย เพราะว่าพรรคก้าวไกลเขาได้พูดต่อสาธารณะแล้วนะครับว่าเขาได้มอบสิทธิในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทยและเขาก็ได้ประชุมกัน
8 พรรคนะครับว่า พรรคเพื่อไทยจะไปดำเนินการในการที่จะหาเสียงเพิ่ม
คือหมายความว่าจะไปหาการสนับสนุนเพิ่มจากพรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งและจากสว.
ผมอยากจะเรียนไปยังพรรคเพื่อไทยด้วยความเคารพนะครับว่าคุณมีความชอบธรรมเต็มที่ในการที่จะไปถามความคิดเห็นกับพรรคการเมืองอีกซีกหนึ่ง
เพราะตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ามี 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งก็คือขั้วเผด็จการเดิมพูดอย่างนี้ดีกว่า
หรือขั้วสืบทอดอำนาจเดิม 10 พรรค กับอีกขั้วหนึ่งก็คือขั้วที่ต้องการเปลี่ยนประเทศให้เป็นประชาธิปไตย
8 พรรค พรรคเพื่อไทยมีสิทธิในการที่จะไปถามขั้วเดิมก็คือขั้วสืบทอดอำนาจ
แต่กรุณาทำอย่างมีมารยาท อย่างมีสติปัญญา อย่างเคารพเพื่อนมิตร
คุณสามารถที่จะยกโทรศัพท์ไปคุยกับหัวหน้าพรรค
ผมฟังคุณหมอชลน่านให้สัมภาษณ์วันนี้เขาบอกว่ายกโทรศัพท์คุยเดี๋ยวก็จะอ้างว่าเป็นการพูดคุยส่วนตัว
ไม่ใช่!
คุณบันทึกเสียงได้ หรือคุณอาจจะใช้มือถือแล้วก็วีดีโอคอลได้แล้วก็บันทึกไว้เลย
แต่ทำแบบไม่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเช่นที่คุณทำทุในทุกวันนี้ คือที่คุณทำทุกวันนี้
ผมฟังที่คุณพูดนะครับก็คือคุณมีความจริงใจ
แต่ภาพที่ออกมาก็คือคุณยืมปากศัตรูมาเหยียบย่ำมิตร ผมเขียนไว้เลยนะครับว่า
ศัตรูเขาประกาศก้องโลกแล้วว่าเขาคิดอย่างไร
แล้วทำไมคุณจะต้องเชิญศัตรูมาเหยียบหัวมิตรด้วย ผมถามนะ มันมีวิธีการเยอะแยะ
วีดีโอคอลก็ได้ หรือคุณอาจจะจัดประชุมที่โรงแรมแห่งหนึ่งโดยเชิญทุกพรรค หรือเชิญแต่ละพรรคก็ได้
โดยไม่ต้องบอกสื่อก็ได้หรือจะบอกสื่อก็ได้
แต่ที่คุณทำทุกวันนี้ก็คือคุณเชิญพรรคการเมืองฟากสืบทอดอำนาจเผด็จการไปประชุมที่พรรคคุณ
แล้วปล่อยให้เขาแถลงข่าว แล้วคุณก็รู้ทั้งรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
ผมถามว่าในประเทศไทยมีใครไม่รู้บ้างครับว่าพรรคที่สืบทอดอำนาจเผด็จการเขาจะต้องพูดบอกว่า
ผมไม่เอา 112, ผมไม่ร่วมด้วยกับพรรคก้าวไกล
ผมจะร่วมด้วยได้ก็ต่อเมื่อต้องเขี่ยพรรคก้าวไกลให้พ้นไป
หรือสลัดพรรคก้าวไกลให้พ้นไป เขาพูดทุกวัน ผมฟังวันหนึ่งหลายรอบนะ
เพราะฉะนั้นรู้ทั้งรู้ว่าเขาจะพูดอย่างนี้
ทำไมคุณไม่ใช้วิธีการวีดีโอคอลหรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่คุณ
