ธิดา
ถาวรเศรษฐ :
กกต.เปลี่ยนคำขวัญ (ความผิดเก่ายังไม่ได้ถูกลบล้าง
ซ้ำจะสร้างความผิดใหม่อีกหรืออย่างไร)
ถอดคำพูดจาก
Facebook
Live อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ เมื่อวันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566
สวัสดีค่ะ
วันนี้เดิมก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำ Facebook Live นะคะ
เพราะคิดว่าพรุ่งนี้ก็จะมีงานทำบุญรำลึก ก็คงได้มีโอกาสถ่ายทอดในงาน
ก็เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ปฏิบัติงาน-ผู้ประสานงานและเพื่อน
ๆ ที่เรียกกันว่ามิตรร่วมรบ
แต่เพราะนี่ค่ะ
อันนี้ คือกกต.เปลี่ยนคำขวัญ จากเดิม “สุจริต โปร่งใส่ เที่ยงธรรม” มาเป็น “สุจริต
เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย” เอาคำว่าโปร่งใสออก
อีกอย่างหนึ่งก็คือ
หลังจากที่รู้ผลการเลือกตั้ง ดิฉันก็ไม่ได้พูดอะไรยาว ๆ เกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง
เพราะเห็นว่าก็มีพัฒนาการไปในทางที่ดี คือสามารถตั้งพรรคร่วมกันของพรรคฝ่ายรัฐบาลได้
ก็คิดว่าให้เวลาดู แต่พอกกต.มาเปลี่ยนคำขวัญ ทำให้ดิฉันนึกถึงเรื่องเก่า
คือความผิดพลาดเดิมของกกต. เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงคิดว่าจะมาคุยในประเด็นว่า
“กกต.เปลี่ยนคำขวัญ : ความผิดเก่ายังไม่ได้ถูกลบล้าง
ซ้ำจะสร้างความผิดใหม่อีกหรืออย่างไร”
ชัวร์!
สร้างแน่! ความผิดเก่าที่ไม่ได้ลบล้างนั้นมันน่าอับอายมาก ๆ
ๆ มากที่สุดเลย มันไม่ใช่อับอายเพียงแต่ว่า กกต.ทำไปตามใบสั่งหรือเปล่า
หรือไม่ใช่แต่ว่าเป็นอภินิหารของการใช้ตัวเลขเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลฝั่งข้างสืบทอดอำนาจได้เป็นรัฐบาล
แล้วจริง ๆ ถ้าเป็นต่างประเทศเขาฟ้องนะ มันเป็นความเสียหายอย่างมาก แม้นจะมีความพยายามที่จะดึงตัวจากฝ่ายค้านมาเป็นฝ่ายรัฐบาลขึ้นอีกมากก็ตาม
แต่ตอนนั้นเสียงปริมน้ำ ความผิดเก่าที่ยังไม่ได้ลบล้าง
แล้วมันจะสลักอยู่ไปชั่วกาลนานเลยว่า กกต.ชุดนี้ใช้อภินิหารตัวเลข
เพื่อช่วยตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากการรัฐประหารสืบทอดอำนาจ เพราะว่าเสียงมันใกล้เคียงกัน
คือเดิมความพยายามที่จะตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
อันที่จริงถ้ารวมกันมันน่าสัมฤทธิ์ผล เพราะว่าถ้ารวมครั้งที่แล้ว เพื่อไทย 136
