วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยกับก้าวไกลล้มเหลว “คนเสื้อแดง” จะกำหนดท่าทีหรือจุดยืนอย่างไร?

 


ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยกับก้าวไกลล้มเหลว “คนเสื้อแดง” จะกำหนดท่าทีหรือจุดยืนอย่างไร?


ถอดคำพูดจากบทสัมภาษณ์พิเศษ (บางส่วน) 

ของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ - ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 

(มติชนออนไลน์ เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2566)


อ.ธิดา : ดังที่บอกว่าภาวะการนำของเราแบบเดิมมันไม่ได้ดำรงอยู่อย่างในลักษณะที่เป็นนปช. มันเป็นเรื่องความผูกพันด้วยอุดมการณ์และมีแนวคิดที่ตรงกัน ถ้ามีการขับเคลื่อนของประชาชน ความเชื่อนะ อาจารย์คิดว่าคนเสื้อแดงออกมาร่วม เพียงแต่ว่าเขาอาจไม่ใช่กองหน้า เขาอาจจะเป็นกองหนุนหรือร่วม เพราะว่ามันเป็น Generation Gap แต่ต้องเรียกภาษาที่ว่า “เป็นกองหลังที่ไว้ใจได้” หรือ “เป็นกองหนุนที่ไว้ใจได้” แต่เราก็ไม่รู้นะว่าความเป็นไปได้ อันนี้ต้องถามณัฐวุฒิ ไม่ใช่อาจารย์ธิดา ว่าใครจะลุกขึ้นออกมานำหรือเปล่า? แต่อย่างน้อยที่สุดก็คือแม้นไม่มีการนำของแกนนำ อาจารย์เชื่อว่าเขาก็ออกมา เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันมีความชอบธรรมในเรื่องผลการเลือกตั้งที่มันออกมาประมาณ 70% และเมื่อเราคำนวณแล้วฝั่งอนุรักษ์นิยมก็ประมาณ 20% เราเอาพรรคหลัก ๆ มารวมกัน (รวมไทยสร้างชาติ + ประชาธิปัตย์) คือสมัยก่อนมันประมาณ 40 กว่าเปอร์เซ็น แล้วรวมพวกอนุรักษ์นิยมก็ยังไม่ห่างกันมาก แม้กระทั่งเมื่อตอนปี 2562 ก็คือมันยังใกล้เคียงกัน แต่เที่ยวนี้มันห่างชัด เพราะฉะนั้นมันก็เป็นความเสียงของฝั่งอนุรักษ์นิยมในการที่จะมาจัดการกับประชาชน


ถ้าเขาต้องการจะมาจัดการ อาจารย์ว่าเขาต้องมอง worst-cast เลย แบบพม่า คุณพร้อมที่จะเสี่ยงต้นทุนขนาดนั้นมั้ย? แน่นอนคนพม่าบัดนี้เขาก็เริ่มมีการจับอาวุธขึ้นบ้างจำนวนหนึ่ง แต่มันก็ไม่พอหรอก แต่ว่าเนื่องจากประเทศเขามันมีกองกำลังของชนชาติส่วนน้อยอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งมีอยู่ แต่ของไทยมันต่างกัน แล้วขบวนการเสื้อแดง ตั้งแต่ต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้มันพิสูจน์ให้เห็นว่าเราเป็นพวกที่ไม่ได้ใช้กำลังอาวุธจริง ไม่ว่าจะใส่ความแบบไหนมาจนถึงบัดนี้ ถ้ามันใช้อาวุธจริงนี่คนขนาดนั้นมันก็ยุ่งอยู่พอสมควร แต่ให้เป็นอาวุธเฮงซวยอะไรก็ตาม มันพิสูจน์ชัดว่ามันไม่มี และก็อดทนรอคอยได้ เพราะว่าอาจารย์ก็เคยพูดว่า “เวลาเป็นของประชาชน” และไม่มีคำว่า “การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของประชาชน” เพราะว่าประชาชนมันต้องสู้ไปเรื่อย ๆ มันเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนาน เพียงแต่ว่าเราทำการเมืองให้เป็นการเมืองในระบอบประชาธิปไตยได้ การต่อสู้ประชาชนก็จะไปต่อสู้เรื่องเศรษฐกิจ ต่อสู้เรื่องอาชีพ ต่อสู้เรื่องอื่นไปแบบในยุโรป แต่อันนี้เป็นการต่อสู้ทางอุดมการณ์การเมืองเป็นหลักก่อน ต้องแก้ปัญหานี้ก่อน


