75
องค์กรเด็ก เยาวชน-และชุมชน ยื่นหนังสือถึง ปธ.ศาลฎีกา
ขอความเป็นธรรมให้ประกันตัว ‘ตัน สุรนาถ’ และเพื่อนรวม 5 คน จำเลยคดี
#ม110 ยืนยันสิทธิประกันตัวไม่ใช่สิทธิพิเศษ
แต่เป็นสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ
วันที่
15 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น.
ที่สำนักประธานศาลฎีกา กลุ่มเพื่อนของ “ตัน” สุรนาถ แป้นประเสริฐ
และเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมด้านเด็กเยาวชนและชุมชนเมือง
ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกาและแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ขอให้พิจารณาอนุญาตให้ประกันตัว “ตัน” สุรนาถ แป้นประเสริฐ และเพื่อนรวม 5 คน ที่ถูกคุมขังและไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างฎีกา
จากกรณีที่ถูกฟ้องในข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
110 จากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค.
2563
สำหรับการยื่นจดหมายต่อประธานศาลฎีกาและแถลงข่าวโดย
ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาจนาภิเษก, อำนาจ
แป้นประเสริฐ ตัวแทนครอบครัวตัน สุรนาถ, ชูวิทย์ จันทรส
เลขาธิการมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว และจิรพงษ์ อินกอง ตัวแทนจากบางกอกฮับ
ทิชา
ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก
กล่าวว่าการยื่นหนังสือต่อประธานศาลฎีกาในวันนี้ของพวกเรา 75 เครือข่าย
เพื่อขอประกันตัว "ตัน" สุรนาถ แป้นประเสริฐ และผู้ต้องหาอีก 4 คน ในคดีขัดขวางเส้นทางขบวนเสด็จพระราชินีฯ
หลังจากศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้องอย่างปราศจากข้อสงสัย แต่ศาลอุทธรณ์ตัดสินรับโทษ 16
ปี 4 คน และ 1 คน
(เอกชัย) 21 ปี
เป็นไปตามสิทธิที่มีการรับรองในรัฐธรรมนูญไม่ใช่การใช้กฎหมู่
ไม่ใช่การใช้สิทธิเกินสิทธิ์ใช้เสรีภาพเกินเสรีภาพ ที่สำคัญ "ตัน"
สุรนาถ และทุกคนมีภารกิจ และเป็นกำลังหลัก ทั้งในฐานะผู้นำครอบครัว
ในฐานะผู้นำชุมชนที่ต้องทำงานเพื่อรับผิดชอบผู้คนมากมาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาเศรษฐกิจของปัจเจก
ของแต่ละครอบครัวแยกไม่ออกจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
"ในงานครอบรอบ 110 ปี กรมราชทัณฑ์เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ดร.ธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมได้ส่ง key
message สู่สาธารณะที่น่ารับฟัง และรับผิดชอบร่วมกันนั่นคือ
"น่าสงสารราชทัณฑ์นักโทษแน่นเรือนจำ" ขณะที่กรมราชทัณฑ์ได้แถลงนโยบายต่อ
ครม. เพื่อของบประมาณจัดซื้อ
จัดจ้างกำไลอีเอ็มสำหรับนักโทษที่พักโทษหรือจำเลยที่ได้รับการประกันตัว
ทั้งนี้กรมราชทัณฑ์ได้แถลงอย่างมั่นใจชัดเจนว่ากำไลอีเอ็มสามารถตอบโจทย์เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ
ป้องกันการหลบหนี
และสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหาในกระบวนการยุติธรรมซึ่งถูกรับรองในรัฐธรรมนูญ
พวกเราจึงมาในฐานะตัวแทนขอให้ประธานศาลฎีกาใช้นโยบายดังกล่าวหรือสิทธิการประกันตัวกับตัน
