วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ธิดา ถาวรเศรษฐ : ลุงนวมทอง ตัวตายแต่ชีพยัง แต่คนบางคนที่ประชาชนชัง ถูกฝังทั้งที่ยังมีลมหายใจ และจะฝังตลอดไป ตลอดกัลปาวสาน



ธิดา ถาวรเศรษฐ : ลุงนวมทอง ตัวตายแต่ชีพยัง แต่คนบางคนที่ประชาชนชัง ถูกฝังทั้งที่ยังมีลมหายใจ และจะฝังตลอดไป ตลอดกัลปาวสาน


#18ปีนวมทองไพรวัลย์

ณ สดมภ์นุสรณ์ ลานนวมทองไพรวัลย์

หน้า สำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

31 ตุลาคม 2567





สวัสดีค่ะ วันนี้พวกเรามารวมตัวอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งก็กลับไปแล้ว ส่วนหนึ่งก็ดูอยู่ที่บ้าน เราจำเป็นต้องมา และเราจำเป็นต้องมาจัดงานที่นี่ตลอด เราสามารถที่จะสร้างสดมภ์อนุสรณ์ และขณะนี้เราต้องขอบคุณ “กรุงเทพมหานคร” และ “กรมทางหลวง” ซึ่งมีลานเล็ก ๆ เราจะให้ชื่อว่า “ลานนวมทอง ไพรวัลย์” เพื่อที่เราจะสามารถมาจัดกิจกรรมในจำนวนคนที่เหมาะสมและไม่รบกวนประชาชนข้างนอก แม้นอาจจะมีเสียงก็ไม่เป็นไร แต่หมายความว่าลุงจะได้ไม่เหงา



ถามว่าทำไม “ลุงนวมทอง” เป็นสามัญชนคนเดียว เป็นคน ๆ เดียว แต่เราจำเป็นที่จะต้องจัดงานรำลึกและคารวะหรือคารวาลัยต่อ “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” เพราะนี่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ลุงเป็นสามัญชนคนธรรมดา ไม่ได้ร่ำเรียนสูง แต่ลุงรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ขณะที่คนจบปริญญาเอก เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ยังไปตามคนอื่น ๆ แล้วไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดเลย รู้ว่าถูกผิดคืออะไร ถูกผิดก็คือความขัดแย้งหลักระหว่างประชาชนผู้ถูกปกครองกับผู้ปกครองตัวจริง


รัฐไทยอยู่ภายใต้การครอบงำอำนาจรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ 2490 เป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ ผลพวงการทำรัฐประหารตั้งแต่ 2490 ปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับต่อมาจนถึงบัดนี้ในหมวด 1, หมวด 2 เปลี่ยนไปจากเดิม และที่ชัด ๆ เลยก็คือ เราจะเห็นว่ามาตรา 112 ซึ่งเป็นผลพวงการทำรัฐประหารเมื่อ 2519 ยังดำรงอยู่ดังคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแก้ไขไม่ได้ แปลว่าอะไร? แปลว่าคนปัจจุบัน, ชนชั้นนำ และรัฐบาล ยังตกอยู่ภายใต้การครอบงำและยินดีกับการทำรัฐประหาร 2519 ดังนั้น ผลพวงอันนั้นมันจึงมาจนถึงบัดนี้


เราได้ผ่านร้อนผ่านหนาว คนได้ตาย มีซากศพมายาวนาน จนกระทั่งลุงนวมทองได้มาจุดประกายในการที่มีการทำรัฐประหารใน 2 ทศวรรษแล้ว ซึ่งเป็นทศวรรษหลังสงครามเย็น ผู้คนสับสนว่าใครคือผู้ปกครอบ ใครคืออำนาจรัฐจริง จริง ๆ มันมีทั้งอำนาจ “รัฐซ้อนรัฐ” และ “รัฐครอบรัฐ” มีทั้งสองอย่าง แล้วใครมีอำนาจรัฐจริง เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่ชัดเจน


