คำแถลงนโยบาย
"รัฐบาลอนุทิน" ยึดหลักบริหาร 3 ประการ เร่งทำโครงการคนละครึ่ง
เมื่อวันที่
25 กันยายน 2568 หลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย
ทำหนังสือถึงประธานรัฐสภา
แจ้งความพร้อมของรัฐบาลในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.เป็นต้นไป
จากนั้นได้ส่งคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหา 8 หน้ากระดาษ
โดยมีสาระสำคัญดังนี้
หลักบริหารราชการแผ่นดินและนโยบายสำคัญยึดหลัก
3 ประการ ได้แก่
1.
การพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
2. ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3. ยึดมั่นในหลักนิติธรรม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม
และการบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ของประชาชน และหยิบยกรัฐบาลเข้าสู่การบริหารราชการแผ่นดินภายใต้สถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน
ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและภูมิรัฐศาสตร์ของโลก
ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
โอกาสในการสร้างรายได้ของประชาชนและการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ
และด้วยระยะเวลาที่มีอยู่จำกัดและงบประมาณที่ไม่ได้เป็นผู้จัดทำอีกทั้งยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาที่ประเทศกำลังประเชิญอยู่ในขณะนี้
ควบคู่กับการวางรากฐานของประเทศกับการขับเคลื่อนการพัฒนาความสามารถ
ในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ตลอดจนสร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืน
สร้างความมั่นคงความสงบเรียบร้อยและสันติสุขให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติบ้านเมือง
และเสริมสร้างความไว้วางใจจากประชาชน
รัฐบาลนี้สนับสนุนการจัดทำประชามติและแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยรับฟังเสียงของประชาชนและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อดำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวถึง
การกำหนดนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศเพื่อคืนความสุขให้แก่ประชาชน
ทางด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง ด้านสังคม ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ด้านการบริหารภาครัฐและการปฏิรูปกฎหมาย
ด้านเศรษฐกิจ
1. สร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ค่าผ่านทาง เพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยจัดทำโครงการคนละครึ่ง การบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมควบคู่กับการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้และความสามารถในการแข่งขันแก่ผู้ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการ รวมถึงเกษตรกรและชุมชนในท้องถิ่นให้มั่นคงแข็งแรงขึ้นผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskil) และการเพิ่มทักษะ (Upskill) เพื่อเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และสร้างโอกาสให้คนไทยมีรายได้มากขึ้น และส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้า ภาคครัวเรือนและกิจกรรมทางการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนและเพิ่มพลังงานสีเขียวตามความต้องการของทุกภาคส่วน
2. แก้ไขปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่องบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรม ระหว่างสถาบันการเงินและผู้กู้ โดย
2.1
หนี้ภาคประชาชน
ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้รายบุคคลในระบบรายละไม่เกินหนึ่งแสนบาท
เพื่อลดปัญหาหนี้ที่ทำให้คนไทยติดติดกับดักหนี้
2.2
เพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
รายละไม่เกินหนึ่งล้านบาท
ควบคู่กับการสร้างระบบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับลูกหนี้ที่มีวินัยในการชำระหนี้โดยสม่ำเสมอ
การให้ความรู้ทางการเงินนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ
รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและภาคธุรกิจขนาดใหญ่
3.
เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อยให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยสะดวก
เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์สลากเพื่อการออม
โดยกันเงินจำนวนหนึ่งที่ผู้ซื้อสลากที่ไม่ถูกรางวัลให้มีเงินออมอันเกิดจากเงินที่กันไว้
4. ฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการสร้างความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว การปราบปรามการฉ้อโกงและการหลอกลวงนักท่องเที่ยว การจัดทำมาตรการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวไทยหันกลับมาเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2568 โดยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเมืองรอง การจูงใจให้ภาคเอกชน ปรับปรุงโรงแรมที่พักและแหล่งท่องเที่ยวผ่านกลไกภาษี การดึงดูดชาวต่างชาติให้พำนักในประเทศไทยระยะยาวและเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวมากขึ้น
5.
