ธิดา
ถาวรเศรษฐ : ไม่ต้องการพูดให้เสียกำลังใจนะ แต่ตอนนี้คนที่ support พรรคเพื่อไทย
อาจจะเหลือครึ่ง/ครึ่งก็ได้
[ถอดเทป] คนดังนั่งเคลียร์ "พรรคประชาชน" ท้ารบ
"ทักษิณ" ศึกนี้แพ้ไม่ได้!!
ออกอากาศวันที่
19 พ.ย. 67 ทาง ช่อง 8
ดำเนินรายการโดย
เมย์ ชนิตร์นันทน์ ปุณณะนิธิ
ลิ้งค์ยูทูป
: https://www.youtube.com/watch?v=1SYCcukqPSM
***อาจารย์ธิดาเป็นอดีตประธานนปช. และเป็นอดีตคนเสื้อแดงด้วยมั้ยคะ?***
“คนเสื้อแดง” หมายถึง คนที่มีจิตวิญญาณรักประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ
ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ตราบเท่าที่คุณยังต่อต้านเผด็จการ ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ
ไม่เอาพวกจารีตนิยม อำนาจนิยม นั่นก็คือจิตวิญญาณของคนเสื้อแดง เป็นอดีตไม่ได้
เพราะฉะนั้น อาจารย์จะไม่มีวันเป็นอดีตคนเสื้อแดง
และอาจารย์มองว่าผู้รักประชาธิปไตยปัจจุบัน ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีพรรคอะไร
แต่ถ้าจิตวิญญาณเป็นแบบนี้ คุณก็คือคนเสื้อแดง
แม้ว่าขณะนี้จะเป็นโหวตเตอร์ให้พรรคอื่น พรรคใหม่ หรือพรรคอะไรก็ตาม
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ข้ามขั้ว หรือไปสนับสนุนเผด็จการ หรือพวกสืบทอดอำนาจ
นั่นไม่ใช่คนเสื้อแดง!!!
ถ้าพูดกันตรง
ๆ “พรรคเพื่อไทย” ปัจจุบันมาจาก “พรรคไทยรักไทย” สีเดิมไม่ใช่สีแดง เป็นเสื้อสีขาว
ก็ยังดีใจเพราะว่าเห็นคุณทักษิณแกใส่เสื้อสีน้ำเงินบ้าง สีขาวบ้างนะ
แต่ว่าการเคลมว่าคนเสื้อแดงเป็น support พรรคเพื่อไทยทั้งหมด มันไม่ใช่!!!
***แล้วตอนนี้คนที่ support พรรคเพื่อไทย
ยังเหลือสักกี่คน?***
ใน
10 ล้านคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยครั้งที่แล้ว (การเลือกตั้ง 2566) อาจารย์ก็ไม่ต้องการพูดให้เสียน้ำใจนะ
เพราะว่าจะเห็นได้ชัดที่คุณทักษิณลงพื้นที่ครั้งนี้
อาจารย์มองว่าเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวด้วย ไม่ใช่ทำเฉพาะที่อุดรธานี
เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว เป็นเรื่องของการวางยุทธศาสตร์บ้านใหญ่
แต่สำหรับคนเสื้อแดงจริง ๆ ก็คือในช่วงปี 2566 เสียงที่เพื่อไทยได้ประมาณ
10 ล้านเสียง ตอนนั้นได้ในฐานะที่คนเลือกแบบยุทธศาสตร์ด้วย
กับคนที่เป็น FC ด้วย
คนเลือกแบบยุทธศาสตร์คือเขาจะดูว่าเขตนี้ก้าวไกลจะชนะมั้ย
หรือว่าเพื่อไทยจะชนะ ถ้าพรรคไหนมีท่าจะชนะ เขาจะเลือกพรรคนั้น
เพราะเขาเชื่อว่าสองพรรคนี้เป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย
จะมีคนที่โหวตแบบยุทธศาสตร์จำนวนหนึ่ง อาจารย์ประเมินว่าใน 10 ล้านเสียง
ไม่ใช่ FC ทั้งหมด แต่อย่าให้เสียกำลังใจนะ
อาจจะเหลือครึ่งต่อครึ่งก็ได้ และเขาก็มีสิทธิ์ที่จะหาเสียงใหม่เพิ่มได้ ดังนั้น
การตระเตรียมตั้งแต่ตอนนี้ก็เป็นการวางแผนระยะยาว
เพราะอาจารย์เชื่อว่าเพื่อไทยต้องเปลี่ยนวิธีการหาเสียง
เพราะจากฐานเสียงที่เป็นพลังประชาธิปไตยเดิมถูกแย่งไปเยอะ
ก็จำเป็นที่จะใช้ยุทธศาสตร์บ้านใหญ่ หรือแบบการเมืองแบบเดิมแบบเก่า
เพื่อที่จะทำให้คะแนนเสียงมากขึ้น มันคือความเสี่ยง!!!
