"วิโรจน์"
ลั่นเลือกฝ่ายไหนก็ตกเป็นนั่งร้านฝ่ายนั้น น้อมรับคำวิจารณ์ ยันไม่มีข้อตกลงเรื่อง
รมต. เชื่อหน้าตารัฐมนตรีดีแค่ไหนมีเวลา 4 เดือน ได้แค่ประคองเศรษฐกิจ พร้อมตรวจสอบทั้งสีน้ำเงิน-สีแดง
ไม่สน เจ้าของปราสาทสายฟ้า
วันนี้
(16 กันยายน 2568) ที่พรรคประชาชน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคประชาชนถูกกล่าวหาว่าเป็นนั่งร้านให้พรรคภูมิใจไทยจัดตั้งรัฐบาลว่า
เรื่องคนที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำงานของรัฐบาล
และเป็นเหตุผลหนึ่งที่มีการจำกัดระยะเวลาของรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยที่ต้องยุบสภาภายใน
4 เดือน ให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเฉพาะกาลเพื่อภารกิจบางอย่างเท่านั้น ยืนยันการตรวจสอบอย่างเข้มข้นดำเนินกับภาคประชาชนและเครือข่ายอย่างใกล้ชิด
และน้อมรับเคารพเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคประชาชนเป็นนั่งร้าน
ยกมือโหวตให้นายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย
แต่ชี้แจงว่ายังไงก็ตามพรรคประชาชนก็ต้องตรวจสอบ
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลสีน้ำเงิน รัฐบาลสีแดง ซึ่งหากยกมืออีกฝ่ายก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นนั่งร้านให้อีกอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ดี
นายวิโรจน์ กล่าว
นอกจากนี้
นายวิโรจน์ ยังกล่าวว่า มั่นใจว่ารัฐบาลเฉพาะกาล 4 เดือน และเข้าใจดีถึงความอึดอัดถึงโฉมคณะรัฐมนตรีบางคนที่ถูกข้อกังขาของสังคม
แต่เชื่อว่าด้วยรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วยรัฐสภาเสียงปริ่มน้ำ ต่อให้เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
หน้าตารัฐมนตรียังคงวนเวียนอยู่กับกลุ่มเดิม
การเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือการคืนอำนาจให้กับประชาชนคือการยุบสภาเลือกตั้งใหม่เพื่อให้ได้รัฐบาลที่ชอบธรรมมาจากการเลือกตั้ง
น้อมรับข้อต่อว่าท้วงติ่ง
ส่วนในวันแถลงนโยบายพรรคประชาชนจัดผู้อภิปรายไว้อย่างไรบ้างนั้น
นายวิโรจน์ กล่าวว่า มีการเตรียมกรอบในระยะเวลา 4 เดือน ในการประคับประคองเศรษฐกิจจะทำอย่างไร
ซึ่งรับผิดชอบโดยนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน
และการท้วงติ่งเพื่อเตือนหรือส่งสัญญาณว่าสิ่งใดไม่ควรกระทำในระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งตนเป็นผู้รับผิดชอบ
ทั้งการฮั้ว สว. เขากระโดง และการเข้ามาของนายทุนที่เชื่อมโยงไปถึงทุนฝั่งกัมพูชา ตนและ
สส.อย่างน้อย 36 คนจะรวบรวมข้อมูลและอภิปรายท้วงติ่งพร้อมปักหมุดตรวจสอบ
ครม.อนุทิน 1 ไว้ล่วงหน้า
เมื่อถามว่าการอภิปรายจะสามารถลบความคลางแคลงใจว่าเป็นฝ่ายค้านจริงหรือเป็นฝ่ายรัฐบาลได้หรือไม่ นายวิโรจน์ระบุว่า ต้องดูที่เนื้อหาสาระ
ซึ่งเราได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเรื่องนี้ได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงนายอนุทิน
ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องคำนึงถึงเจ้าของปราสาทสายฟ้า ดำเนินการตามเนื้อผ้า
เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจบทบาทของพวกเรามากขึ้นจากการอภิปราย
และการตัดสินใจครั้งนี้เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจริง ๆ เราคำนวณแล้วว่าหากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะเปิดประตูบานแรกถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ผ่านการทำประชามติ 4 เดือนเพียงพอแล้ว และให้ยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน
และจะได้รัฐบาลที่มีความชอบธรรมปลดโซ่ตรวนจากรัฐธรรมนูญปี 2560
เมื่อถามว่ากรณีที่นางสาวรักชนก
ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์
ว่าเพราะพรรคประชาชนจึงได้โควตารัฐมนตรีคนนอกโปรไฟล์ดี ๆ เข้ามาอยู่ใน ครม.อนุทิน 1
จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีการตกลงตำแหน่งรัฐมนตรีกันมาก่อนหรือไม่ นายวิโรจน์
ระบุว่า เราไม่ประสงค์ที่จะร่วมรัฐบาล ต้องการแค่รัฐบาลเสียงข้างน้อย 4
เดือนเท่านั้น หากเราคิดถึงคณิตศาสตร์การเมืองแบบดั้งเดิม สส. 10 คนต่อ 1 รัฐมนตรีก็เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีว่าจะจัดการอย่างไร
ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของนายอนุทิน
"ถ้าเขาตั้งหน้าตารัฐมนตรีที่ดี
เขาก็ควรได้รับคำชมจากประชาชน
ถ้าเขาตั้งรัฐมนตรีเป็นคนที่ประชาชนไม่ต้องการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบจากประชาชน นายอนุทินก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ
ผมว่าคุณรักชนกคงสัมภาษณ์ในลักษณะของคณิตศาสตร์มากกว่า แต่ในการเจรจาไม่มีในส่วนนี้ขอตอบสั้น
ๆ ว่าเราไม่ร่วมรัฐบาล" นายวิโรจน์ กล่าว
สำหรับหน้าตาคณะรัฐมนตรีจะสามารถพาประเทศไปสู่เป้าหมายภายใน
4 เดือนตาม MOA
หรือไม่ นายวิโรจน์ มองว่า หน้าตารัฐมนตรีก็เป็นส่วนหนึ่ง
เป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่พยายามจะไม่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบจากประชาชน
ในวันแรกแต่ยืนยันว่าระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือน
รัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งมีหน้าที่ประคับประคองบ้านเมืองไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่
และเชื่อว่ารัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมาก
ได้ฉันทามติจากประชาชนจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายที่สัญญาให้กับประชาชนได้
"ต้องยอมรับว่ารัฐมนตรีต่อให้เป็นซุปเปอร์แมนถ้าอยู่ในสภาวะที่สภาปริ่มน้ำแบบนี้ขับเคลื่อนไปได้ยากพอสมควร
เชื่อว่าหน้าตารัฐมนตรีที่ดี อย่างน้อย ๆ ก็สามารถประคับประคอง
เพราะจะไม่ถูกการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนจะทำงานให้ราบรื่นขึ้น "
นายวิโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้นายวิโรจน์
ยืนยันว่า จะใช้กลไกทางสภา ทั้งตั้งกระทู้ถามสด เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา
กรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบรัฐบาล รวมถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งถ้าเกิดมีความชัดเจนชัดแจ้งก็จะยกมือคว่ำรัฐบาล