เสียง อนาคตใหม่ 87 เสียง เสรีรวมไทย 11 เสียง เศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง ประชาชาติ 6 เสียง เพื่อชาติ 5 เสียง แค่นี้ก็ 251 แล้ว ยังไม่ได้รวมพรรคเล็กอีกพรรคหนึ่ง ถ้าทำตามนี้นะ
แปลว่าได้เป็นรัฐบาลแล้ว ก็มีการไปประชุมแล้วก็มานั่งเรียงหน้ากัน
แล้วสุดท้ายตอนหลังนี่พรรคเศรษฐกิจใหม่ถูกดึงไปก่อนเลย
เพราะเขาไปอธิบายว่ามันไม่ได้เป็นรัฐบาลหรอก เพราะในการคำนวณของกกต.มันไม่ใช่
ซึ่งในความผิดครั้งนั้นเรื่องตัวเลข ดิฉันพูดไว้เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2562 (อ้างอิง : https://udd-news.blogspot.com/2019/04/blog-post_8.html) ก็คือเป็นความผิดของกกต. มีความผิดทั้งในกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ซึ่งวิธีการของรัฐธรรมนูญในมาตรา 91(3) ก็เป็นการคำนวณ
ก็คือบัตรใบเดียว ไม่ให้ตกน้ำ ถ้าได้ส.ส.เขตเกินก็เอาส.ส.เขตมาลบ
ให้นำคะแนนรวมทั้งประเทศที่พรรคการเมืองทุกพรรคหารด้วย 500
อันเป็นจำนวนสมาชิกทั้งหมด คือถ้าคิดไล่มาเรื่อย ๆ ของมาตรา 91 จำนวนที่ได้รับให้ถือเป็นจำนวนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นพึงมี
ข้อนี้มันสำคัญมาก ในนี้ก็อธิบาย ดิฉันก็คงจะไม่อ่านทั้งหมด
ในนี้เขาใช้คำว่าตอนหลังใน (4) ก็คือ ผลที่ได้ คือจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อนั้นตามอัตราส่วน
แต่ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองดังกล่าวมีสมาชิกผู้แทนราษฎรเกินจำนวนที่ส.ส.พึงมี
ดิฉันได้ประเมินไปแล้วว่าแม้กระทั่งคนเขียน
พ.ร.ป.ก็ไปพยายามอธิบายวิธีคำนวณให้มันพิลึกพิลั่น
ซึ่งถ้าเป็นคนที่มีความรู้ทางคณิตศาสตร์สักนิดไม่ต้องเขียน เพราะมันเป็นอัตราส่วน
คนก็สามารถใช้หลักอัตราส่วนและบัญญัติไตรยางศ์คำนวณได้บนหลักการของส.ส.พึงมี
แต่ท่านทำความผิดเก่าซึ่งไม่ได้ลบล้าง
แล้วน่าจะฟ้องร้องได้ มันเป็นความผิดที่น่าเกลียดมาก มันแสดงถึงภูมิปัญญาของระบบการศึกษาไทยได้ด้วยว่า
คนที่จบปริญญาตรี ปริญญาโท
หรือเป็นเนติบัณฑิตไม่มีความรู้พื้นฐานคณิตศาสตร์เบื้องต้นได้ยังไง
นี่มองในแง่ดีนะ มันถึงได้ออกตัวเลย
แล้วไม่สามารถทำตามหลักนิติศาสตร์ด้วยว่าเขากำหนดว่าเสียงประชาชน 71,000
คน ได้ ส.ส. 1 คน แต่คุณทำให้คน 2-3
หมื่น ได้ส.ส. 1 คน จึงได้พรรคเล็กพรรคน้อยเต็มไปหมด
