เบญจา
แสงจันทร์ (คณะก้าวหน้า) :
สิ่งที่ลุงนวมทองทำ เป็นการยืนยันว่า เลือดเนื้อ จิตวิญญาณ
อุดมการณ์ประชาธิปไตย อยู่เหนือลมหายใจของตนเอง
ณ
สดมภ์นุสรณ์ ลานนวมทองไพรวัลย์
หน้า
สำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
เมื่อวันที่
31 ตุลาคม 2567
ขอกล่าวสวัสดีกับพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกท่านนะคะ
จริง ๆ
ต้องบอกว่าเดือนตุลาเป็นเดือนที่เรามีเหตุการณ์รำลึกกับวีรชนเยอะมากมายเหลือเกิน
แล้วก็มีเหตุการณ์ในการที่จะต้องมาร่วมกันแสดงความรำลึกถึงวีรชนต่าง ๆ หลายครั้ง
ด้วยความที่ในช่วงเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา
พวกเราอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงมายาวนานหลายปีมาก
ดิฉันคิดว่าสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นทุกครั้งหลังการทำรัฐประหารก็คือความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
และมีพี่น้องประชาชนเยาวชนคนหนุ่มสาวออกมาต่อสู้เรียกร้องและต่อต้านอำนาจจากการรัฐประหาร
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาเสมอยาวนานตลอดระยะเวลายาวนานหลายสิบปี
แล้วก็เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือพี่น้องประชาชนเยาวชนคนหนุ่มสาวถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาที่ร้ายแรง
ถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาที่ไม่ควรจะโดนเลย
และออกมาต่อสู้ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดปัญหาเกิดขึ้นก็คือเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้นสิ่งที่ดิฉันคิดเสมอว่าเหตุการณ์หลังจากนี้เป็นต้นไป
ในวันที่เรามีรัฐบาลที่มาจากประชาชนแล้ว หลังจากการรัฐประหาร มีการขัดแย้งที่ยาวนานมาตลอดระยะเวลา
สิ่งที่เกิดขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา
ต้องบอกว่าจุดเริ่มต้นของการหาทางออกจากความขัดแย้งไม่มีอะไรที่เป็นประตูที่เราจะสามารถเปิดแล้วนำไปสู่การปรองดองได้
สิ่งแรกที่เราจะต้องทำหลังจากนี้ก็คือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
แทนที่รัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร วันนี้เราอยู่ท่ามกลางมรดกของคณะรัฐประหาร
และยังอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังรุนแรงต่อเนื่องเรื้อรังและยาวนานอยู่ ดังนั้น
ประตูบานแรกที่เราจะหาทางออกจากความขัดแย้งนี้
ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับและนิรโทษกรรมให้กับประชาชน
นี่คือสิ่งที่ดิฉันคิดว่าหลังจากการรัฐประหาร เราจะต้องคิดกันเป็นโจทย์แรก ๆ
ว่าการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนมีความสำคัญอย่างไรต่อการหาทางที่จะลดความขัดแย้งในสังคมไทยให้เกิดขึ้น
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า
การพูดถึงการนิรโทษกรรมก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมอีกแล้วว่าวันนี้เราจะมีการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ได้รับโทษคดี
112 คนที่ได้รับโทษคดีทางการเมือง แล้วก็รวม 112
ด้วยหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ ณ ปัจจุบันยังเป็นปัญหาที่ทุกคนยังไม่ตกผลึกแล้วก็ยังถกเถียงกันอยู่
ดิฉันคิดว่าจุดยืน ณ วันนี้ของพวกเรา/ประชาชน
โดยเฉพาะคนที่สนับสนุนประชาธิปไตยยืนยันหนักแน่นว่า
การนิรโทษกรรมและการหาทางออกจากความขัดแย้งในครั้งนี้จะไม่มีทางอื่นนอกจากต้องรวมโทษคดีอาญามาตรา
112 เข้าไปด้วย
และต้องนิรโทษกรรมให้กับนักโทษคดีการเมืองทั้งหมด
นี่เป็นหนทางในการออกจากความขัดแย้งครั้งนี้
ดังนั้น
สิ่งที่ดิฉันพูดต่อไปนี้ ดิฉันก็อยากจะย้อนกลับมาถึงวันนี้ วันนี้คือวันที่ 31 ตุลา
เมื่อ 18 ปีที่แล้ว เป็นวันที่คุณลุงนวมทองยุติชีวิต
ยุติลมหายใจลง เพื่อแสดงออกต่อคนทั้งโลกและเพื่อแสดงออกต่อสังคม
เพื่อแสดงออกต่อผู้ที่ใช้อำนาจในการกดขี่ว่า “อุดมการณ์ประชาธิปไตย” เป็นหนทางและทางออกสำหรับพวกเราทุกคน
สิ่งที่ลุงนวมทองออกมายืนหยัดในวันนี้
สิ่งหนึ่งที่ดิฉันรู้สึกว่าเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตยและเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้อำนาจรัฐประหาร
นั่นก็คือยืนหยัด แม้จะต้องยุติลมหายใจของตัวเอง
แต่เป็นการยืนยันแล้วว่าเลือดเนื้อ จิตวิญญาณ อุดมการณ์ประชาธิปไตย
อยู่เหนือลมหายใจของตนเอง
ดังนั้นวันนี้
สิ่งที่ดิฉันรำลึกถึงก็คืออุดมการณ์และคุณค่าในหลักการประชาธิปไตยที่ลุงนวมทองในวันหนึ่งที่ได้ลุกขึ้นมายืนหยัดต่อสิ่งนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะยุติลมหายใจไป แต่สิ่งที่ยังคงอยู่และยังหายใจอยู่ก็คืออุดมการณ์และคุณค่าของประชาธิปไตยที่ดิฉันคิดว่าคนที่นี่ก็ยังยึดถือร่วมกัน
ก่อนที่ไฟแห่งความหวังจะหมดลง
ดิฉันอยากจะให้พวกเราเล่าขานและพูดถึงอุดมการณ์และสิ่งที่ลุงนวมทองได้ทำมาแล้วในอดีต
เพื่อที่จะบอกว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องราวและประกายไฟแห่งความฝันที่พวกเราจะเล่าต่อ
และยังคงที่จะยืนหยัดสานต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยของลุงนวมทองต่อไป ไม่มีสิ่งใดที่มีอำนาจเหนือประชาชน
ดิฉันเชื่อมั่นแบบนั้น อำนาจสูงสุดในประเทศนี้เป็นของประชาชนทุกคน เป็นของเสรีชน
เป็นของทุกคนที่นี่ด้วย และเป็นของประชาชนทุกคนด้วย
ดังนั้น
ดิฉันขอรำลึกและขอยืนหยัดต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย
ดั่งเช่นที่ลุงนวมทองได้เคยทำมาแล้วในอดีตค่ะ ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นวมทองไพรวัลย์ #ต่อต้านรัฐประหาร #แท็กซี่ชนรถถัง