ครช.
- กลุ่ม24มิถุนาฯ บุกศาลรธน. จี้ปัดตกคำร้องสอบ "พิธา" - ยุบ
"พรรคก้าวไกล" ชี้ ส.ว.คว่ำโหวต "พิธา" เป็นนายกฯ เท่ากับทำลายประชาธิปไตย
ชวนแต่งดำพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) ฌาปนกิจศพส.ว.
พร้อมประกาศศึกองค์กรอิสระ
วันนี้
(18 กรกฎาคม 2566) เวลา 11.00
น.ที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ อาคาร A ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ
คณะรณรงค์รัฐธรรมนูญประชาชน (ครช.) พร้อมด้วยกลุ่ม 24
มิถุนาประชาธิปไตย นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เดินทางมาศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อคัดค้านศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ สมาชิกภาพส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
พรรคก้าวไกลสิ้นสุดลงตามมาตรา 82 และ
รับคำร้องกรณีพรรคก้าวไกลแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองอันจะมีผลต่อการยุบพรรคก้าวไกล
ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และกองร้อยน้ำหวาน หรือตำรวจควบคุมฝูงชนหญิง ได้มีการวางกำลังดูแลพื้นที่บริเวณโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์
หรือ อาคาร A
โดยมีการนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณด้านหน้าห่างจากตัวอาคารประมาณ 50
เมตร และมีเจ้าหน้าที่ศาลฯ เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน
โดยมีการสลับกันปราศรัย
และนางสาวธนพร วิจันทร์ เครือข่ายแรงงานสิทธิประชาชน เป็นผู้อ่านแถลงการณ์
ด้านนายสมยศ
กล่าวตอนหนึ่งว่า ปกติแล้วหลังการเลือกตั้งในหลายประเทศทั่วโลก ภายใน 1 สัปดาห์ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
แต่ประเทศไทยผ่านมา 2 เดือนยังคงไม่จบสิ้น
เราพบว่ากกต.ใช้เวลาไม่นานในการเร่งรัดพิจารณากรณีการถือหุ้นสื่อ itv ของนายพิธาและส่งเรื่องมาที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยวิญญูชนทั้งหลายเข้าใจว่า
เป็นการใช้กฎหมายโดยไม่สุจริตเพื่อล้มล้างประชาธิปไตย
ดังนั้นวันนี้จึงมายื่นหนังสือต่อศาล เพื่อขอให้ไม่รับเรื่องเหล่านี้ เพราะถ้าหยิบมาพิจารณาจะนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคม
จะนำมาซึ่งการทำลายประชาธิปไตย
นายสมยศ
ยังระบุว่า การแก้ไขมาตรา 112
ของพรรคก้าวไกลและการขอยกเลิกมาตรา 112 ของคณะราษฎรนั้นเป็นการใช้กระบวนการนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ
โดยพรรคก้าวไกลกระทำในฐานะเป็นผู้แทนปวงชนไทย
คณะราษฎรก็เข้าชื่อหมื่นชื่อขอให้แก้ไขตามกฎหมายกำหนด จึงเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน
หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวผิดสิทธิของประชาชนก็จะถูกละเมิด
บ้านเมืองก็จะหายนะ
นายสมยศ
กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังศึกษาข้อกฎหมาย
และรวบรวมความเห็นในการอภิปรายโหวตนายกฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่มีการหยิบยกเรื่องมาตรา
112 ขึ้นมานั้น เป็นข้ออ้างในการไม่โหวตนายพิธาเป็นนายกฯ
อาจจะเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ทำให้ประชาธิปไตยหยุดลง
ทำให้เสียงข้างมากของรัฐสภาไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
กระบวนการที่ส.ว.กำลังดำเนินการนั้นเป็นการขัดขวางประชาธิปไตย
บ่อนทำลายความมั่นคงของประชาธิปไตย ทำให้หลักการประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญและสากลนานาประเทศเสียหาย
ฉะนั้นจะเห็นว่ากระบวนการล้มล้างการปกครองได้เกิดขึ้นแล้ว
แม้กระทั่งในสภาผู้แทนราษฎร ของส.ส โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้อยู่
ระหว่างการรวบรวมเพื่อยื่นต่อ ป.ป.ช.จึงอยากให้ส.ส.-สว. ตระหนักถึงประชาธิปไตย
หลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต้องทำหน้าที่ปกป้องตรงนี้ด้วย
ไม่ใช่แค่อ่านกฎหมายและวินิจฉัยไปในทางที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบประชาธิปไตย
"ส.ว.ต้องยอมรับผลของการกระทำ การที่มีคนไปกดกริ่งหน้าบ้าน แบนธุรกิจ
สิ่งที่เหล่านี้ไม่ใช่การคุกคามหรือไล่ล่าแม่มด แต่เป็นการแสดงออกด้วยสันติวิธี"
โดยช่วงท้ายนายสมยศ
ยังได้กล่าวว่าในวันที่ 19
กรกฎาคม 2566 ขอให้ทุกคนใส่เสื้อดำไปร่วมกิจกรรมฌาปนกิจศพส.ว.
ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 17.00 น. และขอประกาศ
ศึกกับองค์กรอิสระ ทั้งกกตและศาลรัฐธรรมนูญโดยใช้สิทธิ์ในการชุมนุม
นำเสนอความคิดเห็นของประชาชน
ไม่ปล่อยให้องค์กรเหล่านี้ทำตามอำเภอใจเพื่อตอบสนองต่อเผด็จการ
ย้ำว่านี่เป็นภาระหน้าที่ของประชาชนที่จะผลักดันให้เกิดกระบวนการประชาธิปไตยไม่ปล่อยให้
8 พรรคการเมืองดำเนินการต่อฝ่ายเดียวและขอเรียกร้องให้ 8
พรรคการเมืองเหนียวแน่นยืนหยัดไปด้วยกันเพื่อกำจัดอำนาจเผด็จการ
และเดินไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ศาลรัฐธรรมนูญ