”พิชัย“ ลุยเซี่ยงไฮ้ ถกภาคเอกชนไทยในจีน 16 บริษัท
เร่งแก้อุปสรรคการค้า จับคู่นักลงทุนไทย-จีน ย้ำ
สถานการณ์การลงทุนในไทยวันนี้ดีต่อเนื่อง!
วันที่
6 พฤศจิกายน 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ภายหลังหารือกับบริษัทไทยในจีน
และคณะภาคเอกชนจากไทย (คณะหอการค้าไทยในจีน) จำนวน 16 บริษัท อาทิ อาหาร
ขนมขบเคี้ยว น้ำตาล แป้งมัน พลาสติก ธนาคาร รังนก สุขภาพและความงาม เป็นต้น
ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ กงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ทูตพาณิชย์
และทูตเกษตร ณ สถานกงสุลใหญ่ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคการค้าให้กับผู้ประกอบการ
ในช่วงระหว่างเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมงาน China
International Import Expo - CIIE ครั้งที่ 7
ซึ่งเป็นงานมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติประจำปีของจีน โดยงาน CIIE ครั้งนี้ประเทศไทยนำผู้ประกอบการ 80 รายเข้าร่วม
มาจากกระทรวงพาณิชย์ 20 ราย
ซึ่งสินค้าไทยเป็นที่ชื่นชอบในจีน ช่วยสร้างโอกาสในการทำรายได้เข้าประเทศ
นายพิชัย
กล่าวว่า
กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ต้องส่งเสริมผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในต่างประเทศให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนามากยิ่งขึ้น
เราอยากเห็น 80% ของงานกระทรวงพาณิชย์ คือการส่งเสริมให้เกิดการค้าการลงทุนมากๆ ส่วน 20% แค่คุมสิ่งที่จำเป็นไม่ให้มีปัญหาเท่านั้น
วันนี้ได้คุยกับผู้ประกอบการไทย ทำให้ได้ข้อมูลเยอะ
ได้ทราบว่าเราส่งออกรังนกมาจีนถึง 60,000 กว่าล้านบาท
ถ้ามีการแก้ปัญหาข้อกฎหมายบางอันได้ จะสามารถส่งออกได้มากถึง 100,000 ล้านบาท และเรื่องแบงค์ของไทย เช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ
ที่ได้มาตั้งสำนักงานที่จีนมานาน ระบุว่า มีนักลงทุนจีนที่สนใจจะมาลงทุนเมืองไทย
อยากให้ช่วย Matching จับคู่ธุรกิจกับนักลงทุนไทย
เพื่อให้มีการลงทุนจากจีนมากยิ่งขึ้นให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ โดยเฉพาะธุรกิจไฮเทค
วันนี้เราจะต้องพัฒนาไปทางด้านไฮเทค โดยเมื่อวานนี้ตนได้เดินทางไปที่บริษัทหัวเว่ย
มีการเปิดศูนย์พัฒนาใหม่มูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาท
มีพนักงานมาอบรมถึง 30,000 คน
และจะเปิดโอกาสให้คนไทยมาอบรมเทคโนโลยีสมัยใหม่
ให้ได้เรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีต่าง ๆ วันนี้โลกเปลี่ยนต้องแข่งด้วยความฉลาด
ทำอย่างไรให้คนของเราฉลาดเพียงพอ เป็นเรื่องที่สำคัญที่เราอยากเห็นให้เกิดขึ้น
ต้องช่วยกันสนับสนุน
นายพิชัยกล่าวต่อว่า
วันนี้ประเทศไทยกลับเข้าสู่เวทีโลกอย่างเด่นชัด ได้รับการติดต่อมาโดยตลอดว่า
จะมีนักลงทุนแห่กันเข้ามา ทั้งการลงทุนในเรื่อง PCB Data Center และ Food
Security ที่ไทยอยากเสนอตัวเป็นคลังอาหารของโลก เช่น ในเดือน พ.ย.
นักลงทุนนักธุรกิจรายใหญ่จากอเมริกาแห่เข้ามาพบที่กระทรวงพาณิชย์
และเราเตรียมให้การต้อนรับ ให้มีการลงทุนมากขึ้น
และสำหรับจีนก็จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกเยอะ
“วันนี้สถานการณ์การลงทุนในประเทศไทยต้องบอกว่า
ประเทศไทยโชคดีที่ประเทศจีนก็รักเรา สหรัฐอเมริกาก็รักเรา รัสเซียก็รักเรา
อินเดียก็รักเราประเทศใหญ่ ๆในโลกรักเราหมด
เราจะเป็นตัวกลางในการทำให้การค้าการลงทุนเข้ามา
กระทรวงพาณิชย์ได้รับการติดต่อจากประเทศต่างๆที่จะเข้ามาลงทุนและทำการค้ากับไทยเยอะมาก
เราเห็นเราเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยดีมาก" นายพิชัยกล่าว
โดยเมื่อวานนี้ตนได้มีโอกาสเจอกับนายหลี่
เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย
และนายหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ท่านบอกว่าปีหน้าไทย-จีน
จะครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปี อยากให้มีความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้น
ซึ่งเศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวเรื่อย ๆ
อีกไม่นานคงมีเศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่งของโลกขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะเมื่อไหร่เท่านั้นเอง
ไทยเองเราก็ต้องมีนโยบายที่ดีในการร่วมมือกับจีน
ซึ่งที่ประชุมฯ
ได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่ทำธุรกิจในจีน ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น
ทั้งสถานการณ์การค้าในปัจจุบันของแต่ละบริษัท การค้าไทย-จีน
โอกาสในการดำเนินธุรกิจ ปัญหาอุปสรรคทางการค้าในปัจจุบัน
แนวทางการแก้ไขและผลักดันสินค้าและบริการไทย ที่เอกชนต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยผลักดัน
และเสริมความร่วมมือในอนาคต
โดยกระทรวงพาณิชย์ยืนยันที่จะให้การสนับสนุนภาคเอกชนอย่างเต็มที่
ในฐานะทัพหน้าในการขยายการค้า โดยพร้อมที่จะช่วยพัฒนาผู้ประกอบการในด้านต่าง ๆ
ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ระบุว่า ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันที่สูงที่สุดกับไทยเป็นเวลาติดต่อกันถึง
12 ปี ตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน
โดยในปี 2566 มีมูลค่าการค้า 3.65 ล้านล้านบาทลดลง
0.19% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยช่วง 9 เดือน
ปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าไทยและจีนมีมูลค่ารวม 3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.38% สินค้าส่งออกหลักของไทยไปจีน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง 2.ผลิตภัณฑ์ยาง 3.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 4.เม็ดพลาสติก
5.ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และสินค้านำเข้าหลักของไทยจากจีน
ได้แก่ 1.เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 2.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 3.เคมีภัณฑ์ 4.เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 5.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์
และส่วนประกอบ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กระทรวงพาณิชย์ #ไทยจีน