ถ้า worst-cast เป็นแบบพม่า ซึ่งอาจารย์คิดว่ามันเป็นการลงทุนที่รุนแรงเกินไป ครั้งที่แล้วต้องถือว่าเขาได้ทำอย่างเก่งมากที่เขาจะทำได้ และแม้กระทั่งตอนสุดท้ายเดี๋ยวนี้ถ้ารวมรัฐบาลได้ เขาก็ยังมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติเป็นอีกดาบหนึ่งนะที่คอยจัดการ เพราะคณะกรรมการมีนายพลเต็มไปหมดเลย แล้วต้องคอยตรวจสอบว่ารัฐบาลที่เกิดขึ้นทำตามแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติมั้ย แต่เวลาพวกเขาเป็นเองไม่ต้องตรวจ ไอ้ที่ทำ ๆ กันเนี่ย ไม่ต้องตรวจเลย แต่พอเวลาติ๊ต่างว่าได้เป็นรัฐบาลนะถึงที่สุดแล้ว มันยังมีดาบต่อ ๆ ไป แล้วก็มีการฟ้องร้อง มีนักร้อง มีองค์กรอิสระ คือมันมีอีกหลายดาบที่ให้เชือดสำหรับประชาชน ดังนั้นมันไม่ง่าย แต่ว่ามันคุ้มค่าตรงที่ว่า 70 กว่าเปอร์เซ็น บอกว่าไม่เอาแล้ว


ผู้ดำเนินรายการ : ซึ่งในนี้รวมคนเสื้อแดงด้วย


อ.ธิดา : แน่นอน ๆ รวมอยู่แล้วนะ คนเสื้อแดงนี่ก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะที่เราดูแล้วว่า ถ้าเราคิดว่าคนเสื้อแดง 40 กว่าขึ้นไป นี่คนยุคเก่านะ ความจริงนิยามคนเสื้อแดง คนรุ่นใหม่ก็อยู่ในนิยามนี้นะ แต่ว่าไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อแดง แต่ถ้าเอาคนเสื้อแดงรุ่นเก่าก็มันจะมีรุ่น Baby Boom กับรุ่น X ที่ว่ามันมีอยู่ประมาณ 50% ของคน ใน 50 กว่าเปอร์เซ็นนี้ส่วนหนึ่งอาจจะไปอนุรักษ์นิยมบ้าง 20% แล้วถ้ามาทางนี้ 30% นี่ลงตัวเลย ก็คือ Generation Z กับ Y มันก็ 40% บวก 30% จาก Generation Baby Boom เป็น 70% พั้วะเลย ลงตัวพอดีเลยว่า คนรุ่นใหม่บวกกับคนรุ่นกลางกับคนรุ่นเก่า 70% มันลงตัวตรงนี้


ดังนั้น ประชาชนมีอนาคต แต่มันขึ้นอยู่กับว่าฝั่งอนุรักษ์นิยมจะเอาแบบไหน ซึ่งเราไม่มีนาตาชา เราไม่มีสายสืบ เราไม่รู้ใช่มั้ยว่าเขาเตรียมในระดับขนาดไหน แต่ว่าขนาดที่เป็นอยู่อาจารย์ก็นึกไม่ถึงว่ามันจะ “หน้า...” ขนาดนี้ ที่จะกล้าทำขนาดนี้


