ธิดา
ถาวรเศรษฐ :
ลุงนวมทอง ตัวตายแต่ชีพยัง แต่คนบางคนที่ประชาชนชัง ถูกฝังทั้งที่ยังมีลมหายใจ
และจะฝังตลอดไป ตลอดกัลปาวสาน
#18ปีนวมทองไพรวัลย์
ณ
สดมภ์นุสรณ์ ลานนวมทองไพรวัลย์
หน้า
สำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
31
ตุลาคม 2567
สวัสดีค่ะ
วันนี้พวกเรามารวมตัวอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งก็กลับไปแล้ว ส่วนหนึ่งก็ดูอยู่ที่บ้าน
เราจำเป็นต้องมา และเราจำเป็นต้องมาจัดงานที่นี่ตลอด เราสามารถที่จะสร้างสดมภ์อนุสรณ์
และขณะนี้เราต้องขอบคุณ “กรุงเทพมหานคร” และ “กรมทางหลวง” ซึ่งมีลานเล็ก ๆ
เราจะให้ชื่อว่า “ลานนวมทอง ไพรวัลย์” เพื่อที่เราจะสามารถมาจัดกิจกรรมในจำนวนคนที่เหมาะสมและไม่รบกวนประชาชนข้างนอก
แม้นอาจจะมีเสียงก็ไม่เป็นไร แต่หมายความว่าลุงจะได้ไม่เหงา
ถามว่าทำไม
“ลุงนวมทอง” เป็นสามัญชนคนเดียว เป็นคน ๆ เดียว
แต่เราจำเป็นที่จะต้องจัดงานรำลึกและคารวะหรือคารวาลัยต่อ “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์”
เพราะนี่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ลุงเป็นสามัญชนคนธรรมดา ไม่ได้ร่ำเรียนสูง
แต่ลุงรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ขณะที่คนจบปริญญาเอก เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
ยังไปตามคนอื่น ๆ แล้วไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดเลย รู้ว่าถูกผิดคืออะไร
ถูกผิดก็คือความขัดแย้งหลักระหว่างประชาชนผู้ถูกปกครองกับผู้ปกครองตัวจริง
รัฐไทยอยู่ภายใต้การครอบงำอำนาจรัฐประหาร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ 2490 เป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ ผลพวงการทำรัฐประหารตั้งแต่
2490 ปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับต่อมาจนถึงบัดนี้ในหมวด 1, หมวด 2 เปลี่ยนไปจากเดิม
และที่ชัด ๆ เลยก็คือ เราจะเห็นว่ามาตรา 112 ซึ่งเป็นผลพวงการทำรัฐประหารเมื่อ
2519 ยังดำรงอยู่ดังคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแก้ไขไม่ได้ แปลว่าอะไร?
