วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568

ศาลพิพากษาจำคุก “เจ๋ง ดอกจิก” 6 ปี ขณะที่ “ศรีสุวรรณและพวก” คนละ 4 ปี คดีเรียกรับทรัพย์สินอธิบดีกรมการข้าว


ศาลพิพากษาจำคุก “เจ๋ง ดอกจิก” 6 ปี ขณะที่ “ศรีสุวรรณและพวก” คนละ 4 ปี  คดีเรียกรับทรัพย์สินอธิบดีกรมการข้าว


วันที่ 17 กันยายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาคดีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก พร้อมพวกรวม 5 คน ในข้อหาเรียกรับทรัพย์สินจาก นายณัฎฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว


นายศรีสุวรรณ เปิดเผยว่า คดีที่เกิดขึ้นส่วนตัวมองว่ามีสาเหตุมาจากประเด็นทางการเมืองที่ต้องการจะสกัดกั้นไม่ให้ตัวเองทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง เพราะที่ผ่านมาตัวเองได้ตรวจสอบร้องเรียนกลุ่มคนเหล่านี้ ฃและนักการเมืองบางกลุ่ม จนนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองบางพรรค บางกลุ่ม ซึ่งตัวเองและให้การปฏิเสธตั้งแต่ชั้นจับกุม ชั้นอัยการจนมาถึงชั้นศาล เพราะต้องการพิสูจน์ให้ความปรากฏชัดเจน


นายศรีสุวรรณ ยังระบุอีกว่า วันนี้ไม่กังวลใจอะไรแต่กลับมีความมั่นใจในการไต่สวนและเชื่อมั่นในคำพิพากษา ส่วนเจ๋ง ดอกจิก เดินทางมาถึงก่อนเวลานัดหมาย โดยไม่ให้สัมภาษณ์ และเดินขึ้นที่ห้องพิจารณาคดีทันที

 

ล่าสุดศาลพิพากษาจำคุก เจ๋ง ดอกจิก เป็นเวลา 6 ปี ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนนายศรีสุวรรณพร้อมพวก โดนคนละ 4 ปี ฐานสนับสนุน


คดีดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2567 หลังจากอธิบดีกรมการข้าว เข้าแจ้งความต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ว่าถูกกลุ่มผู้ต้องหาเรียกรับเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนเรื่องทุจริตที่เกี่ยวข้องกับกรมการข้าว โดยตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดในเวลาต่อมา


สำหรับข้อกล่าวหาที่พนักงานสอบสวนแจ้งนั้น นายยศวริศ ชูกล่อม ถูกดำเนินคดีในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ รวม 6 ข้อหาหลัก เช่น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และการเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ


ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา พร้อมผู้ต้องหาอีก 3 คนคือ น.ส.พิมณัฏฐา, นายเอกลักษณ์ และ น.ส.ณพัชญ์ปภา ถูกดำเนินคดีในฐาน ร่วมกันสนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าพนักงานรัฐ


หลังการสอบสวนเสร็จสิ้น คณะพนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยไม่ต้องนำตัวไปฝากขังต่อศาล โดยให้มารายงานตัวตามกำหนดการใหม่


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์