เร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า โดย
5.1
จัดตั้งทีมไทยแลนด์ ประกอบด้วยกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าไทย เพื่อยกระดับการค้าเสรีกับคู่ค้าเดิม
และดำเนินการเชิงรุกในการเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น อาทิ ตะวันออกกลาง แอฟริกา
ยุโรปตะวันออก เอเชียใต้ และลาตินอเมริกา รวมทั้งผลักดันให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
(Organization for Economic Co-operation and Development) เพื่อดึงดูดการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ
5.2 ดูแลและสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา การสกัดปัญหาการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้า และป้องกันการทุ่มตลาด ร่วมมือกับภาคเอกชนในการเจรจารายละเอียดรายสินค้าที่เกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกาเพื่อเตรียมการรองรับมาตรการด้านการค้าของสหรัฐอเมริกา อาทิ การจัดทำมาตรการในการส่งเสริมการใช้สินค้าอุตสาหกรรมและชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก การกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมของสินค้ากลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งกำหนดมาตรการมีให้นำเข้าสินค้าเกษตรที่มีการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5
5.3
สร้างสภาพแวดล้อมการลงคนที่ทันสมัยและเอื้อต่อการแข่งขันในปัจจุบันและอนาคต
โดยปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการอนุญาตให้สะดวก โปร่งใส
และเป็นมิตรต่อผู้ประกอบการ
ปรับระบบส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์
เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ยานยนต์สมัยใหม่อาหารแห่งอนาคต
พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมชีวภาพ
รวมทั้งส่งเสริมให้นักลงทุนจากต่างประเทศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทของไทย
และสร้างห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศจากผู้ประกอบการไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในประเทศ
ด้านความมั่นคง
6.
เร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพเพื่อนำความมั่นคงปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนตามบริเวณชายแดนโดยเร็วและรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของไทยโดยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล
รวมถึงดำเนินการยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสมควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง
ตลอดจนทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจให้ความเห็นต่อการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ
(MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา
นอกจากนี้
รัฐบาลจะดำเนินนโยบายต่างประเทศในเชิงรุกที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจ และสถานะของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
7.
เร่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยรัฐบาลจะเร่งรัดปรับแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในด้านการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคู่ขนานไปกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน
ด้านสังคม
8.
ปราบปรามการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง
ไม่สนับสนุนให้มีการประกอบธุรกิจการพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย
ไม่สนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีธุรกิจการพนัน
รวมถึงการพนันที่แฝงมาในรูปของกีฬา อาทิ โป๊กเกอร์
และจะดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติการพนันและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
เพื่อควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนันให้ได้มากที่สุด
9.
รักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด
โดยให้ถือว่าการกระทำของเจ้าพนักงานของรัฐในกรณีเหล่านี้เป็นการกระทำความผิดทางวินัยร้ายแรงและต้องดำเนินการทางอาญาอย่างเด็ดขาด
9.1
การละเว้นการบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
บ่อนการพนันและการพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยไซเบอร์
การสร้างข่าวปลอมและการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ
9.2
การใช้กฎหมายและเจ้าที่ขอของรัฐไปเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
10.
ขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาดและจริงจัง
โดยร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาประเทศ
11.
พิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น
โดยดำเนินมาตรการป้องกันและขจัดการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น
โดยในส่วนของพระพุทธศาสนารัฐบาลจะดำเนินการโดยพระสังฆราชานุมิติด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
12.
เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
เยียวยาและฟื้นฟูให้ประชาชนผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน โดยเน้นการนำข้อมูลของส่วนราชการส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติในพื้นที่อย่างจริงจังการอนุรักษ์
ฟื้นฟู และรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างยั่งยืน
การส่งเสริมการใช้พื้นที่ป่าและป่าชุมชนอย่างถูกต้อง
รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
13.
ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ
โดยประกาศให้ไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปีพุทธศักราช
2593 (คริสต์ศักราช 2050) เพื่อรับมือกับการค้าระหว่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดย
13.1
ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด อาทิ
พลังงานแสงอาทิตย์ในชุมชนและหน่วยงานของรัฐ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและระบบขนส่งสาธารณะ
รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม
13.2
พัฒนายกระดับวิถีเกษตรกรไปสู่เกษตรกรรุ่นใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยเน้นการป้องกันและลดการเผาในภาคการเกษตรเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5
13.3
จัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้มาตรฐานสากลและผลักดันกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
อาทิ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ....
ด้านการบริหารภาครัฐ
การปฏิรูปกฎหมาย
14. เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบควบคู่กับการผลักดันการเปิดเผยข้อมูลเปิดของภาครัฐและเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับการบริหารภาครัฐให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจและประชาชน มีการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริงระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมถึงสามารถรองรับการบริหารราชการแบบจำลองเสมือนจริง (Sandbox) และการบริหารจัดการภาวะวิกฤตอย่างเป็นระบบ
15.
เร่งรัดการปฏิรูปกฎหมาย กฎระเบียบ โดยยกเลิกกฎหมาย
กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคและสร้างภาระที่ไม่จำเป็นแก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่เรียกว่ากิโยติน
(Gullotine) การริเริ่มเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลและผลักดันการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนไป
และจัดตั้งคณะทำงานติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นโยบายรัฐบาล #รัฐบาลอนุทิน #อนุทินชาญวีรกูล