ผู้ดำเนินรายการ : แต่ที่อาจารย์เสนอมาแสดงว่าอาจารย์มั่นใจว่าถ้าสมมุติใน worst-cast สุด ๆ ว่าเขาต้องการหัก 70% ที่เลือกส่วนนี้ ยังไงอาจารย์เชื่อว่าพี่น้องเสื้อแดงส่วนหนึ่งไม่ยอมแน่ ๆ


อ.ธิดา : ก็อยู่ใน 70% เนี่ย ใน 70% มีคนเสื้อแดง แต่เท่าไหร่ไม่รู้ คือถ้าเรามองว่าคนเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ในอดีตเคยใส่เสื้อแดง แต่เพียงมีจิตใจอุดมการณ์แบบเดียวกัน มันจะมีรุ่นนี้อยู่ 30% บวกกับคนรุ่นใหม่อีก 40% มัน 70% พอดีเลย เพราะฉะนั้น 70% นี้ อาจารย์เชื่อว่าสู้อยู่แล้ว แล้วยังจะมีพวกอายุไม่ถึง 18 ปีอีก อาจารย์เห็นวันก่อนเด็ก ๆ ก็ยังมาตะโกนเชียร์พรรคบางพรรคอยู่เลย อันนั้นประถมนะ ถ้าเรามองย้อนไปเหมือนสมัย 14ตุลา16 ก็คือรุ่นมัธยม อัน 70% นี้ 18 ปีขึ้นไปนะ อาจารย์เชื่อว่าครั้งนี้ถ้าขืนไม่อนุญาตให้พรรคฝ่ายค้านเดิมเป็นรัฐบาล อาจารย์จะไม่พูดว่าใครเป็นนายกฯ นะ มันเป็นเรื่องที่เขาต้องตกลงกัน ตอนนี้มันต้องผนึกกำลังกัน เพราะว่าเรามองฝ่าย เราไม่ได้มองพรรค ในฝ่ายเดียวกันมันต้องผนึกกำลังให้เข้มแข็ง ไม่ให้ใครมาล้วงดึงไป เพราะถ้าพังเนี่ย มันพังกันทั้งหมด ที่สำคัญก็คือประชาชน 70% จะไม่ยอม และอาจารย์เชื่อว่าเกิด เพราะว่าคนอายุต่ำกว่า 18 ปี ยิ่งแรงและมีมากอยู่จำนวนหนึ่งเหมือนกัน อาจจะไปถึง 80% เพราะฉะนั้นก็วัดกัน วัดใจกันว่าจะไปถึงไหน แต่ว่าเรารู้ฝั่งเรา แต่เราไม่รู้ฝั่งเขา


ผู้ดำเนินรายการ : คุณณัฐวุฒิล่ะมองยังไงว่าถ้ามันมีอะไรที่พิสดารไป จะออกมาขนาดไหน และต้องยอมรับว่าคนเสื้อแดงเองส่วนหนึ่งก็ฟังคุณณัฐวุฒิในฐานะอดีตแกนนำด้วย


ณัฐวุฒิ : ผมคิดว่าคนเสื้อแดงแม่นจำในเป้าหมายของสถานการณ์นี้ว่าต้องเอาอำนาจรัฐออกจากมือพล.อ.ประยุทธ์กับพวกให้ได้ นั่นหมายความว่าต้องมีรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยเกิดขึ้น เพราะกติกามันถูกเขียนและล็อคไว้เช่นนี้ ตราบเท่าที่ไม่มีรัฐบาลใหม่ รัฐบาลเก่าก็ไม่ไป สภาพที่มันจะเป็นอยู่คือพล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรี และใช้อำนาจได้เต็มมือนะครับ อย่าไปคิดว่าแกจะเขียม แกจะรู้จักอับจักอาย ไม่ใช่นะ แกประชุมครม.ทุกวันอังคาร การสั่งการโน่นนั่นนี่มันเกิดขึ้น เพียงแต่ว่าในห้วงเวลาที่กกต.ยังไม่รับรองส.ส. ในห้วงเวลาที่สภาฯ ยังไม่เปิด ก็อาจจะไม่ได้ดูเหมือนพยายามที่จะใช้อำนาจมาก ๆ แต่ผมฟันธงนะครับ ภายในเดือนสิงหาคม ถ้าตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยยังไม่ได้ เราจะเห็นรัฐบาลประยุทธ์ตั้งผบ.ทบ.คนใหม่ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการต่าง ๆ นานาสารพัด เพราะนี่คือสิ่งที่เขาเชื่อว่าเขาทำได้และอ้างความชอบธรรมตามตัวบทกฎหมายที่เขียนขึ้นเอง