มีวิธีการคำนวณ ซึ่งหลักตอนต้นก็คือคะแนนของพรรคเพื่อไทยได้เกินกว่าส.ส.พึงมี
เขาต้องได้ 110 กว่า แต่เขาได้ 136
เพราะป๊อปปูเลชั่นโหวตของเขาออกมาประมาณนั้น ดังนั้นเสียงเขาเกินจากส.ส.พึงมีไป 25 เสียง แน่นอน เป็น 0 ก็คือตัวเลขสมาชิกของเพื่อไทย
แต่ในทางคณิตศาสตร์ไม่เป็น 0 ค่ะ มันต้องเป็นการติดลบ
จะด้วยความไม่สามารถ
จะด้วยเจตนาหรืออะไรก็ตาม แต่มันน่าจะฉุกคิดได้เพราะมีคนเตือนหลายคน
แต่ไม่มีการแก้ไข ก็มีผลทำให้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้มายาวนาน
พร้อมทั้งมีคนกินกล้วยด้วย อยู่ได้มายาวนาน นี่คือความผิดเก่าไม่ได้ถูกลบล้าง
ดิฉันยังไม่พูดถึงความไม่โปร่งใสอย่างอื่น ไม่ว่าเป็นคะแนน เป็นการนับบัตรเขย่ง
บัตรเสียอะไรต่าง ๆ แล้วตอนปลายยังไปดูงานต่างประเทศอีก
แทนที่จะกลับมาทบทวนว่ามันมีปัญหาอยู่ที่ไหน โน่นไปดูงานต่างประเทศกันหมดเลย
ทั้งที่ปัญหาในประเทศกองเป็นขยะเลยสำหรับกกต. บัตรเขย่งเอย ตกน้ำเอย
คะแนนไม่ตรงเอย ครั้งนี้ก็มาโชว์ว่าคะแนนจะต้องนับใหม่ 47 เขต
ไม่ใช่บัตรเขย่ง แต่คะแนนเขย่ง คือคะแนนไม่ตรงกับบัตร อันนี้ประชาชนประเมินได้
ไม่พอยังมาเปลี่ยนคำขวัญอีก เอาโปร่งใสออก แปลว่าอย่ามาถามฉัน ฉันมีสิทธิจะไม่ตอบ
แต่ว่าสิ่งที่ฉันจะทำก็คือความชอบด้วยกฎหมาย นี่คือคำขวัญใหม่
ดังนั้น
ต่อไปนี้คุณก็จะได้ยินแต่คำว่า ไม่ต้องมาถาม มันชอบด้วยกฎหมาย กฎหมายอะไร
ครั้งที่แล้วคุณคำนวณก็ผิด แล้วไม่ชอบด้วยกฎหมายนะ
คุณเลยไม่ใส่ชอบด้วยกฎหมายใช่มั้ย แล้วครั้งนี้คุณจะมาบอกว่าชอบด้วยกฎหมาย
แปลว่าไม่สนใจเสียงประชาชน 20 กว่าล้านเสียง ไม่สนใจ
ถ้ามันชอบด้วยกฎหมายผมก็จะยึดตัวนี้แหละเพื่อดำเนินการ แล้วอย่ามาถาม
เพราะคำว่าโปร่งใสเอาออกแล้ว
เอาชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่าความชอบด้วยหลักการนิติรัฐนิติธรรม หรือเปล่า
มันจึงทำให้ประชาชน คือเรื่องไม่เป็นเรื่อง อยู่ดี ๆ มาเปลี่ยนคำขวัญ
คนที่แม้กระทั่งไม่สนใจอะไร พอเห็นเขาเปลี่ยนคำขวัญ เปลี่ยนโลโก้
คนมันไม่คิดก็ต้องคิดค่ะ อย่าว่าแต่เป็นคนเลย หมู หมา กา ไก่
ถ้ามันอ่านตัวหนังสือออกมันก็ต้องคิด ว่าอยู่ดี ๆ ทำไมต้องเปลี่ยนคำขวัญ
แล้วทำไมต้องมาเปลี่ยนช่วงนี้ ช่วงที่เขากำลังบอกว่าเฮ้ย! รีบรับรองผลการเลือกตั้งเพื่อให้กระบวนการประชาธิปไตยดำเนินไปได้