หรืออาจจะประชุมที่โรงแรมแบบไม่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ
แล้วค่อยมาเปิดเผยต่อสาธารณะทีหลังก็ได้ โดยหลังจากพูดคุยกันแล้วจะนั่งแถลงข่าวต่อสื่อก็ได้
แต่นี่คุณเล่นเชิญไปที่พรรคคุณเลยนะ แล้วก็มีการดื่มมิ้นต์ช็อกอย่างเปิดเผยและร่าเริงเบิกบานบันเทิงใจ
รู้สึกมีความสุขเหลือเกินในการที่จะเชิญพรรคฝ่ายสืบทอดอำนาจมาพูดเหยียบย่ำมิตร
ผมว่าไม่ถูกนะ ความเห็นส่วนตัวผมนะ ผมเชื่อว่าผมพูดไปแล้วทัวร์จะมาลงผม
ผมไม่มีปัญหาครับ เพราะผมยืนหยัดว่าประเทศต้องเดินไปข้างหน้า
ผมยืนหยัดว่าพรรคการเมืองต้องซื่อตรง ซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ตัวเอง
คุณมีสิทธิ์ในการที่จะหารือกับพรรคการเมืองต่าง ๆ แต่คุณกรุณาหารือโดยเคารพมิตร
ได้มั้ยครับ
*ถามว่าสถานการณ์ตอนนี้เหมือนเพื่อไทยไม่มีทางออก
จะขยับซ้ายก็ยาก ขยับขวาก็ไม่ได้*
มีครับ ข้อแรกก็คือ
ผมถามว่าคุณทำงานการเมือง คุณตั้งพรรคการเมือง คุณเข้าลงสมัครรับเลือกตั้ง
คุณวางน้ำหนักไว้ที่อุดมการณ์ หรือคุณเล่นการเมืองเพียงเพื่อที่จะอยากได้อำนาจ
อยากได้เป็นรัฐมนตรี อยากได้เป็นรัฐบาล ผมถามก่อน
ถ้าคุณวางน้ำหนักที่อุดมการณ์ 8
พรรคนี้สามัคคีผนึกเหนียวแน่นเป็นทองแผ่นเดียวกัน สามัคคีปานมัดหวาย
อะไรก็ตามมาเจาะ มาทึ้ง มาแซะ มาแกะ มาแยกไม่ได้
คุณต้องหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพรรคก้าวไกลและ 8 พรรคที่เหลือ
คุณหลอมรวมกันซิครับ 312 เสียง แล้วปล่อยให้สว.เขาว่าไป ว่าไม่เอาพรรคก้าวไกล
ร่วมงานกับพรรคก้าวไกลไม่ได้ ดูซิครับว่าเขาจะเอายังไง แล้วคุณหมอชลน่านครับ คุณหมอชลน่านนี่พูด
ขออนุญาตด้วยความเคารพ คลาดเคลื่อน หรือจะพูดว่าผิดก็ได้ครับ ว่าฝั่งตรงข้ามได้
188 เสียง เป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด ผิดครับ ของเขามี 10 พรรคครับ 10
พรรครวมกันจึงได้ 188 เสียง ทางนี้ 8 พรรครวมกันได้ 312 เสียง ถ้าคุณบอกว่าเขาได้
188 ต้องบอกว่าทางนี้ 1 พรรคได้ 312 ในนัยยะของคุณนะที่บอกเขารวมกัน
อันนี้ก็รวมกัน เพราะงั้นคุณหมอชลน่านพูดผิด คุณต้องพูดใหม่ครับ
พรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงมากที่สุด เพราะฉะนั้น มีครับ ก็คือ 8
พรรคสามัคคีเหนียวแน่นเป็นทองแผ่นเดียวกันไม่แยกกันเด็ดขาดไปเรื่อย ๆ
ดูซิว่าสว.เขาจะจัดตั้งรัฐบาลได้มั้ย
เพราะขณะนี้กลายเป็นว่าคนที่ชี้ขาดในการจัดตั้งรัฐบาลก็คือสว. 250 เสียง
ก็ปล่อยเขาเลยฮะ ให้ส.ว.ไปโหวต 188 ลายเป็น 438 ตั้งรัฐบาลไปเลย
เขาจะตั้งรัฐบาลได้กี่สัปดาห์ เพราะพอตั้งรัฐบาลได้สัปดาห์ สองสัปดาห์ปุ๊บ 312
