ครูประทีป
อึ้งทรงธรรม ฮาตะ : หัวใจของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ยังยืนหยัดต่ออุดมการณ์ไม่สูญสิ้นและจะสืบทอดกันต่อไป
ณ
สดมภ์นุสรณ์ ลานนวมทองไพรวัลย์
หน้า
สำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
เมื่อวันที่
31 ตุลาคม 2567
สวัสดีพี่น้องที่รักประชาธิปไตยทุกท่านค่ะ
สวัสดีค่ะ และดิฉันเชื่อว่าวันนี้นะคะ ดวงวิญญาณของคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์
ท่านก็คงรับรู้และปลื้มปิติที่ได้เห็นพวกเรายังระลึกถึงท่าน ยังมาร่วมสดุดีวีรกรรมของสามัญชนที่ขับรถแท็กซี่ชนรถถังด้วยหัวใจของท่านที่เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ
และเราเอง คุณหมอสันต์ คุณหมอเหวง อ.ธิดา และดิฉัน ได้ไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาล
ท่านได้พูดอย่างหนักแน่นว่า
ท่านทำไปด้วยความรู้สึกที่เห็นว่าประเทศไทยทำไมมันจะหลุดพ้นจากอำนาจของเผด็จการ
อำนาจของบรรดาผู้ที่ถือปืนขับรถถัง
ดังนั้นท่านเชื่อว่าพลังของประชาชนตัวเล็กตัวน้อยนี่แหละเป็นพลังที่สำคัญ
ที่จะหยุดยั้งการปฏิวัติรัฐประหาร ท่านจึงตัดสินใจดำเนินการ
ท่านกะว่าจะให้เสียชีวิตตรงนั้นนะคะ
ข่าวแพร่ไปทั่วโลก ข่าวกระจายไปทุกหนทุกแห่งในเรื่องวีรกรรมของท่าน
แต่ก็มีคนที่อยู่ในอำนาจได้มาดูถูกเหยียดหยาม จึงทำให้ท่านเกิดความรู้สึกว่า
จิตใจของท่านถูกบิดเบือนเจตนารมณ์
ดังนั้นท่านจึงมาทำวีรกรรมสร้างประวัติศาสตร์ของสามัญชนขึ้น ณ จุดนี้ สะพานแห่งนี้
และพวกเราที่มาวันนี้เราก็มายืนหยัดและเห็นด้วยว่า สิ่งที่ท่านทำ
ท่านทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีความกล้าหาญ มีอุดมการณ์อันสูงส่ง เราเห็นว่า
อย่างดิฉันเองและ 3 ท่านข้างหน้านี้ (คุณหมอสันต์-คุณหมอเหวง-อ.ธิดา) ก็อายุมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหมดไฟกัน
เพียงแต่เราต้องการที่จะให้เห็นว่ามีเยาวชน มีคนหนุ่มสาว มีคนรุ่นใหม่
มีคนที่มีอุดมการณ์ มาสานต่อว่าเมื่อไหร่ประเทศไทยจะหมดการปฏิวัติรัฐประหารเสียที?
เมื่อไหร่คะ เมื่อไหร่ ๆ ๆ ๆ
แม้นว่าเผด็จการผ่านมา
18 ปี....18 ปีของการต่อสู้ที่พวกเราหลายคน
หลายรูปแบบการต่อสู้หลากหลาย จนนำมาซึ่งการแก้ไขไปในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่มีหลักการปี
40 ถูกปฏิวัติอีก ฉีกรัฐธรรมนูญอีก
มาจนถึงรัฐธรรมนูญที่มันห่วยแตกที่สุด แก้ยากที่สุด คือรัฐธรรมนูญปี 60 เหมือนกับเราก้าวไปข้างหน้า ถูกถึงถอยกลับมา ก้าวไปข้างหน้า
ก็พยายามสู้กันไปข้างหน้า ถอยกลับมาอีก ดังนั้น
การต่อสู้ของเรายังต้องไปอีกยาวไกลเพื่อจะหยุดยั้งการปฏิวัติรัฐประหารของผู้มีอำนาจอยู่เหนือประชาชน
ดิฉันเองต้องยกย่องบุคคลทั้งสามท่าน
โดยเฉพาะ อ.ธิดา, คุณหมอเหวง ซึ่งท่านใช้ชีวิตของท่านทั้งชีวิตในการที่จะเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตย
ท่านเข้าป่าในปี 2518 หลังจากที่มีการปราบปรามประชาชน ท่านก็เข้าไปต่อสู้ด้วยอุดมการณ์ของท่าน
ออกจากป่าแล้ว ท่านก็ยังออกมาต่อสู้ ตั้ง “สมาพันธ์ประชาธิปไตย” ในช่วงที่มีการรัฐประหารของ
“สุจินดา คราประยูร” ปี 2535
จนการปฏิวัติครั้งนั้นต้องหยุดลงเพราะว่าประชาชนออกมาต่อสู้ แล้วเราต้องนึกถึงอีกท่านหนึ่งก็คือ
คุณฉลาด วรฉัตร ที่ออกมาต่อสู้ในช่วยปี 2535 มาอดข้าว
ท่านก็โดนดูถูกเหยียดหยาม แต่หลายคนก็เข้ามาช่วยกัน
ทำให้จิตวิญญาณของการต่อสู้ประชาธิปไตยยังสืบทอดอยู่ “อ.ธิดา-คุณหมอเหวง-คุณหมอสันต์” ก็เป็นหัวหอกที่สำคัญ
