ศ. เกียรติคุณ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ : มีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังรัฐประหาร
ที่เราจะต้องร่วมกันต่อสู้ต่อไป
#18ปีนวมทองไพรวัลย์
ณ สดมภ์นุสรณ์ ลานนวมทองไพรวัลย์
หน้า สำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567
สวัสดีครับพี่น้องทุก ๆ ท่าน
อาจจะเป็นน้อง ๆ ก็ได้นะครับ เพราะผมอาจจะค่อนข้างแก่แล้ว ไม่ใช่เก่า แต่แก่ด้วย
ที่จริงการต่อสู้เป็นของธรรมดานะฮะ ผมเริ่มต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ พ.ศ.
2500 ตอนที่จะล้มรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่ว่ามีการเลือกตั้งสกปรก
ตอนนั้นผมเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีที่ 2
ก็เดินขบวนจากจุฬาฯ ไปที่ทำเนียบรัฐบาล
แล้วก็ถูกสฤษดิ์ไปตั้งกองทหารขวางไว้ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์
แต่ไม่ทราบว่ามีคำสั่งอะไรมา แล้วสฤษดิ์ก็ถอนทหารไป ให้พวกเราไปที่ทำเนียบรัฐบาล
และไม่ช้าเราก็สามารถพังประตูทำเนียบรัฐบาลเข้าไปได้ แต่ก็น่าแปลกใจนะ จอมพล ป. ก็ลงจากชั้นบนลงมาที่ประตูหน้าของทำเนียบรัฐบาล
แล้วก็คุยกับพวกเราอย่างธรรมดา ก็พูดกันเจรจากัน แล้วเราก็กลับบ้าน
ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายในครั้งนั้น
แต่แล้วก็มาถึง ตุลา16
ก็เกิดที่จะมีการโค่นล้มรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร เพราะลูกชายของท่าน ณรงค์
กิตติขจร กร่างมาก จนคนยอมรับไม่ได้
แล้วคนนั้นก็เลยใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือในการล้มรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร
แล้วก็เลยมาเกิด นักศึกษาตอนนั้นก็ต้องยอมรับว่าหลังจากได้ชัยชนะในครั้งนั้น
นักศึกษาก็เหลิงในอำนาจพอสมควร จนกระทั่งถูกหมั่นไส้ ก็เลยมีการสร้างนวพล
มีการสร้างกระทิงแดง มีการสร้างหน่วยป้องกันราชอาณาจักร มาทำลายนักศึกษา
ฆ่านักศึกษาอย่างโหดเหี้ยมทารุณ
ผมได้ผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาแล้วก็ได้มาคิดย้อนหลัง
ก็เหมือนกับคุณลุงนวมทอง ที่ได้พูดถึงว่ามีจอมเผด็จการ
ท่านไม่ได้ต่อต้านทหารเท่านั้น
ท่านต่อต้านจอมเผด็จการที่สามารถสั่งทหารออกมาทำอะไรต่าง ๆ ได้
เพราะฉะนั้นสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พวกเรารุ่นน้อง ๆ ต่อไปที่กำลังจะลุกขึ้นมาต่อสู้แทนคนแก่คนเก่าอย่างผม
จะต้องระลึกถึงอยู่เสมอว่า การต่อสู้ทั้งหลายมันต้องมีการจัดตั้งอย่างที่ท่านกุหลาบ
สายประดิษฐ์ ได้พูดไว้ ที่เราเห็นอยู่นี้ “อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล ไม่อาจต้านแรงมหาประชาชน”
ถ้าพวกเราต่างคนต่างสู้เป็นนิดเป็นหน่อยไม่ได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่มก้อนที่ชัดเจน
มันก็จะกระจัดกระจายและไม่สามารถจะเกิดพลังที่จะต่อสู้กับอำนาจจอมเผด็จการได้
เพราะฉะนั้น แม้แต่ พฤษภา 2535 ที่พวกเรา “สมาพันธ์ประชาธิปไตย” ลุกขึ้นต่อต้าน
พล.อ.สุจินดา คราประยุร เราก็มาได้รับบทเรียนจากการศึกษาย้อนหลัง แปลกนะครับ
ประชาชนถูกฆ่าบาดเจ็บล้มตายไปเป็นร้อย แต่ภายในคืนเดียว ทุกคนพ้นโทษหมด “กฎหมายนิรโทษกรรม”
ออกง่ายเหลือเกิน คนสั่งฆ่าประชาชนไม่ผิด หายหมด เช่นเดียวกับพฤษภา 53
ศาลตัดสินแล้วว่าคนที่ตายถูกตายด้วยอาวุธจากทหาร
แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่มีการลงโทษหรือไม่มีการดำเนินคดีผู้ที่ใช้กระสุนสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์และปราศจากอาวุธเหล่านั้น
แม้แต่น้องเกด (กมลเกด อัคฮาด) ที่ออกไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกยิง
ก็ถูกยิงเสียชีวิตด้วย
ก็เป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องตระหนักว่ามันมีอะไรที่เหนือทหาร
เอาแท็กซี่ไปชนทหารอย่างเดียว ไปชนรถถังอย่างเดียว ไม่เพียงพอครับ
เรายังมีงานที่จะต้องทำมากกว่านั้นอีกเยอะ และจะต้องมีการจัดตั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ไม่แข็งกร้าวเกินไป แข็งกร้าวเกินไปก็อาจจะถูกกำจัดเร็วขึ้น เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งที่วันนี้เราได้มารวมกันระลึกถึงประกายไฟที่คุณนวมทอง
ไพรวัลย์ ได้จุดประกายให้พวกเราตื่นขึ้น
รู้ว่ามีจอมเผด็จการในการสั่งให้ทหารทำรัฐประหาร และท่านได้พลีชีพของท่าน
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าท่านต้องการต่อสู้กับเผด็จการนั้น
ก็เหมือนท่าน สืบ นาคะเสถียร ที่ท่านสละชีวิตของท่านเพื่อพิทักษ์ป่าและสัตว์ป่า
และท่านก็สามารถทำให้ประชาชนตื่นตัวขึ้นในเรื่องการพิทักษ์ป่าและสัตว์ป่า
เช่นเดียวกับคุณนวมทอง ไพรวัลย์ กระทั่งได้จุดประกายให้พวกเราเห็นว่า
ไม่ใช่รัฐประหารอย่างเดียว มันมีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังรัฐประหารนั้น
ที่เราจะต้องร่วมกันต่อสู้ต่อไป ขอฝากให้น้อง ๆ ลูก ๆ หลาน ๆ ได้สืบต่อภารกิจนี้
ขอบคุณครับ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #18ปีนวมทองไพรวัลย์ #นวมทองไพรวัลย์ #ต่อต้านรัฐประหาร #แท็กซี่ชนรถถัง