ดันมาเปลี่ยนคำขวัญเบ้อเร่อเบ้อร่าเลย “สุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย”
ไม่สนใจอะไรอย่างอื่น แล้วกฎหมายของใคร แล้วครั้งที่แล้วไม่เห็นชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ชอบด้วยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญที่เขียนเอาไว้ว่าส.ส.พึงมี
71,000 ได้ส.ส. 1 คน
อันนี้แปลว่ามันต้องเป็นอย่างต่ำ
ครั้งที่แล้วไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แต่ครั้งนี้จะชอบด้วยกฎหมาย แล้วมันจะชอบธรรมหรือเปล่า ไม่สนใจ โปร่งใสหรือเปล่า
อย่ามาถาม ไม่สนใจ หรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ประชาชนขณะนี้กำลังรอ
ความจริงกกต.นั้นอาจจะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ แต่มันก็ยิ่งใหญ่จริง
แต่มนุษย์ธรรมดามันไม่ควรคิดว่าตัวเองและคณะของตัวเองยิ่งใหญ่ คุณยิ่งใหญ่มาจากไหน
คุณไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ลองให้กกต.มาจากการเลือกตั้งประชาชนซิ
เลือกเอามั้ยกกต.จังหวัดที่คุณพากันไปแต่งตั้ง
แล้วก็เอากกต.จังหวัดมาเลือกเป็นกกต.ระดับประเทศ มันก็ไม่ใช่ คุณมาจากไหน
คุณมาจากระบอบของทหารจารีตการสืบทอดอำนาจ
ถามว่ามันยิ่งใหญ่ตรงไหน?คือคุณมามีอำนาจยิ่งใหญ่เพื่อที่จะควบคุมอำนาจประชาชนอย่างไม่ชอบธรรม
หรือเปล่า? ไอ้ตรงนี้ หลายคนก็ไปดีนะ คนในสำนักงานเลขาธิการกกต.
ดูเหมือนจำได้ว่าไปเป็นวุฒิสมาชิก ไปรับความดีความชอบต่อ
คือแน่นอนที่แล้วมาคุณทำผิด
ไม่มีใครทำอะไร เพราะคุณเอาแต่ฟ้อง ฟัน! ยุบพรรค จัดการหัวหน้าพรรค เพราะฉะนั้นเที่ยวนี้คุณก็อาจจะจัดการหัวหน้าพรรคที่ไม่พึงปรารถนาอีกก็ได้
ชอบธรรม/ไม่ชอบธรรม ไม่รู้ ชอบด้วยกฎหมายตามที่ตีความ แล้วกกต.อย่าลืมไปจ่ายเงินคนละประมาณ
10 ล้านด้วย
ที่ครั้งที่แล้วคุณไปจัดการผู้สมัครคนหนึ่งแล้วในที่สุดศาลตัดสินว่าไอ้คดีหุ้นของเขาอยู่
ถือเอไอเอส 200 หุ้น นี่ชาวบ้านธรรมดาเขาถือเกินนั้นนะ 200 หุ้นมันกี่บาท แล้วหุ้นเอไอเอสมันตั้งเท่าไหร่ คุณไปละเมิดเขา จริง ๆ
ดิฉันว่าไม่รู้ว่ามันยังมีอายุความอยู่มั้ย น่าจะมีนะ
เพราะครั้งที่แล้วคุณได้ทำผิดในการใช้อภินิหารทางการคำนวณ จนทำให้ส.ส.ของบางพรรค
นี่ไม่ได้พูดเรื่องคดีธนาธรนะ จนทำให้ส.ส.ของอนาคตใหม่ลดลงไป 10 กว่าเปอร์เซ็น แน่นอนพรรคเพื่อไทยไม่ลด
