“อมรัตน์”
พบผู้ชุมนุม พิธาฝากให้กำลังใจพี่น้องมวลชนด้วย ยัน ยังสามารถเสนอชื่อชิงนายกฯ รอบต่อไปได้หากสถานการณ์เปลี่ยน
วันนี้ (19 กรกฎาคม 2566) เวลา 20.00 น. อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ถือโอกาสนี้มาเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ออกมาให้กำลังใจตั้งแต่ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา และที่มารวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตนมาดูความปกติเรียบร้อยและการจัดการของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ชุมนุม ยอมรับว่าดีใจที่อย่างน้อยวันนี้เราได้พื้นที่นี้กับคืนมา ก็คือ ลานวงกลมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อสมัยการชุมนุมต่อต้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็จะเห็นว่ามีการนำกระถางต้นไม้มาวางเต็มไปหมดในพื้นที่ ซึ่งตอนนี้กลับมาเป็นพื้นที่ของประชาชนพื้นที่ชุมนุมที่ปลอดภัย
อมรัตน์
กล่าวต่อว่า เท่าที่ดูสถานการณ์ตอนนี้การชุมนุมถือว่าเรียบร้อยดี
ทราบว่าพี่น้องประชาชนสมัยนี้มีส่วนร่วมทางการเมืองสูง มีความตื่นตัวสนใจติดตามการประชุมสภาฯ
ตนเห็นใจพี่น้องมวลชนที่เลือกตั้งเสร็จแล้วก็ยังต้องออกมาปกป้องเสียงตัวเอง
ไม่น่าเชื่อว่าผู้มีอำนาจเหนือการเลือกตั้งจะใช้วิธีแบบนี้
องค์กรอิสระด้วย โดยเฉพาะ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ไม่เปิดโอกาสให้พิธา
ได้เข้าไปชี้แจงแสดงเหตุผล แต่กลับส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญเลย
จากนี้ก็ต้องหาช่องทางทางกฎหมายในการดำเนินการกับกกต. การกระทำของทั้งองค์กรอิสระเหล่านี้ได้เปิดเปลือยสังคมการเมืองไทยประชาชนได้เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไรชัดเจนที่สุดแล้ว
ไม่มีประเทศใดที่ผลการเลือกตั้งพรรคที่ได้อันดับ 1 รวมเสียงข้างมากได้ถึง 312
เสียงจะไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ด้วยข้อกล่าวหาที่เป็นแบบนี้
อมรัตน์
กล่าวว่าเมื่อสักครู่ที่แยกมาจากพิธาทำให้เห็นว่าคุณพิธามีภาวะผู้นำมาก
เป็นคนที่น่าเลื่อมใสเพราะสถานการณ์ที่คับขันแบบนี้เราได้เห็นพิธาวางท่าทีที่ให้กำลังใจพวกเราและลูกพรรค
และฝากให้กำลังใจพี่น้องมวลชนที่มาลุ้นมาให้กำลังใจ พิธาเหมาะที่จะเป็นผู้นำทางการเมืองในยุคนี้มาก
ๆ
ที่จริงเรายังมีโอกาส
วันนี้เป็นแค่การลงมติเสนอชื่อคุณพิธารอบ 2 ถือเป็นญัตติหรือเปล่า
ที่ลงมติไม่ใช่เรื่องที่ว่าคุณพิธาจะไม่มีโอกาสชิงนายกฯ เป็นรอบที่ 2 ถ้ามีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปก็ยังสามารถที่จะส่งชื่อคุณพิธาเป็นแคนดิเดตนายกฯ
ในนสัปดาห์ต่อไปได้ถ้ามีการประชุม ยังไม่ถึงกับตัดสิทธิ์คุณพิธาเสียโดยตรง
เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดว่าวันนี้คุณพิธาแพ้โหวต ไม่ใช่นะคะ อมรัตน์ กล่าวในที่สุด