เสียงก็เสนอญัตติวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
หรืออาจจะเดินไปถึงตอนโหวตรับรองงบประมาณ ก็โหวตคว่ำ ก็ไปเลยฮะ กระเด็นไปเลย
ก็ใช้วิธีการทางรัฐสภาอย่างนี้แหละ ที่ถูกต้องนี้แหละ ไม่ต้องเดินถนน
ไม่ต้องใช้ความรุนแรง แล้วเขาจะทนได้หรือในเมื่อถ้าหากว่าเขาถูกคว่ำไป
เขาจะจัดตั้งรัฐบาลได้มั้ย
ถ้าจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของสว.ที่เขาพูดปากดีเลยบอกว่า ประเทศปราศจากรัฐบาลไม่ได้
ก็คุณนี่ไง คุณไม่สนับสนุนเสียงข้างมากของประชาชนทั่วทั้งประเทศ
ผมไม่ได้บอกว่าสนับสนุนก้าวไกลนะ ผมอยากให้คุณสนับสนุนฉันทามติฉันทานุมัติของประชาชนทั่วทั้งประเทศ
27 ล้านเสียงถ้ารวม 8 พรรคนะ ถ้าพูดเฉพาะพรรคก้าวไกลก็คือ 14.44 ล้านเสียง
ผมจึงขออนุญาตที่จะบอกไปยังหมอชลน่านและพรรคก้าวไกลนะครับว่า
ผนึกกำลัง 8 พรรคให้เหนียวแน่น และไม่ต้องกลัวว่าประเทศจะขาดรัฐบาล
เพราะว่าคณะรัฐประหารเขาบริหารประเทศมา 9 ปี
ประเทศพินาศยับเยินจนไม่รู้จะยับเยินยังไงแล้ว
คนจนทุกข์ยากลำเค็ญจนไม่รู้จะทุกข์ยากยังไงอีกแล้ว
แล้วผมเท่าที่มีโอกาสสัมผัสกับชาวบ้านแถบนี้ เขาบอกว่ารออีก 9 เดือนเขารอได้ครับ
เพราะเขาอยากเห็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นในประเทศไทย เขาอยากเห็นรัฐบาลทหารจำแลง
หรือประชาธิปไตยจำแลง หรือประชาธิปไตยกำมะลอ มันหมดไปจากประเทศไทย
แล้วมีรัฐบาลประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นเสียที และประเทศไทยมีศักยภาพสูงมาก คุณไม่ต้องกลัวฮะ
9 เดือน สมมุติว่ามันจะเสียหาย เสียหายน้อยกว่า 9 ปี ผมคิดเป็นเปอร์เซ็นก็สัก 1-2% เท่านั้นเองถ้าจะเพิ่มความเสียหาย
และถ้าหากว่าพอสว.เขามลายหายไป 8 พรรคก็จัดรัฐบาลขึ้นได้
แต่ขอความกรุณาประการหนึ่งนะครับ ในช่วง
10 เดือนนี้อย่านิ่งดูดาย คุณต้องเดินหน้าสู้โดยวิถีทางประชาธิปไตย สู้กลับครับ
มีประเด็นให้สู้เยอะแยะ เช่น อ.พนัสให้ข้อคิด ซึ่งอันนี้ข้อคิดจะถูกหรือผิดก็สุดแล้วแต่นักกฎหมาย
หรือสุดแล้วแต่ประชาชนทั่วทั้งประเทศจะพิจารณา อ.พนัสเขาบอกว่าโหวตพิธาครั้งแรกมี
159 คน งดออกเสียง มี 44 คน ไม่ไปประชุม รวมแล้วก็คือ 203 คนของสว.
สละสิทธิในการที่จะใช้สิทธิโหวตรับรองนายกรัฐมนตรี เมื่อสละสิทธิอย่างนี้
อ.พนัสเสนอข้อคิดนะ เสนอข้อคิดว่าประธานรัฐสภาคือคุณวันนอร์ต้องกล้า ๆ หน่อย
ในเมื่อ 203 คน คิดเป็น 81.2%
แสดงเจตนาต่อสาธารณะแล้วว่าจะไม่ใช้สิทธิ ฉะนั้นท่านประธานสามารถจะวินิจฉัยจากข้อนี้ได้เลยว่าเรียกประชุมเฉพาะส.ส.
