วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

พรรคประชาชนปราศรัยใหญ่เลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี เวทีส่งท้ายที่หนองประจักษ์ คนแห่ฟังแน่น “เท้ง ณัฐพงษ์” ย้ำพรรคประชาชนชัดเจน ทำการเมืองท้องถิ่นเพื่อการเปลี่ยนแปลง ถามกลับผู้สมัครเพื่อไทย มีนโยบายอะไรเพื่อชาวอุดร “พิธา” ยก 3 เหตุผลชาวอุดรควรกา “คณิศร” เบอร์ 1 เป็นนายกฯ อบจ.

 


พรรคประชาชนปราศรัยใหญ่เลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี เวทีส่งท้ายที่หนองประจักษ์ คนแห่ฟังแน่น “เท้ง ณัฐพงษ์” ย้ำพรรคประชาชนชัดเจน ทำการเมืองท้องถิ่นเพื่อการเปลี่ยนแปลง ถามกลับผู้สมัครเพื่อไทย มีนโยบายอะไรเพื่อชาวอุดร “พิธา” ยก 3 เหตุผลชาวอุดรควรกา “คณิศร” เบอร์ 1 เป็นนายกฯ อบจ.


วันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ที่หนองประจักษ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี พรรคประชาชน เปิดเวทีปราศรัยใหญ่สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งพรรคประชาชนได้ส่ง คณิศร ขุริรัง เบอร์ 1 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.อุดรธานี โดยเวทีปราศรัยนั้นได้รับความสนใจจากประชาชนชาวอุดรธานี เข้าร่วมรับฟังเนื้อหานโยบายและมาให้กำลังใจพบปะกับแกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชนเป็นจำนวนมาก


ในส่วนของ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ปราศรัยโดยขอบคุณ 3 บุคคลที่พาดพิงถึงตน โดยระบุว่าคนแรกที่ต้องขอบคุณคือ ทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่าการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่พรรคประชาชนทำอยู่นั้นไม่จำเป็น ที่ขอบคุณเพราะทำให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นแล้วว่าพรรคประชาชนคือพรรคการเมืองเดียวในสภาที่เอาจริงกับการผลักดันเดินหน้านโยบายต่างๆ ผ่ายการแก้กฎหมายในสภา กฎหมาย 80 กว่าฉบับที่จะเดินหน้าต่อคือการทำงานแบบพรรคประชาชนที่ไม่ได้มีแต่ค้าน แต่มีเนื้องาน ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความจริงใจต่อประชาชน


ที่ทักษิณบอกว่าระหว่างทางเห็นป้ายหาเสียงของพรรคประชาชนที่มีทั้งภาพตนและพิธาคู่กับผู้สมัคร เป็นเพราะพิธาได้รับความนิยมมากกว่าหรือไม่ ต่างจากลูกสาวตัวเองที่มีความนิยมมากกว่า อีกทั้งมาปราศรัยที่อุดรธานียังบอกว่าชาวอุดรธานีอย่าทำให้ตัวเองเสียหน้า แพ้ไม่ได้เพราะอุดรธานีเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง ราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของคะแนนเสียง สิ่งที่ทักษิณพูดมานี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจผิด และความแตกต่างระหว่างทักษิณกับพรรคประชาชน 


สำหรับพรรคประชาชนสิ่งที่สำคัญกว่าตนคือความยึดโยงในอุดมการณ์ โจทย์ที่เราเข้ามาทำการเมืองตั้งแต่วันแรกคือการสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ทักษิณแสดงออกต้องการอะไร ทำไมคิดว่าเวทีนี้แพ้ไม่ได้ เพราะต้องการให้ชนชั้นนำรู้ว่าทักษิณยังมีประโยชน์ต่อคนเหล่านั้นเลยแพ้ไม่ได้ใช่หรือไม่ แค่โจทย์ตั้งต้นก็ต่างกันแล้ว สิ่งที่ทักษิณกลับมาแบบผู้ยิ่งใหญ่ เท่ๆ คุกสักวันก็ไม่ติด มาอุดรธานีก็บอกว่าต้องการทวงคืนชัยชนะ แต่คำถามคือนโยบายต่างๆ เพื่อคนอุดรธานีคืออะไรบ้าง พรรคประชาชนจัดเต็มกว่าเยอะ สิ่งที่เราสื่อสารต่างกันก็เพราะโจทย์ที่เรามาลงเลือกตั้งนั้นต่างกัน


