วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2566

เพื่อไทยซัดข้ออ้าง กต. ฟังไม่ขึ้น วอนรอรัฐบาลใหม่ช่วยแก้ปัญหาเมียนมา

 


เพื่อไทยซัดข้ออ้าง กต. ฟังไม่ขึ้น วอนรอรัฐบาลใหม่ช่วยแก้ปัญหาเมียนมา


วันนี้ (19 มิถุนายน 2566) จากกรณีกระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ประเด็นการจัดประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างอาเซียน-เมียนมานั้น นายพลนชชา จักรเพ็ชร กรรมการบริหารพรรคและคณะทำงานต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย เห็นว่าการที่กระทรวงต่างประเทศได้แถลงถึงเหตุความจำเป็นในการประชุมครั้งนี้ว่าต้องการเห็นสันติภาพและเสถียรภาพกลับคืนสู่เมียนมาอย่างยั่งยืนเพราะกระทบกับการค้าชายแดน ความมั่นคงทางพลังงาน การลักลอบค้ายาเสพติด การลักลอบค้าอาวุธ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆของไทย จึงเป็นเหตุให้รอไม่ได้นั้น เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเพราะปัญหาต่าง ๆ นั้นมีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบอยู่แล้วและไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อการประชุมในครั้งนี้ ที่ผ่านมาทิศทางของไทยต่อเมียนมาในยุครัฐบาล พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ขาดหลักการ ทิศทางและการดำเนินนโยบายหลาย ๆ นโยบายที่มีต่อเมียนมาร์เป็นการกระทำที่ขัดต่อผลประโยชน์ของชาติ และได้ส่งผลเชิงลบต่อสถานะและอำนาจในการต่อรองของไทยในเวทีโลก และที่สำคัญเป็นการซ้ำเติมความอ่อนแอในการเจรจาของรัฐบาลชุดนี้อีกด้วย 


การจัดประชุมอย่างไม่เป็นทางการในครั้งนี้ของรัฐบาลรักษาการย้อนแย้งกับหลักการ 5 ข้อของอาเซียน การประชุมทั้งสองครั้งก่อนหน้านี้ที่จัดขึ้นโดยรัฐบาลไทยที่ไทยและอินเดียก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด การกระทำของรมว.ดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นการไม่ให้เกียรติอาเซียนและเป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ อีกทั้งการเป็นรัฐบาลรักษาการยิ่งไม่ชอบธรรมและไม่ควรที่จะทำอะไรที่จะส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศไทยทั้งในระยะกลางและระยะยาว ที่ผ่านมาการดำเนินนโยบาย Quiet Diplomacy หรือ การทูตเงียบ ที่มีท่าทีค่อนข้างจะอ่อนกับรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ล้มเหลวในการส่งเสริมสันติภาพในเมียนมา ซ้ำร้ายกลับทำให้หลาย ๆ ฝ่ายมองว่าไทยถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบทำให้กับรัฐบาลทหารเมียนมาด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างประเมินค่าไม่ได้ การกระทำเช่นนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดทางการต่างประเทศของรัฐบาลเผด็จการที่ไม่ถูกยอมรับในเวทีโลก  

 

พรรคเพื่อไทยมองเมียนมาเป็นมหามิตรและมองเห็นถึงความสำคัญในการร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาในหลากหลายมิติ แต่การจัดประชุมในลักษณะนี้เป็นท่าทีที่ส่งผลเสียมากกว่าผลดี และ เป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่ควรจะให้รัฐบาลใหม่เข้ามาจัดการ นโยบายต่างประเทศของพรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนว่าเราจะเป็น “Active Promoter of Peace and Common Prosperity” หรือ "ผู้ส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน" เพื่อสร้างและฟื้นคืน "ความไว้วางใจ" และ "ความมั่นใจ" ให้กับประเทศ ในขณะที่เราต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับเมียนมา เราจะไม่แทรกแซงกิจการภายในและไม่ข้องเกี่ยวกับความขัดแย้งใด ๆ แต่เราจำเป็นจะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องของการส่งเสริมสันติภาพ ประชาธิปไตย  สิทธิมนุษยชน ความเสมอภาค โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง เพราะเราเชื่อว่าสันติภาพจะช่วยลดต้นทุนทางเศรษฐกิจซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก


รัฐบาลชุดใหม่จะสนับสนุนสันติภาพให้กลับคืนสู่เมียนมาเพื่อสนับสนุนความมั่งคั่งร่วมกันภายใต้กรอบความร่วมมือของอาเซียน ท้ายที่สุด ตลอดเกือบ 9 ปีที่ผ่านมาประชาชนไทยขาดโอกาสในเวทีโลกไปมาก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไร้ประสิทธิภาพในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศหรือการเปิดตลาดใหม่ ๆ ขาดวิสัยทัศน์ในการบริหารและไม่ถูกยอมรับในเวทีโลก จึงขอวิงวอนให้ รมว.ดอน ปรมัตถ์วินัย หยุดสร้างความเสียหายให้กับประเทศ และขอให้รัฐบาลใหม่ได้เข้ามากอบกู้สถานะของไทยจึงจะเป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เมียนมา