“ลุงนวมทอง” ไม่เดินผิดทางเลย ภายในเวลาไม่ถึง 2 อาทิตย์ ทำการต่อต้านรัฐประหารด้วยตัวเอง ก็คือขับแท็กซี่ชนรถถัง แต่ว่าเพียงแต่บาดเจ็บหนัก แล้วในขณะนั้นกลุ่มสมาพันธ์ประชาธิปไตย มีคุณหมอสันต์ หัตถีรัฐ, ครูประทีม อึ้งทรงธรรม, คุณหมอเหวง โตจิราการ รวมทั้งตัวดิฉันเองก็ได้ไปเยี่ยมและไปดูแลกันตั้งแต่ตอนนั้น เรายังไม่มีคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้น “ลุงนวมทอง” นี้มาก่อนกาล มาก่อนปัญญาชน มาก่อนคนเสื้อแดง ก็คือ จิตวิญญาณในการต่อต้านรัฐประหาร


ดังนั้น เรามาเพื่อเชิดชูอุดมการณ์และให้รู้ว่า คนที่เขาต่อสู้ เขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ตัวเขา เขาเลือกเกิดไม่ได้ แต่เขาเลือกตายได้อย่างวีรบุรุษ เขาคน ๆ เดียว เขาทำได้แค่นี้ แต่เขาไม่ต้องการให้นายทหารไทยเหยียดหยามเขา และไม่ต้องการให้ประชาชนไทยเหยียดหยามอย่างที่ทุกวันนี้ยังมีอยู่เลย ปัจจุบันนี้ยังมีอยู่เลยว่า “มันไม่มีคนรักประชาธิปไตยจริงหรอก” ทำให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย โดยเฉพาะคนเสื้อแดงมีการแตกแยก แต่ว่าลุงนวมทองคือตัวอย่างที่พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อประเทศ เพื่อศักดิ์ศรี ว่าคนไทยนั้นหยามไม่ได้ และคนไทยในระบอบประชาธิปไตยอำนาจต้องเป็นของประชาชน ใครจะมาปล้นไม่ได้ นี่คือ “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” ปรบมือให้ลุงนวมทองหน่อยนะคะ แต่ต่อไปเราก็จะไม่ให้เหงา เราก็จะมากันบ่อย ๆ เพราะลานนี้จะเป็น “ลานนวมทอง ไพรวัลย์”


ดังนั้น สิ่งที่เราอยากจะฝากเอาไว้ก็คือว่า ปัจจุบันนี้เรายังเป็นการต่อสู้กันอยู่ ระหว่างฝ่ายต่อต้านเผด็จการ ต่อต้านรัฐประหาร กับฝ่ายที่ไม่ต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชน มันยังเป็นขั้วที่ต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิง ไม่มีการสลายขั้ว ข้ามก็ข้าม แต่ไม่มีการสลาย เพราะขั้วมันยังดำรงอยู่และต่อสู้อย่างถึงพริกถึงขิง พัฒนาการมีทั้งสองซีก ทั้งซึกที่เป็นเผด็จการและซีกที่ถูกจัดการด้วยเผด็จการ เรามาถึงยุคใหม่ที่เยาวชนถูกจัดการ อาจจะไม่ได้ถูกยิงตายเหมือนคนเสื้อแดง อาจจะไม่ได้ถูกซ้อนกันตายแบบคนตากใบ แต่ว่าเครื่องมือที่สำคัญก็คือ “ความยุติธรรม” และเขาต้องถูกจับกุมคุมขังอย่างไร้ความปราณี