ตามมาตรา 159 โหวตไปเลย จะได้ 312 ต่อ 188 ก็จะตั้งรัฐบาลได้ นี่ประการที่ 1 นะ
ประการที่ 2 ก็คือว่า การที่สว. 211 คน
ไปโหวตยกมือสนับสนุนว่า ญัตติ 41 มีอำนาจบังคับใช้ครอบทับ ขออนุญาตนะผมใช้ภาษาชาวบ้าน
เหยียบย่ำรัฐธรรมนูญได้ อันนี้มันไม่ถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น
พรรคเพื่อไทยครับ พรรคก้าวไกลครับ กรุณาจับมือกันฮะ
ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงว่าการกระทำของสว.ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาพิพากษาหรือวินิจฉัยว่าสอดรับกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
เป็นการเหยียบย่ำรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นการผิดตามมาตรา 113 หรือไม่ เพราะคุณใช้อำนาจบาตรใหญ่ของคุณไปทำให้ข้อบังคับที่
41 ซึ่งมีศักดิ์ตามกฎหมายต่ำกว่ารัฐธรรมนูญมาก แต่ขึ้นมาเหนือรัฐธรรมนูญและเหยียบย่ำรัฐธรรมนูญ
มันไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญครับ เพราะฉะนั้น ระหว่าง 9
เดือนนี้ก็ดำเนินการต่อสู้กับพวกที่ทำลายประชาธิปไตยกลับ โดยใช้นิติสงครามรบกับพวกเขากลับ
เพราะเขาทำผิดรัฐธรรมนูญเยอะแยะไปหมด และเป็นการเหยียวย่ำระบอบประชาธิปไตยเต็มไปหมดเลยครับ
*หลายคนมองว่าพรรคเพื่อไทยไม่รอ 10 เดือน
พยายามจัดตั้งรัฐบาล เพื่อเปิดทางคุณทักษิณกลับมาตามกำหนด*
ผมไม่มีข่าวเกี่ยวกับทักษิณเลยและขออนุญาตมองแง่บวกนะฮะว่า
ผมมองแง่ดีว่าท่านนายกฯ ทักษิณ เขาประสงค์ที่อยากจะกลับมาอยู่ครอบครัว
ใช้ชีวิตที่สงบสุขในครอบครัว แล้วก็มาเลี้ยงหลานอย่างที่ท่านพูด
ผมเชื่ออย่างนั้นนะ ผมคิดว่าไม่น่าจะมีเบื้องหลังเบื้องหน้าอะไร
แต่เป็นเรื่องที่กลุ่มที่กุมอำนาจอยู่ในปัจจุบัน ผมจะเรียกว่าทหารเผด็จการก็ได้
หรือกลุ่มยึดอำนาจรัฐประหารก็ได้ เขาวางแผนทั้งหมดเลย ผมสังเกตดูนะฮะ เขาวางแผน
คงมีการสุมหัวร่วมคิดกัน มีการแลกเปลี่ยนกันโดยผ่านโทรศัพท์
โดยอาจจะไม่มีการประชุมอย่างเป็นทางการว่าเออคุณทำอย่างนี้ ทำอย่างนี้นะ สุดท้ายสังเกตดูมั้ยฮะว่าฝั่งโน้นทั้งแถบเลยพูดคำเดียว
ก็คือเริ่มต้นด้วยภาษาง่าย ๆ ก่อน ก็คือไม่เห็นด้วยกับการแก้ 112
ตอนแรกบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการยกเลิก 112 พอก้าวไกลเขายืนยันบอกว่าเขาไม่ได้ยกเลิก
เขาแก้ ต่อมาบอกว่าการแก้ 112 เป็นการโค่นล้มสถาบันฯ ซึ่งไม่ใช่ฮะ เพราะว่า 112
ฉบับที่บังคับใช้อยู่นี้แก้โดยคณะรัฐประหารหรือคณะกบฏเมื่อ 6ตุลา19
จากเดิมที่ไม่มีโทษขั้นต่ำ และโทษขั้นสูงแค่ 7 ปี กลายเป็นว่า 3-15 ปี แปลว่า 112