ณัฐพงษ์ยังกล่าวต่อไปว่าตนยังต้องขอบคุณ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ขึ้นปราศรัยว่าเลือกเบอร์ 1 ที่ไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับรัฐบาลแล้วเดี๋ยวงบประมาณจะไม่พอ ตนขอทำความเข้าใจใหม่ว่าหลายนโยบายไม่ได้ใช้เงินเยอะ แต่ต้องใช้ความตั้งใจ ความใส่ใจ และความโปร่งใสในการใช้เงินภาษีของประชาชน ก็สามารถส่งมอบนโยบายดีๆ ได้ 


อีกทั้งที่ณัฐวุฒิบอกว่าเลือกผู้สมัครจากพรรครัฐบาลแล้วเดี๋ยวจะมีงบประมาณมาช่วยในอุดรธานีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ตรงนี้ตนต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องตรงกัน ว่าหลักการกระจายอำนาจระหว่างรัฐบาลระดับประเทศกับระดับท้องถิ่น ไม่ว่าสังกัดพรรคใดรัฐบาลมีวาระหน้าที่ต้องกระจายอำนาจ ไม่ใช่หาเสียงสัญญาแบบหนึ่งพอเข้าสู่อำนาจแล้วก็ไม่อยากกระจายอำนาจ พรรคประชาชนยืนยันหลักการกระจายอำนาจมาตลอดไม่ว่าส่งผู้สมัครลงสนามจังหวัดใด ถ้าเป็นรัฐบาลก็จะยืนยันวาระการกระจายอำนาจทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียมไม่ว่ามาจากพรรคอะไร ที่พรรคประชาชนตั้งใจส่งผู้สมัครลงสนามท้องถิ่น ก็เพราะสุดท้ายเจตจำนงของเราคือการสร้างการเปลี่ยนแปลง


ณัฐพงษ์ยังกล่าวขอบคุณอดีตผู้บริหารนายก อบจ.อุดรธานี ที่บอกว่าหัวหน้าพรรคประชาชนอาจไม่รู้จริงบางอย่าง แต่ตนขอแย้งว่าข้อมูลที่ตนพูดนั้นอยู่บนหน้าเว็บไซต์ อบจ.อุดรธานี และข้อบัญญัติงบประมาณปี 2568 ของ อบจ.อุดรธานีเอง ตนรู้ดีว่าเป็นตัวเลขทางบัญชี แต่คำถามคือทำไมเราไม่เคยรู้ว่าตัวเลขเงินสดสะสมของท้องถิ่นในปัจจุบันเหลือเท่าไหร่ เพราะข้อมูลนี้ไม่เคยถูกเปิดเผยให้ประชาชนรู้ พรรคประชาชนจะเข้าไปทำให้การเกิดเผยงบประมาณทุกบาทให้มีความโปร่งใส ชาวอุดรธานีมีส่วนร่วมได้ ที่บอกว่าเงินสะสมอาจไม่เหลือแล้วนั้นมันเคยเหลือ แต่ที่ผ่านมามีใครทราบบ้างว่าในแต่ละปีมีการเอางบประมาณไปลงกับอะไรบ้าง


งบประมาณ อบจ.อุดรธานี 1,200 ล้านบาทในแต่ละปีมีครึ่งหนึ่งที่ไม่ใช่รายจ่ายประจำ ถ้ามีนายก อบจ. ที่ใส่ใจอาสารับใช้ประชาชน นโยบายต่างๆ เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 365 วัน ที่ใช้งบประมาณไม่เยอะ เพิ่มขึ้นแค่แหล่งละ 9 แสนบาทต่อปี รพ.สต.ก้าวหน้า ที่ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล เครื่องละ 3 แสนบาท จัดให้มีคลินิกกายภาพและทันตกรรม ยกระดับได้ด้วยแห่งละ 2 ล้านบาท น้ำประปาสะอาดดื่มได้ ใช้งบหลักไม่กี่แสนบาทต่อแห่ง นี่คือคุณภาพชีวิตดีๆ ของประชาชนที่ถ้าตั้งใจและใส่ใจทำ ก็สามารถทำได้โดยใช้เงินไม่เยอะอย่างที่คิด แต่ที่ผ่านมาผู้บริหารท้องถิ่นเข้ามาสู่อำนาจ ต้องถามว่ามีโจทย์ที่จะทำอะไร 


ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าโอกาสนี้ตนจึงขอส่งคำถามกลับไปยังผู้สมัครเบอร์ 2 ว่าคุณมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. คุณมีโจทย์เพื่ออะไร คณิศร พรรคประชาชน มีโจทย์ที่ชัดเจนว่าต้องการเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง พัฒนาการเมืองท้องถิ่น ทำให้ อบจ. รับใช้ประชาชน มีความโปร่งใส เงินทุกบาทตกถึงชาวอุดรธานี ทุกอย่างเราทำได้ภายใน 4 ปี ขอให้ชาวอุดรธานีร่วมกันช่วยพิสูจน์พวกเราด้วย ว่าทุกคำสัญญาที่ให้ไว้จะส่งมอบให้เป็นจริงได้อย่างแน่นอน


ต่อมา คณิศร ขุริรัง เบอร์ 1 ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.อุดรธานี จากพรรคประชาชน ได้ขึ้นเวทีเน้นย้ำ 6 นโยบายเร่งด่วนที่จะทำทันทีภายในปีแรกหากได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายก อบจ. อุดรธานี ภายใต้นโยบาย 8 เสาหลัก ได้แก่ สาธารณสุข การศึกษา สวัสดิการ การพัฒนาเด็กเล็ก การบริหารของ อบจ. ที่โปร่งใสและประชาชนมีส่วนร่วม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจ และการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ 


พร้อมกล่าวทิ้งทายว่า ผู้บริหารคนเดิมเป็นมาแล้ว 12 ปี นโยบายที่ตนว่ามา 12 ปีที่ผ่านมาทำไมนายก อบจ. คนเดิมจึงไม่ทำ มัวทำอะไรอยู่ ดังนั้น อีกสี่ปีต่อไป ถ้าพี่น้องชาวอุดรอยากเห็นอุดรธานีเปลี่ยนแปลง ขอให้ร่วมกันเป็นหัวคะแนนธรรมชาติ บอกต่อทุกคนว่าวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ กาเบอร์ 1 คณิศร ขุริรัง จากพรรคประชาชนให้ล้นกระดาน


ในส่วนของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ระบุว่าก่อนที่จะมีเวทีปราศรัยวันนี้ มีการพูดพาดพิงถึงตนจากทักษิณมาก ตนบินกลับมาเมืองไทยประกาศตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2567 นักเรียนปิดเทอมพอดี ใช้โอกาสที่เป็นวันหยุดขอบคุณพระเจ้านี้กลับมาที่เมืองไทย แต่ทักษิณบอกว่าตนกลับมาเพราะกลัวแพ้ ถามว่ากลัวแพ้ได้อย่างไรเพราะแพ้มาตั้งเยอะแล้ว แต่ชนะมาก็แยะเหมือนกัน ทั้งอุดรธานีเขต 1 ทั้งที่บ้านเกิดทักษิณเอง หรือแม้แต่เขตบ้านจันทร์ส่องหล้าก็ชนะมา แต่ชนะได้ก็แพ้ได้ เขต 1 ปี 2562 เราก็แพ้มาก่อน แต่ก็กลับมาสู้ในปี 2566 จนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนชนะมาได้ 


แน่นอนตนเข้าใจดีว่าการเลือกตั้งระดับชาติกับแบบท้องถิ่นไม่เหมือนกัน อุดรธานีเป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตยก็จริงแต่ก็เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการมาใช้สิทธิของประชาชนอยู่ในลำดับน้อยที่สุดในประเทศ แต่ตนก็เข้าใจหัวอกชาวอุดรธานีที่ไปทำงานอยู่ต่างประเทศ คนหนุ่มสาวจำนวนมากไม่สามารถกลับมาใช้สิทธิได้ เข้าใจว่าสู้กันอีกแบบหนึ่ง คราวนี้จึงมั่นใจแต่ไม่ประมาท ทุกคนที่นี่จึงต้องไปใช้สิทธิกันให้มากในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้


