ศูนย์ทนายฯ
ชวนติดตาม พรุ่งนี้ (30
ก.ย.) ฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ คดี ม.112 “ลูกเกด
ชลธิชา” สส.พรรคประชาชน กรณีปราศรัย "คาร์ม็อบ 11
กันยา 64" หลังศาลชั้นต้นจำคุก 2 ปี ถ้ามีโทษคุก-ไม่ได้ประกัน หลุดส.ส.ทันที
วันที่
29 กันยายน 2568 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
โพสชวนติดตามผล การนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 30 ก.ย. 2568
เวลา 9.00 น.
ศาลจังหวัดธัญบุรีนัดคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในคดี
“หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของ “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว อดีตนักกิจกรรมทางการเมือง
และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน
เหตุจากกรณีปราศรัยและชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีการเมือง
หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2564
สำหรับการชุมนุม
#คาร์ม็อบ11กันยา64 มีเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน,
กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) และกลุ่มพะยอมเก๋า
ร่วมกันจัดกิจกรรม เรียกร้องให้ #ปล่อยเพื่อนเรา โดยตั้งขบวนจากหน้าห้างฟิวเจอร์พาร์ค
รังสิต และเคลื่อนตัวไปยังศาลจังหวัดธัญบุรี
เพื่อลงชื่อยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาคดีชุมนุมหน้า บก.ตชด. ภาค
1 จำนวน 5 ราย ได้แก่ ณัฐชนน ไพโรจน์,
“บอย” ธัชพงศ์แกดำ, “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี,
“ไมค์” ภานุพงศ์ จาดนอก และ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์
ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจําอําเภอธัญบุรี
คดีนี้มีจำเลยทั้งสิ้น
10 ราย นอกจากชลธิชา (จำเลยที่ 1) นักกิจกรรมและประชาชนอีก
9 คน ถูกฟ้องเฉพาะข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี เรื่องมาตรการป้องกันโควิด
และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ชลธิชาเพียงคนเดียวที่ถูกฟ้องในข้อหาตามมาตรา
112 เพิ่มจากข้อหาข้างต้นด้วย
เหตุจากการปราศรัยในประเด็นที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออก
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 และแก้กฎหมาย
พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เมื่อปี 2561
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง
10 ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
เห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าทั้งสิบเป็นผู้จัดการชุมนุม ดังนั้น
จึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดมาตรการป้องกันโรคและขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง
และไม่ปรากฏว่าหลังจากการชุมนุมมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนข้อหา
ม.112 เห็นว่า น.ส.ชลธิชา กระทำความผิดตาม ม.112 ให้ลงโทษจำคุก
3 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง
มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี
ไม่รอลงอาญา ต่อมาศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวชลธิชาในระหว่างอุทธรณ์
ในวันพรุ่งนี้
(30 ก.ย.) หากศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษาแล้วเห็นว่า
น.ส.ชลธิชา มีความผิด พร้อมให้ลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญา
และไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกา แม้จำเลยจะมีสิทธิต่อสู้คดีในชั้นฎีกาต่อ
จะถือว่า น.ส.ชลธิชา ต้องคําพิพากษาให้จําคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
ซึ่งจะขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา
98 (6) โดยทันที
ทั้งนี้
ศูนย์ทนายฯระบุว่า ก่อนหน้านี้ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 21 ก.ค.
ต่อมาในช่วงเย็นวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ศาลติดต่อแจ้งเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่
30 ก.ย. เนื่องจากคำพิพากษายังไม่แล้วเสร็จ