สุรนาถ และผู้ต้องหาอีก 4 คน ด้วย" ทิชากล่าว
ด้านอำนาจ
แป้นประเสริฐ พี่ชายสุรนาถ กล่าวว่า “ตันเป็นน้องคนสุดท้องของตระกูล
เราสามคนพี่น้อง
เติบโตในครอบครัวที่มีพ่อเป็นผู้นำชุมชนและเสียชีวิตไปจากปัญหาสุขภาพเมื่อหลายปีก่อน
ปัจจุบันชุมชนเลือกให้คุณแม่ทำหน้าที่ประธานชุมชนสานต่องานที่คุณพ่อได้ทำไว้
โดยมีพวกเราสามคนพี่น้องคอยช่วยงานทุกๆอย่างในชุมชน
นอกจากงานในชุมชนที่มุ่งสร้างความเข้มแข็ง
และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้เด็กและเยาวชนได้เติบโตอย่างมีคุณภาพแล้ว
ตันเป็นกำลังสำคัญของเครือข่าย ทำงานในหลากหลายประเด็น เช่น ปัญหายาเสพติด
ปัญหาเด็กและเยาวชน บุหรี่ไฟฟ้า ความรุนแรงในครอบครัวคนติดเหล้า ติดพนัน
เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ ให้เด็กและเยาวชนที่เรียกกันติดปากว่า พื้นที่ดีจัง
และล่าสุดยังเข้าไปทำงานพัฒนาสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนที่ไม่ได้จดทะเบียนในพื้นที่
กทม. ในทุก ๆ วัน ตันมีงานที่ต้องไปทำกับชุมชน เด็ก เยาวชนและเครือข่ายแทบไม่มีวันว่าง
การให้สิทธิประกันตัวจึงเป็นการให้โอกาสกับชุมชนเด็ก เยาวชน
และเครือข่ายกลุ่มคนเปราะบาง
มีใช่แค่การคืนสิทธิเสรีภาพให้กับต้นและครอบครัวเท่านั้น
"เราสามคนพี่น้องได้เรียนรู้จากงานพัฒนาจากครอบครัวจริง ๆ
คือคุณพ่อและแม่ของเรา ครอบครัวเรา อุทิศตนเพื่องานพัฒนา
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาในชุมชน พัฒนาสังคม ผลักดันนโยบาย พวกเราทำหมดไม่เกี่ยง
โดยเฉพาะน้องชายคนเล็ก ที่อุทิศชีวิตกับการทำงานพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
ตั้งแต่จำความได้ผมมั่นใจว่าครอบครัวเราไม่เคยคิดลบคิดร้ายอะไรเลย
เราสร้างชุมชนที่เชื่อมโยงกับความพอเพียงตามแนวทางของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในวันสำคัญไม่ว่าจะวันเฉลิม วันพ่อ วันแม่
เราชวนคนในชุมชนออกมาแสดงความจงรักภักดี จุดเทียนถวายพระพร
ทำอาหารแจกคนในชุมชนโดยตลอด
การที่ตันจะไปทำในสิ่งที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นไปไม่ได้เลย
ครอบครัวเรายังหวังว่าศาลจะเมตตาให้ตันได้ประกันตัวออกมา ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์
ได้ออกมาดูแลครอบครัว เพราะทั้งภรรยาและแม่ของตันก็มีปัญหาสุขภาพ
ตันเป็นกำลังหลักของพวกเราจริง ๆ" อำนาจกล่าว
จิรพงษ์
อินกอง แกนนำกลุ่ม "บางกอกฮับ" ที่ตันเป็นผู้ก่อตั้ง กล่าวว่า
“จากเหตุการณ์ที่พี่ตันถูกตัดสินและคุมขัง ไม่ให้ประกันตัวนั้น
มันทำให้งานที่กำลังดำเนินงานอยู่ในตอนนี้มันต้องสะดุดลง เพราะพี่ตันเป็นตัวหลักที่คอยขับเคลื่อนสายงานด้านการพัฒนาออกแบบกระบวนการ
จัดการเรียนรู้เพื่อสังคม ส่งเสริมให้เกิดพื้นที่กิจกรรมที่สร้างสรรค์และปลอดภัย
ในพื้นที่ชุมชน กลุ่มเปราะบาง และทั้งงานด้านชุมชน งานเด็กและเยาวชน
ที่กำลังต้องการให้พี่ตันนั้นดำเนินงานต่อ
หากเป็นไปได้อยากให้พี่ต้นได้รับความอนุเคราะห์ในการได้รับสิทธิในการประกันตัว
เพราะที่ผ่านมาพวกเรามั่นใจว่าพี่ต้นไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือขัดขืนอะไรเลย
ว่าข้อกังวลเรื่องการหลบหนีเป็นไปไม่ได้เลย คุณค่าที่ได้ทำงานต่อเพื่อสังคม
เพื่อส่วนรวมมันยิ่งใหญ่กว่าการจะหลบหนีเพื่อตัวเอง ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจ
คลายข้อกังวล อาจพิจารณาให้พี่ตัน ติดกำไล EM จำกัดพื้นที่
เพื่อที่จะสามารถติดตามและรู้ความเคลื่อนไวของพี่ตันได้
จะได้ออกมาทำงานสาธารณะประโยชน์เพื่อสังคมและชุมชนต่อไป เราหวังว่าเสียงเล็ก
ๆของเราในวันนี้จะถูกสื่อสารไปยังท่านประธานศาลฎีกา
และทุกกลไกในกระบวนการยุติธรรม”
สำหรับหนังสือเปิดผนึกขอความเป็นธรรมที่ยื่นต่อประธานศาลฎีกาทั้ง
75 องค์กร ประกอบไปด้วย กลุ่มทำงานด้านเด็กและเยาวชน 12 กลุ่ม, กลุ่มที่ทำงานเชิงชุมชน/เครือข่าย
“พื้นที่นี้ดีจัง” 7 กลุ่ม, กลุ่มชุมชน
19 กลุ่ม และกลุ่มทั่วไป/ศิลปะ/สังคม/วิถีธรรมชาติ 28
กลุ่ม เนื้อหาระบุโดยสรุปถึงเหตุผลว่า ตัน สุรนาถ
จะไม่หลบหนีหากได้รับการประกันตัว โดยระบุถึงความผูกพันของเขากับครอบครัว
การทำงานเพื่อสังคม และทีมงาน รวมถึงวิถีชีวิตที่เปิดเผย
นอกจากนี้ยังแสดงความบริสุทธิ์ใจของสุรนาถในการให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมและพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล
เช่น การติดกำไล EM การรายงานตัว
และการจำกัดพื้นที่การเดินทาง
เพื่อขอความเมตตาจากศาลให้พิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวนายสุรนาถและเพื่อนอีก 4
คน เพื่อให้สามารถกลับไปทำหน้าที่เพื่อครอบครัว ชุมชน และสังคมต่อไป
และยืนยันว่าการใช้สิทธิประกันตัวมิใช่สิทธิพิเศษ
แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญมอบให้แก่ประชาชนทุกคน
การที่ศาลใช้ดุลพินิจให้สิทธิประกันตัวแก่สุรนาถและเพื่อนรวม 5 คน
ในครั้งนี้ จึงเป็นทั้งการคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
ตามหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
นอกจากนั้นแล้วมี
“เพลง” ลำประภา สัชชานนท์ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เยาวชนที่เติบโตและร่วมงานกับสุรนาถมาตั้งแต่เด็ก
มากล่าวถึงสุรนาถ และปิดท้ายด้วยการบรรเลงบทเพลง ‘ยิ้มของแผ่นดิน’ โดย วงโฮป
กรณีนี้
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5
ก.ย. 2568 ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จากที่เคยยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เป็นเห็นว่าจำเลยทั้งห้ามีความผิดตามฟ้อง
โดยเชื่อว่าจำเลยทราบว่าเป็นขบวนเสด็จของสมเด็จพระราชินี
ทั้งห้ามีพฤติการณ์ขัดขวางขบวนเสด็จ
การกระทำความผิดสำเร็จแล้วแต่ไม่บรรลุผลเพราะขบวนเสด็จเคลื่อนผ่านไปได้
พิพากษาลงโทษตามมาตรา 110 จำคุกคนละ 16 ปี และให้เพิ่มโทษเอกชัย หงส์กังวาน1 ใน 3 เนื่องจากเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 รวม 21 ปี 4 เดือน
หลังมีคำพิพากษา
ศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว
ทำให้ปัจจุบันทั้งห้าคนยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
โดยปัจจุบันถูกย้ายไปคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว
ซึ่งจนถึงวันนี้ทั้งห้าคนถูกขังมาแล้ว 11 วัน
.