ดังนั้น จะมีการออกมาต่อสู้ จะมีการออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ มันอาจจะมี แต่ผมว่าหลักคิดก็คือ ต้องเอาอำนาจรัฐออกจากมือพล.อ.ประยุทธ์เสียก่อน 8 พรรคนี่แหละครับตั้งรัฐบาลให้ได้ เอาพิธานี่แหละเป็นนายกรัฐมนตรี วิธีการมันต้องเป็นแบบนี้ ส่วนว่าถ้าส.ว.ไม่โหวตให้ ถ้าคะแนนเสียงมันไม่พอ ข้อเรียกร้องการกดดันทางสังคมมันก็อาจจะออกมาในรูปแบบของการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็เป็นได้ แต่ภายใต้เป้าหมายเดียวกันคือเปลี่ยนรัฐบาล


ผมยังไม่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์เตรียมจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยนะครับ ผมคิดว่าแกจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างเดียว คือเป็นอยู่แล้ว คือจะไปบอกว่าฝ่ายค้านเดิมรวมกันได้ 312 เสียง เสนอพิธา ฝ่ายรัฐบาล 188 เสียง เสนอประยุทธ์ ไม่ใช่! เขาไม่ต้องเสนอ ถ้าเสนอ วันนี้ ฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ นะครับ เพราะบวกส.ว. 250 แต่เขาจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเขาจะไม่ทำ เป็นรัฐบาลเสียงข้างเดียว แล้วถ้าบอกว่าส.ส. 312 คน เราจับมือกันเป็นฝ่ายค้าน ต้องอธิบายเหมือนกันนะว่าเป็นฝ่ายค้านของใคร ก็ในมือรัฐบาลที่อยู่เขาไม่ได้เกิดจากสภาฯ ปัจจุบัน ก็ครม.ประยุทธ์ไม่มีหน้าที่เข้าไปอธิบายอะไรกับสภาฯ ผมแลกเปลี่ยนมุมนี้กับนักกฎหมายหลาย ๆ ท่านแล้ว ทุกท่านก็ตอบผมไม่ได้ว่าถ้าฝ่ายประชาธิปไตยประกาศรวมตัวกันเป็นฝ่ายค้าน โดยประยุทธ์ก็ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง อยู่ไปแบบนี้ แล้วจะยังไง? นึกภาพไม่ออกนะครับ แต่ภาพที่ผมนึกออกก็คือเขาก็ใช้อำนาจบริหารไปเรื่อย ๆ ถามว่าแล้วถ้างบประมาณไม่ได้ผ่านสภาฯ ล่ะ ก็เอางบประมาณโครงสร้างปีที่แล้วมาใช้ไปพลางก่อน นี่มันเป็นแบบนี้