แก้ได้ พวกกบฏ คณะกบฏนี่แก้มาแล้ว ที่คุณพยายามเถียงคอเป็นเอ็นว่าแก้ไม่ได้จึงผิดฮะ
ผิดโดยสิ้นเชิง เพราะว่า 112 ที่บังคับใช้อยู่ปัจจุบันนี่แก้มาแล้วโดยคณะรัฐประหาร
6ตุลา19 เพราะฉะนั้น 112 แก้ได้
และก้าวไกลเขาเพียงแต่ประสงค์ที่อยากจะแก้ให้
112 มันสอดรับกับนิติธรรมสากล แล้วทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในสถานะเป็นที่เชิดชู
ปกป้อง ปกปักรักษา เป็นที่เคารพรักของพสกนิกรประชาชนชาวไทยทุกคนเท่านั้นเอง
ตอนแรกบอกว่าก้าวไกลยกเลิก ตอนหลังมาเปลี่ยนใหม่บอกแก้ แก้ก็ไม่รับ
ตอนหลังบอกอีกฮะว่าท่วงทำนองของพรรคก้าวไกลก้าวร้าว เพราะฉะนั้นไม่เอา
ขอให้ท่านผู้ชมลองกลับไปตรวจสอบย้อนหลัง มาทีละสเต็ปเลย แปลว่าเขาน่าจะมีการส่งสัญญาณกันว่าตอนนี้จะโจมตีพรรคก้าวไกลอย่างไร
หลังสุด 5 พรรคที่ไปปรากฏตัวที่พรรคเพื่อไทยก็พูดคำนี้ว่า ถึงไม่แก้ 112
ก็ร่วมกับก้าวไกลไม่ได้ เพราะก้าวไกลนี่ก้าวร้าว อย่างนี้ ก็แปลว่ามันชัดเจนอยู่แล้วว่ามันต้องมีทิศทางใหญ่ของฝ่ายไม่เห็นด้วยกับประชาธิปไตย
ฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตย หรือปฏิปักษ์ประชาธิปไตย
เขาวางไว้ที่จะให้เดินไปทิศทางนี้ร่วมกัน
เพราะฉะนั้น ผมขออนุญาตกราบเรียนไปยังพรรคก้าวไกล
อย่าเดินไปในทิศทางเดียวกับฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตย อย่าเดินไปฝั่งเดียวกับพวกทหารยึดอำนาจ
หรือพวกทหารกบฏ
*อะไรคือจุดแตกหักที่จะทำให้ประชาชนลงถนน*
ผมว่าเพื่อไทยวันนี้ต้องตัดสินใจเด็ดขาดนะ
ก็คือหมายความว่าผนึกกำลังกับก้าวไกลเป็นทองแผ่นเดียวกัน
ถ้าหากว่าพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลผนึกกำลังเป็นทองแผ่นเดียวกันยืนหยัดเหนียวแน่นนะ
ไม่มีม็อบฮะ ไม่มีม็อบเลย จบเลย
แต่ถ้าเพื่อไทยเกิดตัดสินใจผิดพลาดด้วยประการใดก็แล้วแต่
ซึ่งทำให้สาธารณชนเขาเห็นว่าทำให้ฉันทานุมัติหรือฉันทามติของประชาชนที่ต้องการที่จะเปลี่ยนประเทศจากประชาธิปไตยกำมะลอเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงสั่นคลอน
มลายหายไป หรือถูกทำลายล้างไป ตรงนี้แหละครับมันจะเป็นชนวนที่มาของการชุมนุมของประชาชนมากขึ้น
ๆ ๆ ๆ ทุกที
ฉะนั้น เพื่อไทยเป็นคนที่ดับไฟได้ครับ
คือประกาศเลยนะครับว่า 8 พรรคนี้จะหลอมรวมเป็นทองแผ่นเดียวกันโดยไม่มีวันที่จะแยกสลายจากกันไปชั่วกัลปาวสาน
ในช่วงการเมืองระยะนี้ ก็คือสุขก็สุขด้วยกัน ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน ขึ้นสวรรค์ก็ขึ้นด้วยกัน
ลงนรกก็ลงด้วยกัน เพื่อไทยต้องพูดอย่างนี้ครับ
*เมื่อครั้ง นปช. ออกมาเคลื่อนไหวปี 53