แต่ว่าในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม คือถ้าเพิ่มขึ้นมาอีก มันได้ตั้ง 87 นะ มันเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย เราลองรวมแล้วมันได้ประมาณ 250 กว่า
หมายถึงเอามาร่วมกันตอนนั้นที่พยายามจับมือแต่พอมาเจออภินิหารตัวเลขหงายหลัง
ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่อนาคตใหม่อาจจะเสียศูนย์ เพราะว่าขณะนั้นเขาฟ้องธนาธรด้วย
ดังนั้น
ทำให้วิกฤตการเมืองไทยก็คือทำให้คุณประยุทธ์สืบทอดอำนาจอยู่ได้ต่ออีก 4 ปี
ด้วยอภินิหารจากกกต.เป็นจุดเริ่มต้น แน่นอนมันก็มีองค์ประกอบร่วมมือหลายฝ่าย
มีส.ว.ยกมือให้เต็มที่ อีกฝั่งหนึ่งได้ 250 กว่า
เขาอาจจะไม่ยกมือให้ก็ได้ แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งคนละเรื่องกัน
ดิฉันเอาเรื่องของกกต.ล้วน ๆ มาพูด ว่าครั้งที่แล้วมีความผิดอย่างฉกรรจ์
ดิฉันเรียนมาทางวิทยาศาสตร์
อะไรที่มันเป็นวิทยาศาสตร์เบื้องต้น คณิตศาสตร์เบื้องต้น มันควรทำให้เกิดสังคมที่เป็นวิทยาศาสตร์
ก็คือมีเหตุผล มีสิ่งที่พิสูจน์ได้ หรือพิสูจน์ไม่ได้ก็รอการพิสูจน์ต่อไป
อาจจะเป็นสมมุติฐานหรืออะไรก็ตาม
แต่ดิฉันต้องการให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความคิดเป็นวิทยาศาสตร์
มีความเข้าใจพื้นฐาน คุณจะเรียนนิติศาสตร์ คุณจะเรียนอะไรก็ตาม
แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดคุณต้องมีพื้นฐานของความศิวิไลย์ของโลก
ซึ่งที่จริงคนสมัยโบราณตั้งแต่อียิปต์ก็คำนวณอะไรต่าง ๆ เป็น
หรือดังที่เขาบอกว่าบัญญัติไตรยางศ์ คือในรัฐธรรมนูญเขาเขียนเอาไว้ ไปเขียนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญก็ไม่ต้องมาก
แล้วกกต.ยังอ้างว่าไปนั่งคำนวณด้วยกันกับคนเขียนพ.ร.ป.อีก ก็เลยไม่รู้ว่า
แหมดิฉันไม่อยากจะใช้คำพูดรุนแรง คือมันคู่หรือเปล่า? ไม่อยากใช้คำรุนแรง
คือแก่แล้ว คือโง่คู่หรือเปล่า? มันอาจจะไม่โง่คู่ แต่เป็นฉลาดคู่เลยก็ได้นะ
คือช่วยกัน
จริง
ๆ บัญญัติไตรยางศ์และคำว่าสัดส่วน เขาไม่ต้องเขียนลงไปในพ.ร.ป.
เพราะมันเป็นหลักการคณิตศาสตร์ง่าย ๆ กฎหมายคุณก็เขียนเป็นกฎหมาย เหมือนมาตรา 91
ในรัฐธรรมนูญ ข้อ 1, 2, 3, 4 นั่นแหละ แล้วที่เหลือ
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญก็เขียนเท่าที่จำเป็น ที่ไปคำนวณบ้าบอคอแตกนั้นแปลว่าไม่รู้จักคณิตศาสตร์