คำถามต่อมาก็คือว่า ถ้าอย่างงั้น ไม่เกิน 8-9 เดือน เมื่อส.ว.หมดอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ฝ่ายที่รวมกันได้ 312 เสียง ก็จะเป็นเสียงข้างมาก ตั้งนายกฯ ได้อยู่ดี ประชาชนจะรออีก 8-9 เดือน ได้หรือ? ก็เราไปพูดทุกเวทีหาเสียง (หมายถึงทุกพรรคนะครับ) ว่าอยู่กับประยุทธ์ต่ออีก 1 วันก็ไม่ไหวแล้ว แล้วนี่จะทิ้งประชาชนให้อยู่ต่ออีก 8-9 เดือน ผมว่าก็ไม่ใช่ ดังนั้น หลักก็คือต้องเอาใจช่วยคณะนี้แหละครับ ที่เขาจับมือรวมตัวกันอยู่เนี่ย ตั้งรัฐบาลให้ได้ แล้วก็ที่ผมฟัง ๆ ดูเนี่ย พรรคก้าวไกลในฐานะพรรคแกนนำเขาก็ทำงานอะไรไปเยอะนะ ไปพูดไปคุยกับส.ว. พยายามที่จะรวมเสียงสนับสนุน หลาย ๆ คนในพรรคก้าวไกลเขาก็ให้ข่าว เออ..มันดูดีขึ้น แนวโน้มมันเชื่อมั่นได้ มันตั้งความหวังได้ เอารอบนี้ก่อน


ประชาชนออกไปลงถนนวันนี้ มันจะสร้างความชอบธรรมในการใช้อำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ เพราะพล.อ.ประยุทธ์เป็นรัฐบาล แกก็จะอ้างว่าแกดูแลความสงบเรียบร้อย “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่” ดังนั้น ผมว่าคนเสื้อแดงอ่านเกมพวกนี้ออก แม้กระทั่งคนหนุ่มคนสาวเขาก็เข้าใจเรื่องพวกนี้ และผมหวังใจว่าบรรดาส.ว.ทั้งหลายก็ควรจะเข้าใจและยอมรับการตัดสินใจของประชาชนได้เสียที ไม่งั้นท่านยื้อกันไป ท่านดึงกันไป ท่านขวางกันไป ถึงจุดหนึ่งยุ่งแน่ แต่ว่าถ้าภายในเดือนสองเดือนนี้


ผู้ดำเนินรายการ : ใจเย็น ๆ ก่อน


ณัฐวุฒิ : ครับ


ผู้ดำเนินรายการ : ให้รอดูท่าทีก่อน


ณัฐวุฒิ : ใช่ครับ


ผู้ดำเนินรายการ : อันนี้บอกแนวหรือเปล่าครับ กำหนดแนวเลยใช่มั้ย


ณัฐวุฒิ : ไม่ได้กำหนดแนว เพียงแต่ความเห็นของผมเป็นอย่างนี้ว่า ถ้าหากว่าพี่ ๆ น้อง ๆ เราเดือดดาลไว ออกมาเคลื่อนไหวอะไรต่าง ๆ ประยุทธ์แกรออยู่ครับ อำนาจจะไหลเข้ามือพล.อ.ประยุทธ์เต็ม ๆ


ผู้ดำเนินรายการ : ประเมินมั้ยว่าต้องรอประมาณสักกี่เดือน


ณัฐวุฒิ : ผมว่าในสิงหาคมควรจะให้ตั้งรัฐบาลให้ได้ สิงหาคมนี้ควรจะเห็นพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วพิธากับพรรคก้าวไกลก็ต้องพิสูจน์ตัวเองในฐานะแกนนำรัฐบาลว่าทำงานแล้วจะบริหารประเทศเป็นอย่างไร พรรคเพื่อไทยถ้าอยากจะกลับมาเป็นที่หนึ่ง ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อประชาชนเช่นเดียวกัน มันควรเป็นแบบนี้ ดังนั้น การต่อสู้ของคนเสื้อแดงและประชาชนผู้รักประชาธิปไตยอื่น ๆ จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ มีโอกาสจะเกิดขึ้น แต่อาจจะไม่ไวนัก เพราะเขาอยากเห็นรัฐบาลใหม่ก่อน


รับชมคลิปได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=DSFNeiyukW8


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คนเสื้อแดง #จัดตั้งรัฐบาลประชาชน