อะไรคือจุดแตกหักที่ทำให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว และตอนนี้เป็นจุดเดียวกันไหม?*
จริง ๆ แล้วคล้ายกันมากก็คือ ประชาชนต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่ปี
49 จนนำไปสู่การเลือกตั้งโดยคุณสมัคร เสร็จแล้วก็ทางฝ่ายคณะรัฐประหารหรือคณะทหารกบฏ
ผมเรียกอย่างนี้นะ เขาไปใช้องค์กรอิสระ ใช้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค
แล้วก็ในที่สุดก็มีการเดินเกมทางการเมืองโดยให้เกิดกลุ่มงูเห่า คุณเนวินไปจับมือกับคุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ แล้วก็ไปจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร
การจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าคณะรัฐประหาร/คณะทหารกบฏ เขายังไม่วางมือทางการเมือง
เขายังชักใยทางการเมืองอยู่ ก็เลยทำให้ประชาชนเรียกร้องให้ยุบสภา คืนอำนาจใหม่ นี่คือข้อเรียกร้องที่ชอบธรรมที่สุด
และดำเนินการชุมนุมอย่างสงบสันติที่สุด ไม่มีอาวุธเลยนะฮะ เพราะตำรวจแทรกอยู่ในเกือบจะทุกอณูของพื้นที่การเคลื่อนไหว
และมีตำรวจเข้ามาร่วมกับเจ้าหน้าที่ของนปช.บางคนตรวจอาวุธทุกคน
ที่กล่าวหาว่ามีอาวุธจึงไม่เป็นความจริง
มามีปัญหาตอนที่ทางฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ตัดสัญญาณไทยคม แล้วก็ประชาชนทั่วทั้งประเทศก็รู้สึกไม่สบายใจว่าทำไมตัดช่องทางสื่อสารของเขากับพี่น้องประชาชนในครอบครัวเขาที่มาชุมนุม
เขาเลยมาเรียกร้องให้ต่อสัญญาณไงล่ะฮะ แต่วันนั้นทางฝ่ายทหารฝั่งรัฐบาลอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ เขายิงแก๊สน้ำตามหาศาลเลย ลมบังเอิญพัดไปกลบฟุ้งทางฝ่ายทหาร
ก็เลยทำให้ทหารแตกพ่ายไป แล้วทิ้งอาวุธเป็นจำนวนมาก นปช.ก็มอบอาวุธคืนให้กับทางรัฐบาลผ่านตำรวจ
ตรงนี้ทำให้ทหารเผด็จการบางคนไม่พอใจ
ก็เลยเป็นที่มาของการวางแผนสังหารประชาชนอย่าหฤโหดเมื่อเดือนเมษา-พฤษภา ปี 53
*บางคนมองว่ากองเชียร์ก้าวไกลอายุน้อย การชุมนุมในเวลานี้จุดไม่ติด*
คือจริง
ๆ เรียกว่าผู้ที่ให้ความนิยมชมชอบชื่นชมเคารพศรัทธาพรรคก้าวไกลวันนี้ ส่วนใหญ่อายุ
40 ต่ำลงมา เขาเรียกเจนอะไรของเขาไม่รู้ ถ้าไล่มาตั้งแต่ Baby Boomer, X, Y น่าจะเป็น Z กับรุ่นใหม่ New Generation นั่นก็คือ 40 ลงมา คุณจะเรียกเขาว่าเด็กได้ยังไงฮะ จริง ๆ
ต้องเรียกว่าเป็นพลังสร้างสรรค์ของประเทศฮะ เพราะพลังสร้างสรรค์ในวิชาแพทย์
พลังสร้างสรรค์มันอยู่ตั้งแต่อายุประมาณ 18 นะ หรือบางทีก็ถอยไป 25 18
ไปจนถึงประมาณ 40 หรือ 50 เป็นพลังสร้างสรรค์ที่เต็มเปี่ยม พีคอ่ะ
เพราะฉะนั้นพวกนี้ไม่ใช่เด็กฮะ เขามีสติปัญญา เขามีวิจารณญาณ เขามีการศึกษาเยอะแยะ