ร่วมกับคุณฉลาด และในช่วงนั้นก็ขอเอ่ยชื่อ คุณจำลอง ศรีเมือง
ซึ่งตอนหลังท่านก็มาเปลี่ยนความคิดไป จุดยืนเปลี่ยนไป ซึ่งเราก็ไม่ว่ากัน
เพราะว่าเส้นทางในเรื่องของการต่อสู้ประชาธิปไตยนี้ คนที่มีจุดยืนหนักแน่น เหนียวแน่น
รักษาอุดมการณ์ ก็ยังเดินต่อ บางคนอาจจะเดินหลงไป เราก็พยายามเรียกกลับมา
เมื่อเรียกกลับมาไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยไป แต่เราก็ยังมุ่งมั่นที่จะเดินต่อ
และเมื่อสักครู่
คุณหมอเหวงพูดถึง “กรณีตากใบ” ที่เกิดการสูญเสียถึง 87 ชีวิต
ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างนั้น
ในช่วงนั้นดิฉันเองเป็นสมาชิกวุฒิสภา ได้ลงไปหลังจากเกิดเหตุ 3 วัน เพื่อไปเยี่ยมผู้คนที่ถูกขนซ้อน ๆ ๆ ๆ กัน แล้วไปจอดรอใช้ระยะเวลาจากตากใบมาอีกไม่กี่กิโล
แต่ต้องอยู่ในรถของทหาร 7-8 ชม. โดยสภาพที่ซ้อน ๆ กัน
แล้วอากาศมีน้อยนิดในการหายใจ และผู้คนก็ถูกอบอยู่ในนั้น คนที่รอดชีวิต
ดิฉันไปที่โรงพยาบาล บางคนยังอายุไม่มาก บางคนก็ยังไม่ถึง 20 บางคนก็ 20 กว่า เท้าบวม ขาบวม
บางคนตาก็แดงบวมออกมาเหมือนจะถล่นออกมา บวมมากเพราะเลือดไปคั่งอยู่ คนที่เสียชีวิต
ดิฉันเข้าไปที่ค่ายทหารโดยใช้ความเป็น สว. ไปเห็นศพที่เรียงรายอยู่
ญาติก็มารอรับศพ นั่งร้องไห้น้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด เมื่อเขาเห็นศพของคนที่เป็นครอบครัว
เป็นคนที่รักของเขานอนเรียงราย 70 กว่าชีวิต เราก็เศร้าใจ
แล้วก็เข้าไปดูในพื้นที่ที่เขากักกันในค่ายทหาร เห็นเด็กเยาวชนอายุ 14-15 และ อายุ 13 น้อยที่สุด ดิฉันบอกว่าอย่างนี้ไม่ได้
ขังเด็กอย่างนี้ไม่ได้ คุณต้องส่งเด็กกลับคืนอ้อมอกของพ่อแม่เขาโดยด่วน
ได้สั่งกับทหารไป ตอนนั้นมีคณะกรรมาธิการ อ.ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ คงจำได้
ท่านเป็นหัวหน้าคณะไป กับอ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง แล้วเราก็ไปกันเป็นคณะ ได้ไปคุยกับทหารว่าคุณต้องปล่อยเด็กต่ำกว่า
18 โดยด่วน
แล้วก็ได้กลับมา
ได้มีการพูดคุยกัน แต่อย่างว่านะคะ ในสภาฯ ถึงแม้นว่าเราจะมาสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งในช่วงนั้น
ไม่ใช่ลากตั้งนะ หรือไม่ใช่มีการแบบหมกเม็ดกัน ในปี 43
แต่อำนาจที่แท้จริงของประชาชนที่มีการเลือกตั้งสว.เข้าไป
แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปทำให้กติกาการแก้ไขกฎหมายที่จะทำให้ทหารที่เข่นฆ่าประชาชน
ทำให้เกิดการทำร้ายประชาชน ติดคุกและได้รับการลงโทษ “ตากใบ” ก็เช่นกัน
เพิ่งหมดระยะเวลาไป 20 ปีของอายุความทางกฎหมาย
ดิฉันเชื่อว่ากระบวนการผู้ที่เรียกร้องความยุติธรรมจะต้องนำ 7 คนที่เป็นข้าราชการและเป็นผู้ที่มีอำนาจในการดูแลสถานการณ์ในช่วงนั้นกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้
นำเข้ามาลงโทษให้ได้ ดิฉันมีความเชื่อมั่นอย่างนั้น
และในวันนี้
ถึงแม้นว่าพวกเราจะไม่ได้มากันมากมาย แต่ว่าแต่ละคนเป็นตัวแทนของกลุ่มต่าง ๆ
ดิฉันเชื่อมั่นว่าถ้าทุกครั้งที่มีการรวมตัวกันเรียกร้องความเป็นธรรม
แล้วมีประชาชนเข้ามาร่วมกันเป็นสัญญาณที่บอกว่า “หัวใจของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย
ยังยืนหยัดต่ออุดมการณ์ไม่สูญสิ้นและจะสืบทอดกันต่อไป” ขอบพระคุณมากค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นวมทองไพรวัลย์ #ต่อต้านรัฐประหาร #แท็กซี่ชนรถถัง