แปลว่าคนปัจจุบัน, ชนชั้นนำ และรัฐบาล ยังตกอยู่ภายใต้การครอบงำและยินดีกับการทำรัฐประหาร
2519 ดังนั้น ผลพวงอันนั้นมันจึงมาจนถึงบัดนี้
เราได้ผ่านร้อนผ่านหนาว
คนได้ตาย มีซากศพมายาวนาน
จนกระทั่งลุงนวมทองได้มาจุดประกายในการที่มีการทำรัฐประหารใน 2 ทศวรรษแล้ว
ซึ่งเป็นทศวรรษหลังสงครามเย็น ผู้คนสับสนว่าใครคือผู้ปกครอบ ใครคืออำนาจรัฐจริง
จริง ๆ มันมีทั้งอำนาจ “รัฐซ้อนรัฐ” และ “รัฐครอบรัฐ” มีทั้งสองอย่าง
แล้วใครมีอำนาจรัฐจริง เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่ชัดเจน
“ลุงนวมทอง”
ไม่เดินผิดทางเลย ภายในเวลาไม่ถึง 2 อาทิตย์ ทำการต่อต้านรัฐประหารด้วยตัวเอง
ก็คือขับแท็กซี่ชนรถถัง แต่ว่าเพียงแต่บาดเจ็บหนัก
แล้วในขณะนั้นกลุ่มสมาพันธ์ประชาธิปไตย มีคุณหมอสันต์ หัตถีรัฐ, ครูประทีม
อึ้งทรงธรรม, คุณหมอเหวง โตจิราการ
รวมทั้งตัวดิฉันเองก็ได้ไปเยี่ยมและไปดูแลกันตั้งแต่ตอนนั้น เรายังไม่มีคนเสื้อแดง
เพราะฉะนั้น “ลุงนวมทอง” นี้มาก่อนกาล มาก่อนปัญญาชน มาก่อนคนเสื้อแดง ก็คือ
จิตวิญญาณในการต่อต้านรัฐประหาร
ดังนั้น
เรามาเพื่อเชิดชูอุดมการณ์และให้รู้ว่า คนที่เขาต่อสู้
เขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ตัวเขา เขาเลือกเกิดไม่ได้ แต่เขาเลือกตายได้อย่างวีรบุรุษ
เขาคน ๆ เดียว เขาทำได้แค่นี้ แต่เขาไม่ต้องการให้นายทหารไทยเหยียดหยามเขา
และไม่ต้องการให้ประชาชนไทยเหยียดหยามอย่างที่ทุกวันนี้ยังมีอยู่เลย
ปัจจุบันนี้ยังมีอยู่เลยว่า “มันไม่มีคนรักประชาธิปไตยจริงหรอก”
ทำให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย โดยเฉพาะคนเสื้อแดงมีการแตกแยก
แต่ว่าลุงนวมทองคือตัวอย่างที่พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อประเทศ
เพื่อศักดิ์ศรี ว่าคนไทยนั้นหยามไม่ได้
และคนไทยในระบอบประชาธิปไตยอำนาจต้องเป็นของประชาชน ใครจะมาปล้นไม่ได้ นี่คือ “ลุงนวมทอง
ไพรวัลย์” ปรบมือให้ลุงนวมทองหน่อยนะคะ แต่ต่อไปเราก็จะไม่ให้เหงา
เราก็จะมากันบ่อย ๆ เพราะลานนี้จะเป็น “ลานนวมทอง ไพรวัลย์”
ดังนั้น
สิ่งที่เราอยากจะฝากเอาไว้ก็คือว่า ปัจจุบันนี้เรายังเป็นการต่อสู้กันอยู่
ระหว่างฝ่ายต่อต้านเผด็จการ ต่อต้านรัฐประหาร
กับฝ่ายที่ไม่ต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชน มันยังเป็นขั้วที่ต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิง
ไม่มีการสลายขั้ว ข้ามก็ข้าม แต่ไม่มีการสลาย
เพราะขั้วมันยังดำรงอยู่และต่อสู้อย่างถึงพริกถึงขิง พัฒนาการมีทั้งสองซีก
ทั้งซึกที่เป็นเผด็จการและซีกที่ถูกจัดการด้วยเผด็จการ
เรามาถึงยุคใหม่ที่เยาวชนถูกจัดการ อาจจะไม่ได้ถูกยิงตายเหมือนคนเสื้อแดง
อาจจะไม่ได้ถูกซ้อนกันตายแบบคนตากใบ แต่ว่าเครื่องมือที่สำคัญก็คือ “ความยุติธรรม”
และเขาต้องถูกจับกุมคุมขังอย่างไร้ความปราณี
