สส.ปิยรัฐ
จงเทพ (โตโต้) :
ในความมืดมิดก็มีแสงสว่างอยู่บ้าง เชื่อว่ามันยังมี อย่าเพิ่งท้อถอย
สู้ไปด้วยกัน
ณ
สดมภ์นุสรณ์ ลานนวมทองไพรวัลย์
หน้า
สำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
เมื่อวันที่
31 ตุลาคม 2567
สวัสดีพี่น้องประชาชนนะครับ
และพี่น้องประชาชนที่รับชมอยู่ทางบ้านในเวลานี้นะครับ โตโต้นะครับ
วันนี้เพิ่งเดินทางมาจากการประชุมกรรมาธิการที่สภานะครับ เราต้องยอมรับครับว่างานแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักที่เราจะมาได้พบกันในลักษณะงานที่จะต้องมาไว้อาลัย
หรือมาแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของวีรชน
ผมคิดว่ามันควรจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วอย่างที่ลุงนวมทองตั้งปณิธานไว้ว่า “เกิดชาติหน้าฉันใดก็อย่าให้พบพานจากการรัฐประหารอีก”
ก็คิดว่าสิ่งที่หมอเหวงได้เสนอวันนี้
ผมก็รับฟังอยู่ในฐานะตัวแทนหรือผู้แทนราษฎร ในฐานะสส.นะคะ
ก็ยังมีการพูดคุยกับทนายแจมในฐานะสส.เหมือนกัน แล้วก็นั่งอยู่ข้างสว.บาส มีทั้งสส.
สว. นั่งอยู่ข้างกันวันนี้ ก็นั่งคุยกันว่าเราคงต้องไปผลักดันเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
อย่างที่พี่แจมบอกไว้ว่ายังมีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนิรโทษกรรมค้างคาอยู่ในสภา 4 ฉบับ
ฉบับที่ 1 นั้นเป็นฉบับของภาคส่วนประชาชน ต้องขอเอ่ยนาม
ภาคของกลุ่มไอลอว์และประชาชนได้เข้าชื่อกันเสนอแก้ไข พูดง่าย ๆ
คือเสนอนิรโทษกรรมประชาชน ซึ่งรวมมาตรา 112 ด้วย
ตอนนี้ยังอยู่ในสภาอยู่นะครับ ยังไม่หลุดไปไหน อันนี้ยืนยันนะครับ
อีกร่างหนึ่งของเราเองคือพรรคประชาชน
เดิมทียื่นในนามของพรรคก้าวไกลก็ยังอยู่ในสภา แล้วอีก 2
ร่างเป็นของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งแน่นอน 2 ร่างนั้นไม่รวม 112 แต่ยืนยันว่าทั้ง 2 ร่างนี้คือ
พรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชน และร่างของไอลอว์และประชาชนที่เข้าชื่อร่วมกัน
เราจะต้องอภิปรายเรื่องนี้ในสภา
ก็อยากให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามกันว่าเหตุผลของเรา เหตุผลของภาคส่วนประชาชน
และเหตุผลของพรรคประชาชนเอง จะสนับสนุนให้มีการแก้ไขประเด็นใดบ้างตามมาตรา
ซึ่งผมคาดว่าจะมีการอภิปรายกันในช่วงต้นสมัยการประชุมหน้า
ซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 12 ธันวาคม
พยายามดันเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดนะครับ
แต่ต้องเข้าใจว่าผมเองจะพูดเรื่องนี้มากก็ไม่ได้
เพราะว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับคดีนี้นะครับ ผมเองก็เพิ่งถูกศาลยกฟ้องมาแล้ว 1 คดีคือคดี
112 นะครับ ในปีนี้ก็ยกฟ้องไป 1 คดีแล้ว
ยังเหลืออีก 2 คดี แล้วก็ยังมีคดีอื่น ๆ อีก 3-4 คดี จาก 20 คดีตอนนี้เหลืออีกราว ๆ 4-5 คดี ฉะนั้นผมก็ยืนยันว่าผมยังสู้คดีทุกคดีไม่ได้หนีไปไหนและไม่ได้หลบไปไหน
ขึ้นศาลทุกครั้ง ทุกนัดด้วย และเดินหน้าเข้าฟังคำพิพากษา
ผมยังจำได้
วันที่จะพิพากษา 112 ผม มีหลายคน ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศบอกว่าสส.จะไปฟังเหรอ?