เพราะฉะนั้น
เวลาลงพื้นที่เราก็จะไม่ได้ยินการพูดถึงเรื่องการหาเสียงทางการเมือง
แต่จะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ, แจกเงิน, ยาเสพติด
อะไรทำนองนี้มากกว่า (ผู้ดำเนินรายการ : เป็นยุทธศาสตร์ที่เคยประสบความสำเร็จมา)
เคยประสบความสำเร็จ ในยุคนั้นไม่มีวิกฤตการเมือง เราเพิ่งได้รัฐธรรมนูญ 2540
เขามาถูกที่ถูกเวลา เหมือนพรรคก้าวไกลก็มาถูกที่ถูกเวลาตอนหลัง
เพราะเป็นวิกฤตการเมือง แต่สมัยคุณทักษิณ (ไทยรักไทย) เป็นวิกฤตเศรษฐกิจ
เพราะว่าการเมืองเราเพิ่งได้รัฐธรรมนูญ 2540 ตอนนั้นคนกำลังลำบากมาก
แล้วคุณทักษิณไม่ได้มาคนเดียว
มาพร้อมกับคณะทำงานจำนวนมากและเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในการเมืองไทย
ดังนั้นถูกที่ถูกเวลา ก็มาจัดการปัญหาเศรษฐกิจ เพราะการเมืองเมื่อเราได้รัฐธรรมนูญ
2540 ก็ดูดีหมดแล้ว เหมือนไม่มีอะไรแล้วนะ
เพราะฉะนั้นคะแนนเสียงจึงได้ท่วมท้น
แต่มาตอนนี้ตัวอาจารย์เองมองว่า
คนเขาฉลาด เขารู้แล้วว่าวิกฤตการเมืองสำคัญกว่า
มิฉะนั้นพรรคก้าวไกลจะไม่ได้คะแนนเสียงมากขนาดนี้ แล้วเขาก็มองได้ว่า
วิกฤตการเมืองคือสาเหตุของวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตทางสังคม
***อย่างที่อ.ธิดาบอกคือคุณทักษิณมองว่า
คือยุทธศาสตร์ภาพรวมภาพใหญ่ที่คุณทักษิณไม่ได้มองแค่อุดรฯ
แต่มองภาพใหญ่ว่านี่คือยุทธศาสตร์บ้านใหญ่ที่จะต้องเอากลับมา
เพื่อในอนาคตจะต้องสู้กับพรรคประชาชน***
คือในระดับภาพรวม
ฐานเสียงผู้รักประชาธิปไตยซึ่งเป็นฐานเสียงเดิมที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยถูกแบ่งไปจำนวนมากให้กับพรรคใหม่
ยังไม่นับคนรุ่นใหม่ ซึ่งคนรุ่นใหม่ค่อนข้างจะเกือบ 100% เป็นพรรคใหม่ไปแล้ว
แต่ในส่วนคนดั้งเดิมที่ถูกดึงฐานเสียง
ดังนั้นคุณทักษิณก็ต้องกลับมาตั้งหลักที่ยุทธศาสตร์บ้านใหญ่แบบดั้งเดิม
แต่ว่าก็ต้องทำระดับชาติไปด้วย ก็เลยมีแซะโน่นแซะนี่ประมาณ
“เป็นผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน” อะไรอย่างนั้น แล้วก็พวกนี้เด็ก ๆ เตือนแล้วก็ยังไม่ฟัง
อะไรประมาณนั้น
ซึ่งก็ทำให้เกิดสีสันทางการเมือง
พรรคประชาชนก็รู้สึกว่าถูกดิสเครดิตหรืออะไร ก็จำเป็นต้องออกมาพูด อาจารย์ก็ดู
ก็เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่ประชาชนจะได้เรียนรู้
อาจารย์เชื่อว่าคนภาคอีสานเขามีประวัติศาสตร์ของการต่อสู้มายาวนาน
เฉพาะจังหวัดอุดรฯ ที่ลงคะแนนเสียงไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ 2560 จำนวน
3.6 แสนคน ถ้าคิดเป็นภาพรวมที่ไม่รับมัน 50 กว่าเปอร์เซ็น
คือภาคอีสานเป็นภาคเดียวในประเทศไทยที่ไม่รับรัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหารมากกว่าภาคอื่น
อย่างภาคใต้ที่ไม่รับรัฐธรรมนูญดูเหมือนจะ 9 แสนคน ทั้งภาคเลยนะ
นี่ยกตัวอย่าง เพราะฉะนั้น ภาคอีสานเป็นภาคผู้รักประชาธิปไตยทั้งหมด
ก็เรียกว่าเป็นฐานเสียงเดิมของคุณทักษิณด้วย
คุณทักษิณก็คงจะต้องใช้ทั้งยุทธศาสตร์บ้านใหญ่และไปดึงคนเสื้อแดงกลับมาด้วย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทักษิณ #เพื่อไทย #อบจอุดร #พรรคประชาชน