นี่คือการต่อสู้ที่เป็นจริงที่ดำรงอยู่
ที่แสดงว่านับจากการทำรัฐประหาร 2549 มาจนถึงบัดนี้
อำนาจของการทำรัฐประหารยังดำรงอยู่ แน่นอน เรามีวิกฤตเศรษฐกิจ เรามีวิกฤตสังคม
เรามีวิกฤตสังคมที่ไม่น่าเชื่อ คนหลอกกันทั้งประเทศยังหลอกกันได้
หลอกกันไปหมดจนไม่รู้ว่าใครจะเชื่อใคร วิกฤตเศรษฐกิจก็เป็นหนี้กันหนักทั่วประเทศ
แต่สำคัญกว่าวิกฤตเศรษฐกิตและวิกฤตสังคมคือวิกฤตการเมือง เพราะนี่คือบ่อเกิดของวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตสังคม
และประชาชนไทยรู้
ดังนั้น
อุดมการณ์ในการต่อต้านรัฐประหาร และยืนหยัดว่าอำนาจอธิปไตยในระบอบประชาธิปไตยต้องเป็นของประชาชนเป็นเรื่องที่เราต้องยืนยัน
และเราถึงต้องมาจัดงานที่นี่ แน่นอน นี่มันไม่ใช่เรื่องของพลพรรค
ไม่เกี่ยวกับพรรคไหน
แต่มันเป็นเรื่องของประชาชนโดยจิตวิญญาณในการต่อต้านรัฐประหารโดยแท้
และนี่คือศักดิ์ศรีประชาชนไทย
ที่เราอยากจะฝากไปยังคนรุ่นหลัง
เพราะคนรุ่นดิฉัน คุณหมอสันต์ คุณหมอเหวง ครูประทีป นี่เป็นคนรุ่นเก่า
อย่างดิฉันก็ผ่านมา 51 ปี 51 ปีนี้เป็นสายธารการต่อสู้ มีคนตาย คนเจ็บ
คนถูกจับกุมคุมขังอยู่เป็นจำนวนมาก เราไม่อาจจะหนีไปจากสาธารของการต่อสู้นี้ได้
เพราะเรามีอุดมการณ์ร่วมกันแบบเดียวกับ “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” จึงขอฝากให้เป็นภารกิจของคนรุ่นใหม่
เมื่อใดที่สับสนให้ถามก่อนว่า สิ่งนั้นที่เรากำลังจะเดินไปนั้น
เราทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทำเพื่ออำนาจของพรรคพวก หรือทำเพื่อประเทศชาติประชาชน
เราถามตัวเองจริง แล้วก็ไม่ต้องหลอกตัวเอง
ถ้าหนทางนั้นเป็นหนทางเหมือนกับที่อดีตนักต่อสู้ได้ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่น
ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ เราจำเป็นต้องเดินต่อไป
แต่คนที่เดินมากับเรา
บางคนก็อาจจะออกนอกทาง บางคนก็อาจจะหยุดระหว่างทาง ไม่เป็นไร!
เราก็มีคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาร่วมทาง แต่ถนนสายนี้ยุทธศาสตร์ก็คือ อำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชนเท่านั้นร่วมกันทุกฝ่าย
ทุกกลุ่ม ดังนั้นการต่อสู้ต้องมียุทธศาสตร์ มิฉะนั้นจะล้มเหลวเหมือน 14ตุลา16 ให้คนปล้นอำนาจไป
ยุทธศาสตร์เป้าหมายก็คือ อำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชน ไม่ว่าคุณจะอยู่กลุ่มไหน?
คุณจะทำแบบไหน? แต่ถ้าเป้าหมายอันเดียวกันก็เป็นสิ่งที่เราเดินไปด้วยกันได้
เป็นคณะใหญ่
ในสุดท้ายก็คือ
ลุงนวมทอง ตัวตายแต่ชีพยัง แต่คนบางคนที่น่าชัง ประชาชนชัง ถูกฝังเอาไว้ทั้ง ๆ
ที่ยังมีลมหายใจและจะฝังตลอดไป ตลอดกัลปาวสานค่ะ ขอบคุณค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ #นวมทองไพรวัลย์ #แท๊กซี่ชนรถถัง #ต่อต้านรัฐประหาร