เพราะฉะนั้นจะไปบอกว่าเขาเด็กไม่ได้
แต่ว่าพูดถึงความยับยั้งชั่งใจ
พูดถึงการผ่านโลก แน่นอน
ความยับยั้งชั่งใจหรือการผ่านโลกของเขาอาจจะมีองศาที่น้อยกว่าคนที่มีอายุเกิน 50 ขึ้นไป
นี่แน่นอน แต่คน 50 บางคนก็ฉุนเฉียวนะ ขออนุญาตด้วยความเคารพ ลองไปดูนายกฯ
ที่ผ่านมาซิครับ เวลาที่เขาให้สัมภาษณ์สื่อนะ ทุ่มโพเดียม แล้วก็เอาเปลือกกล้วยหอมขว้างใส่
อันนี้ไม่ทราบว่ามีวุฒิภาวะหรือเปล่า เด็กพวกนี้เขามีวุฒิภาวะระดับหนึ่ง
แต่ว่าความยับยั้งชั่งใจเขาอาจจะมีไม่มาก
แต่กลับไปที่ผมพูดเมื่อสักครู่นี้ว่า
ทันทีที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่ายินดีที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกันกับพรรคก้าวไกล จับมือ
8 พรรค ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันไปจนถึงที่สุด ที่สุดของผมหมายถึงว่าชนะก็ไปด้วยกัน
แพ้ก็ไปด้วยกัน ขึ้นสวรรค์ก็ขึ้นด้วยกัน ลงนรกก็ลงด้วยกัน เป็นรัฐบาลก็เป็นด้วยกัน
เป็นฝ่ายค้านก็เป็นด้วยกัน อย่างนี้ไม่มีม็อบฮะ
*ฝากถึงฝ่ายอำนาจเก่า*
ผมว่าขอให้เคารพประชาชนเถอะครับ
ไม่ต้องฟังผมหรอกครับ แต่ขอให้คุณเคารพ 27 ล้านเสียง
และเคารพกฎกติกาของระบอบประชาธิปไตย
ระบอบประชาธิปไตยเขาอนุญาตให้ความคิดเห็นที่แตกต่างกันดำรงอยู่ได้
ผมก็เคารพความคิดเห็นที่แตกต่างนะ คุณมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากผมได้
คุณมีสิทธิที่จะไปเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ แล้วก็พลังประชารัฐ หรือพรรคอื่น ๆ ได้
ผมเคารพคุณ แต่ว่าสังคมประชาธิปไตยก็คือว่าอนุญาตให้ความคิดเห็นแตกต่างกันได้
แต่ต้องมีข้อยุติ ข้อยุตินั้นก็คือว่าเคารพฉันทานุมัติ เคารพฉันทามติของประชาชน
ในเมื่อประชาชนเขาแสดงชัดเจนแล้วว่ามี 27 ล้านกว่าเสียง หรือ 72 กว่าเปอร์เซ็น
ที่สนับสนุน 8 พรรค
ผมอยากจะเรียกร้องไปให้สว.
250 คน พูดตามสิ่งที่คุณเคยพูดในวันที่คุณเลือกประยุทธ์ จันทร์โอชา สว.ครับ
คุณเป็นผู้ใหญ่ทั้งสิ้น หลาย ๆ คนก็อายุมากกว่าผมนะครับ หลาย ๆ
คนก็มีคุณงามความดีต่อสังคมต่อประเทศชาติมาเยอะ ขอให้คุณมีสัจจะวาจานะครับ
ก็คือคุณต้องรักษาวาจาที่คุณพูดเอาไว้ในวันที่คุณเลือกประยุทธ์ จันทร์โอชา
คุณบอกว่าขอให้พรรคการเมืองรวมเสียงเกินกว่าครึ่งคุณก็จะโหวตให้ วันนั้นคุณอธิบายในเรื่องประยุทธ์
จันทร์โอชา ที่ได้ 251 เสียง ที่เลือกประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยคะแนนเสียงสว. 249
เพราะว่าประยุทธ์ จันทร์โอชา รวบรวมคะแนนเสียงได้เกิน 251 สว.ครับ
ขอให้คุณรักษาสัจจะวาจา พระพุทธเจ้าท่านพูด “คนพูดโกหกไม่ทำชั่วเป็นไม่มี”