วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568

วงพูดคุย "ความหวัง ชีวิต และอิสรภาพ" เรื่องราวชีวิตของผู้ที่ถูกจองจำทางความคิด "อานนท์ - เก็ท โสภณ"

 


วงพูดคุย "ความหวัง ชีวิต และอิสรภาพ" เรื่องราวชีวิตของผู้ที่ถูกจองจำทางความคิด "อานนท์ - เก็ท โสภณ"


วันที่ 27 กันยายน 2568 ภายหลังกิจกรรม ”วิ่งเพื่อเสรีภาพ - Run2Free" โดย iLaw, เครือข่ายประชาชนเพื่อสิทธิทางการเมือง (ThumbRights) และมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) โดยรวมตัววิ่งจากลานคนเมือง ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จุดหมายมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ รวมระยะทาง 2.5 กิโลเมตร เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้กับผู้ต้องขังทางการเมืองทั้ง 57 คนที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ


จากนั้นที่ห้อง LT1 คณะนิติศาสตร์ มีวงพูดคุย "ความหวัง ชีวิต และอิสรภาพ" เรื่องราวชีวิตของผู้ที่ถูกจองจำทางความคิด กับ ทพ.เทพดรุณ สุรฤทธิ์ธำรง พ่อของ เก็ท-โสภณ และปฐมพร แก้วหนู เจ้าหน้าที่โครงการ Freedom Bridge


ปฐมพร แก้วหนู หรือลูกหว้าจาก Freedom Bridge และในฐานะตัวแทนครอบครัวของอานนท์ นำภาเล่าว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมาที่อานนท์อยู่ในเรือนจำ อานนท์ยังคงเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่จะดีขึ้นมาคืออานนท์ “ผอมลง” น้ำหนักลดลงประมาณ 10 กิโลกรัม เขาพยายามดูแลตัวเอง กินอาหารที่มีประโยชน์เท่าที่จะหาได้ในเรือนจำ


ตอนที่อานนท์เข้าเรือนจำลูกของเขายังมีอายุเพียง 9 เดือนแต่ตอนนี้ลูกจะเข้าเรียนในชั้นอนุบาล 1 แล้ว เราพยายามเอาลูกไปที่ศาลเพื่อให้ลูกได้เจอกับอานนท์ นอกจากเราจะต้องลางานหยุดงานแล้ว เราก็ต้องพาเด็กไปในที่ที่ไม่ต้อนรับเด็ก เพราะเขากลัวว่าเด็กจะเสียงดังร้องไห้ แต่ความพยายามนั้นก็ทำให้ลูกของอานนท์จำพ่อและก็คิดถึงพ่อ “เราพัฒนาความสัมพันธ์ของลูกกับพ่อในพื้นที่ศาล” 


เธอเล่าอีกว่า ไม่รู้ว่าจะเป็นความโชคดีหรือความโชคร้ายที่อานนท์มีคดีเยอะมากและซึ่งอานนท์จะได้ออกศาลบ่อย ทำให้ทั้งลูกและเราได้เจออานนท์มากขึ้น ตอนนี้มี 10 คดีที่ตัดสินแล้ว เหลืออีกราว 4 คดีที่จะตัดสินไม่เกินปี 2569


เมื่อถามว่ามีสิ่งของอะไรที่ทำให้นึกถึงอานนท์ ลูกหว้าพูดตลกว่า “ขวดเหล้า” เพราะมีอยู่เต็มบ้าน แต่ความเป็นจริงแล้ว “ลูก” เป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของอานนท์ คล้ายกับเป็นอานนท์ย่อส่วน


เทพดรุณ สุรฤทธิ์ธำรง พ่อของเก็ท-โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมเล่าว่า ลูกชายเข้าเรือนจำไปตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2566 ซึ่งขณะนี้ลูกชายก็อยู่ในเรือนจำมาอย่างน้อย 2 ปีแล้ว ตรงกันข้ามกับอานนท์ เก็ทอ้วนขึ้น แต่กล้ามใหญ่


“คือผมหยุดลูกไม่ได้จริงๆ” พ่อเล่าว่า มีหลายคนตั้งคำถามกับพ่อว่าทำไมถึงไม่หยุดหรือห้ามเก็ทไม่ให้ออกไปเคลื่อนไหวจนมีความเสี่ยงที่จะต้องโทษจำคุก เขาตอบว่าเขาเห็นด้วยกับลูกว่าประเทศไทยยังไม่ดี เขาไม่สามารถแกล้งโกหกตัวเองเพื่อห้ามลูกไม่ให้ทำไม่ได้ “พวกเราอยากทำ แต่พวกเราไม่มีแรง” พ่อเล่า


สิ่งของแทนความทรงจำ คือ “ตั๋วหนัง” พ่อและเก็ทไปดูภาพยนตร์ด้วยกันบ่อย พ่อจะเก็บตั๋วหนังและแก้วน้ำที่ซื้อมาจากโรงหนัง พ่อเล่าว่าในตอนนั้นเก็ตทิ้งตั๋วหนังและแก้วน้ำ แต่พ่อเก็บขึ้นมาจากถังขยะ เพื่อเก็บไว้ให้คุณค่ากับสิ่งของเหล่านั้นเพื่อเป็นตัวแทนความระลึกถึงเก็ท


จากนั้นแรปสดจากธนายุทธ ณ อยุธยา หรือ “บุ๊ค Eleven Finger” แสดงบทเพลงที่แต่งระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำ ซึ่งเพิ่งถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2568 


ปิดท้ายด้วยการร่วมกันร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา และยุติกิจกรรมในเวลาประมาณ 19.20 น.


ขอบคุณข้อมูล : iLaw


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #Run2Free #วิ่งเพื่อเสรีภาพ