สส.ไม่หนีเหรอ? สส.ไม่ไปเหรอ? ผมบอกผมจะฟัง ผมจะไปฟัง ติดคุกก็ให้ติด
ติดคุกวันนี้ก็ไม่เสียใจอะไรเลย ผมก็เดินทางไปฟัง ผิดคาดครับ! ในขณะที่ผมลุกขึ้น กำลังจะแถลงศาลปิดคดี ทนายรอนยกมือขอศาลพูดก่อนผมว่า
ศาลครับ ศาลต้องให้ประกันวันนี้นะครับ ไม่งั้นสส.หลุดเลยนะครับ
ศาลต้องรับปากตรงนี้ว่าให้ประกันวันนี้นะครับ ผมหน้าเสียเลย
ผมบอกว่าเผื่อศาลจะยกฟ้องก็ได้ อย่าเพิ่งไปต่อรองอย่างนั้น
ศาลก็บอกว่าเดี๋ยวผมจะพิจารณา ศาลก็ไม่กล้ารับปาก กระทั่งผ่านไป 5 นาที ศาลอ่านคำพิพากษาที่ผมฟังมาแล้วสั้นที่สุดตลอดที่ผมเคยฟังคำพิพากษามา
ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาแค่ 5 นาทีในการยกฟ้องคดี 112 ผม
นี่คือสิ่งที่คิดว่าเป็นความหวัง
ๆ หนึ่งของพี่น้องประชาชนว่า อย่าคิดว่าคดี 112 นี้ จะติดคุกเสมอไปนะครับ
และอย่าคิดว่าคดี 112 นี้อาจจะไม่มีความหวังนะครับ ผมคิดว่าผู้พิพากษาที่ยังมีความเป็นธรรมยังมีอยู่
ยังหลงเหลืออยู่ ฉะนั้นพวกเราต้องช่วยกันให้กำลังใจผู้พิพากษาที่กล้าหาญในการดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม
ผมคิดว่าเสียงปรบมือให้ผู้พิพากษาที่กล้าหาญเหล่านี้ครับ
ผมคิดว่านี่คือความหวังจริง ๆ ของพวกเรา
ผมขอลงท้ายอย่างนี้ครับว่า
ในความมืดมิดเองมันก็มีแสงสว่างอยู่บ้าง แม้มันจะน้อยติด แต่ผมเชื่อว่ามันยังมี
อย่างน้อยยังมีลุงนวมทองที่เป็นตัวอย่างว่า ณ
วันที่มืดมิดอย่างวันที่มีการรัฐประหารเมื่อปี 49 นั้น ใครจะคิดว่าคน ๆ
นี้จะมาขับรถแท็กซี่ชนรถถัง แล้วสุดท้ายมาทำอัตวิบากกรรมหรือฆ่าตัวตายพูดกันตรง ๆ
อย่างนี้ ในการต่อต้านเผด็จการ ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้พวกเราทุกคนเป็นกำลังจิตกำลังใจให้กันได้ครับ
หนึ่งเสียงของพวกท่านนั้นมีคุณค่าและมีความสำคัญมาก อยากฝากให้ทุกคนว่า
สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือมีกำลังใจให้กันและกัน ต่อสู้ไปด้วยกัน
อย่าเพิ่งท้อถอยนะครับ ขอให้สู้ต่อนะครับ ขอบคุณครับ
.
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นวมทองไพรวัลย์ #ต่อต้านรัฐประหาร #แท็กซี่ชนรถถัง