เพราะมันเบสิคมาก ๆ เลย คุณลองไปฟังของอาจารย์ลอย (คลิป อาจารย์ลอย ดูที่ https://www.youtube.com/watch?v=DpazIp-cC6U) แต่อาจารย์ลอยแกพูดละเอียด แต่ว่าพูดสั้น ๆ
สำหรับอ.ธิดาคือไม่เข้าใจกระทั่งว่าเวลาพรรคเพื่อไทยได้จำนวนส.ส.เกินกว่าส.ส.พึงมี
แปลว่ามันติดลบ รู้จักคำว่าติดลบมั้ย หรือรู้จักแต่เลข 0
แน่นอนคือเพื่อไทยส.ส.เป็น 0 แต่ในการคำนวณมัน 0 ไม่ได้ ก็เลยทำให้แบบที่อาจารย์ลอยอธิบายว่า
มันก็เลยกลายเป็นว่าพอมาบวกกันแล้ว ก็มีทั้งขาด มีทั้งเกิน แล้วสุดท้ายพรรคต่าง ๆ
ก็ถูกหักหมดและรวมทั้งพรรคอนาคตใหม่ซึ่งโดนมากที่สุดเลย
นี่เป็นความผิดที่ฉกาจฉกรรจ์ กระทำต่อประเทศและประชาชน ทำให้พรรคฝ่ายสืบทอดอำนาจอยู่ได้มายาวนาน
แต่คนไทยก็ไม่ยอมแพ้
อดทนกับไอ้รัฐธรรมนูญบ้าบอคอแตก
และสุดท้ายความลำพองใจที่คิดว่าพลังประชารัฐก็จะเป็นพรรคใหญ่
ครั้งที่แล้วป๊อปปูเลชั่น เรทได้สูงกว่าเพื่อไทยด้วย ดูเหมือนจะ
ของพลังประชารัฐได้ 8.4 ล้าน เพื่อไทยได้ 7.8 ล้าน อนาคตใหม่ได้ 6.7 ล้าน นี่คือเสียงคะแนนที่เป็นตัวเลของป๊อปปูเลชั่น ก็คิดว่าต่อไปนี้จะสู้กับเพื่อไทย
บัตร 2 ใบเลยหรือว่าอีกส่วนหนึ่งก็คือทำแบบเก่าไม่ได้อีกแล้ว
เพราะคนด่า ถ้าทำบัตรใบเดียวแบบเก่า จะคำนวณแบบไหน
ถ้าคำนวณแบบใหม่ก็จะบอกว่าแล้วครั้งที่แล้วคำนวณผิดซิ ทำไม่ไม่ทำแบบเก่าล่ะ เออ! ถ้าอย่างนั้น ทำคำนวณแบบเก่าก็ไม่ได้เพราะถูกด่ามาก ก็เลยกลายเป็นบัตร 2 ใบ หรือเปล่า
อีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นความเต็มใจ
เพราะทางพลังประชารัฐก็ไม่คิดว่าตัวเองก็จะแตก แล้วก็ไม่ได้คิดว่า
กลายเป็นว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตยมันรวมเสียงกันแล้วจะเบิกบานขนาดนี้ เทเป็นจังหวัด
ๆ เลย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ถามว่ากกต.คิดบ้างหรือเปล่า หรือคุณจะบอกว่าโน่น
สำนักเลขาฯ เป็นคนทำ ผมก็แค่เซ็น ตอบมาเลยประธานกกต. สำนักเลขาฯ ทำทั้งหมด
ดิฉันได้ยินว่าพูดกันอย่างนั้นนะ ไม่ใช่ความผิดผม เขาทำมาผมก็เซ็น
ผมตัดสินเฉพาะบางเรื่องเท่านั้น ไอ้คำนงคำนวณพวกนั้นทำทั้งนั้น บัตรเขย่งอะไร ๆ
แต่เวลาไปดูงานแต่ผมไปอ่ะ เออ! ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร
แต่สรุปว่าถ้าทำแบบเดิมก็คำนวณแบบเดิมไม่ได้
พอคำนวณแบบเดิมไม่ได้เนื่องจากถูกด่ามาก พอมาคำนวณแบบใหม่