นี่คือการต่อสู้ที่เป็นจริงที่ดำรงอยู่ ที่แสดงว่านับจากการทำรัฐประหาร 2549 มาจนถึงบัดนี้ อำนาจของการทำรัฐประหารยังดำรงอยู่ แน่นอน เรามีวิกฤตเศรษฐกิจ เรามีวิกฤตสังคม เรามีวิกฤตสังคมที่ไม่น่าเชื่อ คนหลอกกันทั้งประเทศยังหลอกกันได้ หลอกกันไปหมดจนไม่รู้ว่าใครจะเชื่อใคร วิกฤตเศรษฐกิจก็เป็นหนี้กันหนักทั่วประเทศ แต่สำคัญกว่าวิกฤตเศรษฐกิตและวิกฤตสังคมคือวิกฤตการเมือง เพราะนี่คือบ่อเกิดของวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตสังคม และประชาชนไทยรู้


ดังนั้น อุดมการณ์ในการต่อต้านรัฐประหาร และยืนหยัดว่าอำนาจอธิปไตยในระบอบประชาธิปไตยต้องเป็นของประชาชนเป็นเรื่องที่เราต้องยืนยัน และเราถึงต้องมาจัดงานที่นี่ แน่นอน นี่มันไม่ใช่เรื่องของพลพรรค ไม่เกี่ยวกับพรรคไหน แต่มันเป็นเรื่องของประชาชนโดยจิตวิญญาณในการต่อต้านรัฐประหารโดยแท้ และนี่คือศักดิ์ศรีประชาชนไทย


ที่เราอยากจะฝากไปยังคนรุ่นหลัง เพราะคนรุ่นดิฉัน คุณหมอสันต์ คุณหมอเหวง ครูประทีป นี่เป็นคนรุ่นเก่า อย่างดิฉันก็ผ่านมา 51 ปี 51 ปีนี้เป็นสายธารการต่อสู้ มีคนตาย คนเจ็บ คนถูกจับกุมคุมขังอยู่เป็นจำนวนมาก เราไม่อาจจะหนีไปจากสาธารของการต่อสู้นี้ได้ เพราะเรามีอุดมการณ์ร่วมกันแบบเดียวกับ “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” จึงขอฝากให้เป็นภารกิจของคนรุ่นใหม่ เมื่อใดที่สับสนให้ถามก่อนว่า สิ่งนั้นที่เรากำลังจะเดินไปนั้น เราทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทำเพื่ออำนาจของพรรคพวก หรือทำเพื่อประเทศชาติประชาชน เราถามตัวเองจริง แล้วก็ไม่ต้องหลอกตัวเอง ถ้าหนทางนั้นเป็นหนทางเหมือนกับที่อดีตนักต่อสู้ได้ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่น ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ เราจำเป็นต้องเดินต่อไป


แต่คนที่เดินมากับเรา บางคนก็อาจจะออกนอกทาง บางคนก็อาจจะหยุดระหว่างทาง ไม่เป็นไร! เราก็มีคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาร่วมทาง แต่ถนนสายนี้ยุทธศาสตร์ก็คือ อำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชนเท่านั้นร่วมกันทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ดังนั้นการต่อสู้ต้องมียุทธศาสตร์ มิฉะนั้นจะล้มเหลวเหมือน 14ตุลา16 ให้คนปล้นอำนาจไป ยุทธศาสตร์เป้าหมายก็คือ อำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชน ไม่ว่าคุณจะอยู่กลุ่มไหน? คุณจะทำแบบไหน? แต่ถ้าเป้าหมายอันเดียวกันก็เป็นสิ่งที่เราเดินไปด้วยกันได้ เป็นคณะใหญ่



ในสุดท้ายก็คือ ลุงนวมทอง ตัวตายแต่ชีพยัง แต่คนบางคนที่น่าชัง ประชาชนชัง ถูกฝังเอาไว้ทั้ง ๆ ที่ยังมีลมหายใจและจะฝังตลอดไป ตลอดกัลปาวสานค่ะ ขอบคุณค่ะ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ #นวมทองไพรวัลย์ #แท๊กซี่ชนรถถัง #ต่อต้านรัฐประหาร