‘ปลอดประสพ’ เตือน ‘รัฐบาลประยุทธ์’
ผุดโครงการคลองระบายน้ำฝั่งตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยาแสนล้าน
ศึกษาไม่รอบคอบ-ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เสี่ยงสร้างผลกระทบประชาชน ชี้
‘รัฐบาลรักษาการ’ ไม่เหมาะสม ถลุงงบฯ ทิ้งทวน
วันที่ 15 มิถุนายน 2566 นายปลอดประสพ
สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย
แถลงถึงกรณีที่รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อยู่ระหว่างการเป็นรัฐบาลรักษาการ
มีแนวโน้มที่จะดำเนินโครงการสร้างคลองระบายน้ำ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
ระยะทาง 137 กิโลเมตร มูลค่างบประมาณสูงนับแสนล้านบาท ว่า
จากการตรวจสอบโครงการนี้ยังไม่ได้มีการศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนทั้งต้นน้ำ
กลางน้ำและปลายน้ำ
จึงเป็นเรื่องน่ากังวลว่าอาจสร้างผลกระทบกับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก
โดยเฉพาะในทางวิชาการ
จะเห็นได้ว่าโครงการนี้ศึกษาและตัดสินใจเฉพาะในส่วนต้นน้ำเท่านั้น
คือการเอาน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนเกินผ่านแม่น้ำชัยนาท-ป่าสัก
เข้ามาเป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร
แต่ไม่ได้ศึกษาว่าหลังจากนั้นจนถึงอ่าวไทยจะบริหารจัดการอย่างไร
และจะสร้างผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร
ที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ที่นำโดยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ได้เคยทำโครงการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ
ซึ่งเมื่อรัฐบาลประยุทธ์
เข้ามาก็ได้นำไปศึกษาแต่ก็ปฏิเสธที่จะดำเนินการตามที่ได้มีการศึกษาไว้แล้วอย่างรอบคอบ
และท้ายที่สุดรัฐบาลรักษาการชุดนี้กลับริเริ่มโครงการใหม่เองในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการ
ซึ่งเป็นที่น่ากังวลว่าโครงการใหม่นี้ไม่ได้มีการศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบทั้งระบบ
โดยในทางวิชาการพบว่า การผันน้ำมาในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศ
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเจริญและมีคนอาศัยอยู่จำนวนมากจะสร้างผลกระทบต่อประชาชนอย่างแน่นอน
ที่สำคัญคือการนำน้ำมาออกใกล้พื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง
อีกทั้งคลองเดิมที่มีอยู่แล้วมีขนาดเล็กรับน้ำได้จำนวนจำกัด
แต่น้ำที่จะผันมามีปริมาณมากกว่า อาจทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้ันที่ที่น้ำผ่าน
ซึ่งอาจต้องขยายคลองต่างๆ อีก
ซึ่งจะกระทบกับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมคลองต่างๆ อีกทั้งคลองที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งชัยนาท-ป่าสัก และคลองระพีพัฒน์ เป็นคลองเพื่อการชลประทาน
ไม่ได้มีโครงสร้างที่เหมาะสมที่จะใช้ในการระบายน้ำ
“โครงการที่รัฐบาลรักษาการชุดนี้ประกาศออกมานั้นมีความผิดพลาดทั้งในทางวิชาการและไม่เหมาะสมในทางการเมือง
รัฐบาลชุดปัจจุบันอยู่ระหว่างการเป็นรัฐบาลรักษาการ
ดังนั้นจึงควรที่จะแสดงความยินดีกับรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามารับหน้าที่อย่างที่พี่น้องประชาชนเลือกตั้งและเรียกร้องให้เข้ามาบริหารประเทศ
และอำนวยความสะดวกในการเข้าบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่มากกว่าที่จะริเริ่มโครงการใหม่ที่ต้องใช้เวลานานนับ
10 ปีกว่าจะเสร็จสิ้นโครงการ โดยใช้งบประมาณอีกนับแสนล้านบาท
ซึ่งจะสร้างภาระทางงบประมาณให้กับรัฐบาลที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ”
นายปลอดประสพ กล่าว