มันก็พิสูจน์ว่าคำนวณแบบเก่าผิด! มันก็เลยเป็นบัตร 2 ใบ
คราวนี้บัตร 2 ใบ อาจจะไปจัดการอะไรไม่ได้
แต่มันก็จะเกิดสิ่งที่คำว่าชอบด้วยกฎหมาย อย่างไรก็ตามมันก็เป็นการตีความทั้งนั้น
เหมือนที่เราพูดที่ว่าเมื่อกกต.คิดว่าสั่งเพราะชอบด้วยกฎหมายก็คือ
ส.ส.ถือหุ้นสื่อไม่ได้ อันเดียวก็ไม่ได้
แล้วสุดท้ายศาลตัดสินว่าคุณต้องรับผิดชอบเขาคนละ 10 ล้าน
ไปจ่ายเสีย! ก็แปลว่าอะไร
ก็แปลว่าเขาต้องยึดเจตนารมณ์เป็นหลัก ดิฉันพูดถึงศาลฎีกาที่พิพากษากรณีคุณชาญชัย
เจตนารมณ์ก็คือไม่ต้องการให้นักการเมืองใช้สื่อเข้ามาได้ประโยชน์แล้วก็เข้ามาครอบงำกิจการ
แต่คุณยังตัดสิน อันนี้ก็ส่งผ่านไปศาลรัฐธรรมนูญดิฉันก็ไม่ได้ก้าวล่วงนะ ซึ่งหุ้น
วี-ลัค ของคุณธนาธรก็จัดการคุณธนาธรไป ทั้ง ๆ ที่ วี-ลัค มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง เพียงแต่เขาจดเลิกไม่จบ ยังไม่จบ
ยังค้างเติ่งอยู่ ประมาณนั้น อันนี้ก็ส่อให้เห็นว่า เพราะว่าคดีของคุณชาญชัยเป็นคดีผ่านศาลปกติมาทีหลัง
คดีของธนาธรรุ่นก่อนผ่านศาลรัฐธรรมนูญ มองในแง่ประชาชนก็เหมือนพัฒนาการทางความยุติธรรมมันจะดีขึ้นในแง่ว่าทำตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
ดิฉันก็อยากจะถามว่าเจตนารมณ์สำคัญมั้ย
หรือคุณบอกว่าชอบด้วยกฎหมายอย่างเดียว เออ! ครั้งที่แล้วเจอ 10 ล้าน เที่ยวนี้ ขู่นะ อาจจะเจอเป็น 100 ล้านก็ได้นะ
ดิฉันเห็นเขาฟ้องกันเป็น 100 ล้านนะ อย่างกรณีของกัลฟ์
ดิฉันเห็นฟ้อง ๆ ๆ ๆ ๆ หลายคนแล้ว ฟ้องส.ส.ก้าวไกล ไทยสร้างไทย คนละ 100 ล้านทั้งนั้นเลย แปลว่าเขาขยับขึ้นมาเป็น 100
ล้านแล้วนะในการฟ้อง ฟ้องนิดฟ้องหน่อยก็ 100 ล้านแล้ว
ดังนั้น
ดิฉันอยากจะถามว่า ท่านคิดถึงเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีมั้ย
ทำไมท่านถึงโกรธว่าประชาชน คำหนึ่งก็มาด่าผม สองคำก็มาด่าผม
แล้วท่านรู้หรือเปล่าว่า องค์กรเหล่านี้มันไม่ได้ลอยมาจากฟ้า มันมาจากรัฐธรรมนูญ 40 ซึ่งเขาต้องการให้ตำแหน่งเหล่านี้ยึดโยงกับประชาชน
แต่เมื่อมันไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนกลับไปยึดโยงกับเผด็จการ แล้วแปลว่าอะไร
แล้วเกียรติยศศักดิ์ศรีมันอยู่ที่ไหน มันไม่ใช่ว่าเลือกตั้งโดยประชาชนแล้วถูกด้อยค่า
กลายเป็นว่าท่านคิดว่าถูกแต่งตั้งจากอำนาจเผด็จการ อันนี้โดดเด่นเหรอ
แล้วพวกที่มาจากประชาชนนี่ต่ำต้อยด้อยค่าเหรอ มันไม่ใช่!