พิธากล่าวต่อไปว่าที่ทักษิณยังบอกอีกว่าทำไมพรรคนี้ต้องมีสองป้าย คณิศรคู่กับณัฐพงษ์บ้าง คู่กับตนบ้าง คำตอบมันง่ายแค่ว่าเราต่างมีอุดมการณ์เดียวกัน ตนในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลมาเป็นคนเปิดตัว ณัฐพงษ์มาช่วยหาเสียง เพราะเป็นช่วงเดียวกับการยุบพรรคพอดีก็เท่านั้น ตนขอให้ชาวพรรคประชาชนช่วยกันอดทน ให้กำลังใจ และให้เวลากับณัฐพงษ์เหมือนที่ให้กำลังใจกับตน เขาคือเอไอทางการเมือง ที่ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน วิเคราะห์งบประมาณ จนเปลี่ยนการทำงบประมาณในการเมืองไทยมาแล้ว


ทักษิณยังบอกอีกว่าประชาชนยังไม่หายจนเพราะโดนยึดอำนาจไปสองครั้ง ทักษิณพูดถูกแต่ที่ตนไม่เข้าใจคือทำไมไปจับมือกับพรรคที่มาจากคณะรัฐประหาร แบบนี้ไม่รู้จะเรียกว่าเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงได้หรือไม่ เสียดายที่ตอนอยู่ร่วมกัน ถ้าร่วมมือกันประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม แต่ทิ้งโอกาสนั้นแล้วยังบอกว่าอย่าไปแก้โครงสร้างอะไรมากนัก 


พิธากล่าวต่อไปว่าทักษิณบอกว่าอยากให้เกิดความเท่าเทียมทางโอกาส ตนขอเรียกร้องว่าให้มาวัดกันที่การเลือกตั้ง อบจ. นี้เลย พรรคประชาชนมีนโยบายชัดเจน ที่ต้องทำอย่างแรกคือสาธารณสุข ไม่มีใครเข้าใจดีเท่าคณิศรที่มีลูกสาวเป็นหมอ งบประมาณ 1,200 ล้านบาทเป็นงบประมาณสาธารณสุขเพียง 35 ล้านบาท อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีปัญหาทั้งจำนวนหมอต่อประชากร จำนวนเตียงต่อประชากร และจำนวนผู้สูงอายุที่ป่วยโรคสำคัญ 5 โรค ล้วนเป็นปัญหาใหญ่ แต่งบประมาณมีแค่นี้ พรรคประชาชนคำนวณมาแล้วว่าต้องเพิ่มหมอต่อประชากรอีก 650 คน เพิ่มเตียงอีก 320 เตียง นี่คือความเท่าเทียมทางโอกาสหนึ่ง คือโอกาสในการเข้าถึงสาธารณสุขที่คนอุดรธานีไม่เคยเข้าถึง นายก อบจ. ต้องมีวิสัยทัศน์ เช่นด้านการท่องเที่ยว อบจ.อุดรธานีของคณิศรจะจัดให้มีรถเมล์ไฟฟ้า ชาวอุดรธานีจะได้ประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการท่องเที่ยว และจะตั้งกองพาณิชย์เพื่อดูแลพ่อค้าแม่ขายในอุดรธานี


สุดท้ายถ้าชาวอุดรธานียังตัดสินใจว่าจะเลือกใครดี ตนมี 3 เหตุผลว่าทำไมต้องเลือกหมายเลข 1 ประการแรก คณิศรเป็นคนขยัน เดินมาทุกอำเภอ มีประสบการณ์ทำงานการเมืองท้องถิ่นพร้อมทำงานได้เลย ประการต่อมานอกจากขยันแล้วยังมีทีมผู้สมัคร ส.อบจ. ที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะมาเปลี่ยนแปลงอุดรธานี และประการสุดท้ายคณิศรทำงานได้แบบไร้รอยต่อกับพรรคประชาชน ที่แม้ถูกยุบพรรคตัดสิทธิไปก็ยังเป็นพรรคอันดับหนึ่งอยู่ ตนจึงขอกำลังทุกคนช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไปเลือกตั้งกันเยอะๆ ทำลายคำสาปของอุดรธานี ใช้สิทธิกันให้ถล่มทลายแล้วไปเปลี่ยนแปลงอุดรธานีด้วยกัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #อบจอุดร