“หมอหวาย” ชี้กรณี "หยก" ควรให้เด็กใส่หรือไม่ใส่เครื่อแบบก็ได้โดยไม่ละเมิดสิทธิ์คนอื่น-ใช้ท่าทีสุภาพจะดึงดูดแนวร่วมได้ดีกว่า
เมื่อวานนี้ (14 มิถุนายน 2566)
นพ.สลักธรรม โตจิราการ หรือ หมอหวาย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีที่เกิดขึ้นกับ “หยก” ธนลภย์
(สงวนนามสกุล) เยาวชนวัย 15 ปี ตามที่ได้ทราบกันแล้วนั้น โดยหมอหวายได้โพสต์ข้อความว่า
กรณีหยกประท้วงการบังคับใส่เครื่องแบบที่โรงเรียนด้วยการใส่ชุดไปรเวทมาโรงเรียนจนเกิดการปะทะคารมกันในวันนี้
ผมคิดว่าเรื่องการบังคับใส่เครื่องแบบมาเรียน น่าจะเปลี่ยนเป็นว่า
นักเรียนจะใส่เครื่องแบบมาหรือไม่ใส่เครื่องแบบมาก็ได้ แต่ถ้าไม่ใส่เครื่องแบบ
การแต่งกายจะต้องไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและไม่รบกวนสิทธิ์ของผู้อื่น
เช่นไม่มีหิดเหาตามตัว ไม่มีกลิ่นเหม็นจนรบกวนสมาธิของผู้อื่น ถ้าเป็นสถานที่ที่อาจมีการบาดเจ็บ
เช่น หอผู้ป่วย จะต้องใส่เครื่องป้องกันให้รัดกุม เช่น รองเท้าหุ้มส้น ไม่เปิดให้เห็นหลังเท้า
เช่นนี้แล้วนักเรียนจะได้ฝึกใช้เสรีภาพในแบบที่เคารพสิทธิ์ของผู้อื่น
ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมไทยยังขาด เพราะไม่เคยมีพื้นที่ให้นักเรียนทดลองใช้เสรีภาพว่าใช้ได้ถึงระดับไหนที่ยังไม่รบกวนสิทธิ์ของผู้อื่น
คนไทยโตมาเลยมักจะพบว่าด้านหนึ่งก็บังคับผู้อื่นจนไม่คำนึงถึงสิทธิ์ของผู้อื่นเลย
หรืออีกด้านหนึ่งก็ใช้เสรีภาพแบบที่ไม่คำนึงถึงถึงสิทธิ์ของผู้อื่น
ก็เพราะเราไม่มีพื้นที่ให้คนได้ฝึกฝนการใช้เสรีภาพโดยเคารพสิทธิ์ของผู้อื่นนั่นเอง
นอกจากนั้นการออกแบบเครื่องแบบที่ดี
ทั้งลักษณะภายนอกที่ดูดีและสัมผัสที่นุ่มสบายเมื่อสวมใส่จะทำให้นักเรียนอยากใส่เครื่องแบบมากขึ้นโดยไม่ต้องบังคับ
ยกตัวอย่างเช่นลูกของผม ย้ายจากโรงเรียนที่บังคับให้ใส่เครื่องแบบมาเรียนที่โรงเรียนที่ไม่บังคับให้ใส่เสื้อของโรงเรียนยกเว้นวันศุกร์
ปรากฏว่าลูกผมเลือกใส่เสื้อของโรงเรียนไปเรียนเกือบทุกวันเองโดยไม่ได้มาจากการบังคับแต่อย่างใด
เรื่องการเคารพสถานที่นั้น ผมคิดว่าในโลกยุคนี้สถานที่ต่าง
ๆ ในโลกสากลล้วนพยายามลดกติกาในเรื่องเครื่องแต่งกายมากขึ้น เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามามากขึ้นครับ
การตั้งเงื่อนไขมาก ๆ จะทำให้คนไม่อยากมาเข้าร่วมครับ
การเคลื่อนไหวของหยกกับการตอบสนองของทางโรงเรียน
กรณีช่วงแรกก่อนเรื่องวันนี้หยกใส่เสื้อไปรเวท ยังเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าทำได้
โดยอาจต้องยอมรับว่าทางโรงเรียนมีสิทธิ์ลงโทษในกรอบที่ไม่ล้ำเส้น
เช่นตัดคะแนนความประพฤติ
แต่ไม่ใช่การพูดถึงการไล่ออกโดยไม่มีการแจ้งผู้ปกครองและการสอบสวนอย่างเป็นระบบ ถ้าคิดว่าเด็กทำผิดกฎ
ผู้ใหญ่ควรแสดงให้ดูว่าเราทำตามกฎกติกาจะดีกว่า
ส่วนเรื่องที่ว่าหยกอัดเสียงคู่สนทนาไว้ แน่นอนโดยมารยาทควรจะขอคู่สนทนาก่อน
แต่ถ้าไม่ได้ขอ การตอบโต้ก็ควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม เช่นแค่แจ้งโดยไม่ต้องใช้อารมณ์ว่าควรจะแจ้งคู่สนทนาก่อน
และหากนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคู่สนทนาถือว่าอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิ์ก็เท่านั้นครับ
ส่วนเรื่องวันนี้ที่มีความพยายามปีนเข้ารั้วโรงเรียนและต่อว่ายามโดยคำหยาบคาย
ผมเองคิดว่าการใช้คำหยาบไม่เหมาะสมเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพูดกับยามซึ่งเป็นแค่ฟันเฟืองเล็ก
ๆ ไม่ใช่ตัวการใหญ่ แต่ก็เข้าใจได้ เพราะหยกกับเพื่อนคงยังรู้สึกโกรธเคืองจากเหตุการณ์ในห้องปกครอง
ถ้าผมจะพูดกับหยกคงบอกว่าผมเข้าใจประเด็นที่หยกเรียกร้องครับ
การใช้ท่าทีสุภาพจะทำให้คนเห็นภาพที่ตัดกับความป่าเถื่อนได้ดีและสามารถดึงดูดแนวร่วมได้ดีกว่าการแรงมา-แรงกลับครับ
สุดท้าย
สังคมไทยมีค่านิยมเรื่องเด็กควรเชื่อฟังผู้ใหญ่ก็จริง
แต่ก็มีค่านิยมอีกอย่างว่าผู้ใหญ่ควรมีเมตตาต่อเด็กด้วย
ถ้าจะเรียกร้องให้เด็กทำตามค่านิยมของสังคมไทย
ก็ควรดูว่าผู้ใหญ่ได้ทำตามค่านิยมของสังคมไทยหรือยังครับ
อ้างอิง
: https://www.facebook.com/profile.php?id=692245758