ในทัศนะของดิฉัน
เสียงของประชาชน เจตนารมณ์ของประชาชนนั้นสำคัญสูงสุด
แต่ถ้าท่านจะพูดว่าชอบด้วยกฎหมาย
ท่านพูดถึงรัฐธรรมนูญก็ต้องพูดถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะตัวหนังสือที่เขียน
พวกท่านยังใช้มั่ง ไม่ใช้มั่งเลย เหมือนอย่างการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
ทำไมมันผิดรัฐธรรมนูญชัดเจน ทำไมทำได้ล่ะ ผิดทั้งรัฐธรรมนูญ
ผิดทั้งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เขียนกันเองก็ยังผิด เพราะฉะนั้น
เที่ยวนี้มาเปลี่ยนคำขวัญเหรอ? ประชาชนจับตาดูอยู่
ทุกอย่างมันจะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น
ดิฉันอยากให้เจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกตั้งครั้งนี้ มันเหมือนเป็นแสงอาทิตย์ที่มันส่องเข้าไปได้ถึงหัวใจของผู้ป่วยทั้งหลายที่
เหล่านี้ดิฉันถือเป็นผู้ป่วยนะ
แสงอาทิตย์ให้มันเข้าไปถึงผู้ป่วยทั้งหลายที่ไปหลงผิดกันว่ามีเกียรติและสูงสุด
และได้รับลาภยศเกียรติยศชื่อเสียงจากฝั่งเผด็จการ
ลาภยศเกียรติยศชื่อเสียงจากฝั่งเผด็จการมันไม่เท่ากับคำสาปแช่งของประชาชน
เพราะฉะนั้น
ดิฉันก็ขอจบว่า ท่านจะเป็นกกต.ในระบบไหนกันแน่ จะเป็นกกต.ในระบอบประชาธิปไตย
หรือเป็นกกต.ในระบอบเผด็จการจารีตนิยม คำขวัญไม่สำคัญ สำคัญคือการกระทำ
คำขวัญเป็นสิ่งที่คนคาดเดาว่าจะทำแบบนี้เพื่อประกาศ แต่ตัวแท้ ๆ ของท่าน จะเป็นกกต.ในระบอบไหน
คือท่านได้รับการแต่งตั้งมาในระบอบเผด็จการจารีตนิยม
แล้วขณะนี้เสียงของประชาชนที่เลือกตั้งเข้ามามันแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าประชาชนไม่เอาระบอบเผด็จการจารีตนิยม
คนตั้ง 70 กว่าเปอร์เซ็น เขาเลือกพรรคฝ่ายค้านเดิม ฝ่ายที่ว่ามีเราไม่เอาลุงประมาณนั้น
ตั้ง 70 กว่าเปอร์เซ็น
แล้วท่านกล้าที่จะสู้กับเสียงประชาชนเหล่านี้ หรือท่านจะรอให้เขาเลือก 100% มันคงเป็นไปไม่ได้น่า มันคงมีคนจำนวนหนึ่งอยู่ แต่นี่มันไม่น้อยแล้วนะ
ก็ภาวนาว่า
ให้แสงและเสียงของประชาชนเป็นเหมือนดวงอาทิตย์
สาดเข้าไปในจิตใจของคนทั้งหลายที่ยังยึดมั่นอยู่ในระบอบเผด็จการจารีตนิยม
ให้มองเห็นอำนาจประชาชน เพราะว่าประชาชนนั้นมีแต่เติบโตและมีอนาคต แล้วรอได้
แต่คนที่จะโรยราไป คุณจะยิ่งใหญ่แค่ไหน สิ่งนั้นจะเป็นประวัติศาสตร์
มันจะอยู่ในจารึกประวัติศาสตร์การเมืองให้คนรุ่นหลังได้อ่านว่า
องค์กรอิสระและกระบวนการต่าง ๆ ใน 2 ทศวรรษ ตั้งแต่ 2549 จนกระทั่งถึง 2566 มันเป็นยังไง
หรือจะบอกว่า
แม้นเจตนารมณ์ประชาชนจะแสดงออกถึง 70 กว่าเปอร์เซ็น
แต่องค์กรอิสระและวุฒิสมาชิกเหล่านี้ก็ไม่ย่อท้อที่จะดื้อด้าน
และยืนยันที่จะสืบทอดอำนาจของเผด็จการอำนาจนิยม ก็เลือกเอาว่าจะให้ประวัติศาสตร์บันทึกแบบไหนค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ #กกต #คำขวัญกกต