ธิดา
ถาวรเศรษฐ : วันนี้อาจารย์ต้องการให้มีความสามัคคีของคนเสื้อแดงและรักษาศักดิ์ศรีไว้
วาระ10 มิ.ย.
66 ทำบุญให้ “ผู้ประสานงานคนเสื้อแดงและมิตรร่วมรบ”
ก่อนอื่นอาจารย์ก็ต้องขอขอบพระคุณทุกท่าน
โดยเฉพาะญาติมิตรของผู้เสียชีวิต หลายคนไม่ได้มีญาติมา เช่น คุณไม้หนึ่ง
แต่ก็มีเพื่อนสนิทมา เช่น คุณลูกตาลและคุณสมยศ หรือว่าอย่างคุณหมอสง่า คุณยศยิ่ง
ภรรยาก็ได้มาเอง หรือคุณภูชนะ ก็มีซีมา ต้อย บางพลัด ลูกสาวก็มา และอีกหลายคนที่ดิฉันไม่ได้เอ่ยชื่อ
ฉะนั้นก็ขอขอบคุณทุกคนและที่อาจารย์ไม่ได้เอ่ยชื่อทั้งหมดที่มาร่วมในงานนี้
และโดยเฉพาะพวกเราทุกคนที่มาในงานนี้ด้วย
คือในหนึ่งปี
เราจัดงานวันที่ 10 เมษา สำหรับวีรชน 10 เมษา เราจัดที่อนุสรณ์สถาน14ตุลา แล้วมาจัดวันที่ 19 พฤษภา ในงานวีรชนปี 53 เราจัดที่ราชประสงค์
ทั้งสองงานเป็นงานการเมืองที่เป็นภารกิจที่เราจะต้องทำ แต่วันที่ 10 มิถุนายน และในเดือนมิถุนายน เราตั้งความหวังว่าคนเสื้อแดง ผู้ปฏิบัติงาน
รวมทั้งผู้ที่ได้เสียสละชีวิต อย่างกรณี “ต้อย ลำลูกกา” เสียชีวิตหลังจากปี 53 ความเข้าใจคือความที่เป็นมะเร็งนั้นเนื่องมาจากโดนแก๊สน้ำตา
คนจำนวนมากหลังปี 53 ไม่ได้มีชื่อเป็นวีรชน
มาเสียชีวิตทีหลัง เพราะว่าโดนแก๊สน้ำตาตั้งแต่ตอนนั้น
หมายความว่าต่อไปนี้ในเดือนมิถุนายน
เราจะร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้วายชนม์ซึ่งไม่ได้เป็นวีรชนในสนามรบ
แต่ก็เป็นคนสำคัญเหมือนหนึ่งวีรชนในชีวิตหลังจากสนามรบใหญ่ปี 53
เราจะทำทุกปีได้ไหม? ดีไหม? เราจะมาร่วมกันไหม?
เราจะได้รำลึกว่าพวกเราที่อยู่ในสนามรบ เรายังรำลึกถึงกันอยู่ตลอดเวลา
เราจะไม่จากไปอย่างเดียวดาย เราจะไม่จากไปอย่างโดดเดี่ยว เราจะมีเพื่อนฝูงที่ไม่ทิ้งกัน
เราจะต้องสืบทอดภารกิจ
ดังนั้น
อาจารย์จึงตั้งคณะประชาชนทวงความยุติธรรมปี 53 ขึ้นมา เพื่อดำเนินการต่อ
คือทวงความยุติธรรมให้ได้ ไม่ใช่แต่ว่า สักแต่ว่าวันที่ 10 ก็ทำบุญทีหนึ่ง
19 ก็ทำบุญทีหนึ่ง ตอนนี้ 10 มิถุนา
เราก็ทำบุญทีหนึ่ง ไม่ใช่สักแต่ว่าทำบุญ แต่ภารกิจเรายังไม่จบ
ทั้งทวงความยุติธรรมให้คนที่ตายไปแล้ว
ทวงความยุติธรรมให้คนปัจจุบันที่กำลังถูกดำเนินการในสิ่งที่เขาใช้ศัพท์ว่า “นิติสงคราม”
นั่นแหละ ก็คือการใช้กฎหมาย ไม่ได้ใช่ลูกปืน แต่ว่าพวกเรามันเจอทั้งลูกปืน
เจอทั้งกฎหมาย เจอทั้งแก๊สน้ำตา
เจอทั้งโดนขู่ฆ่าแล้วก็ใส่ความว่าเป็นพวกควายแดงที่ไม่มีอุดมการณ์ ดังนั้นนี่คือภารกิจที่เราต้องดำเนินการต่อ
ไม่ใช่เฉพาะคนเสื้อแดง แต่เพื่อให้เด็ก ๆ เยาวชน
และคนข้างหน้าไม่ต้องถูกฆ่าตายเป็นหมากลางถนนไม่มีใครรับผิดชอบอีกต่อไป
นี่คือสิ่งที่เราต้องการ ไม่งั้นเราก็แค่จัดการทำบุญกันอย่างเดียว
แน่นอนเราหลายคนโรยรา
แต่ว่าอาจารย์อยากให้เดือนมิถุนายนเราได้มาทำบุญแล้วก็พบปะกัน
อย่างน้อยผู้ที่จากไปก็ให้มรณานุสติแก่พวกเรา และพวกเราก็จะได้คิดว่าเรามีเพื่อน
เรามีญาติ เรามีครอบครัวใหญ่ ครอบครัวนี้คือ “ครอบครัวคนเสื้อแดง” ครอบครัวคนเสื้อแดงนะ
ไม่ใช่ครอบครัวพรรคการเมือง คือมันไม่ได้ขัดแย้งกัน คุณจะเป็นครอบครัวสีแดงของพรรคการเมือง
หรือสีอื่นของพรรคการเมืองอื่น แต่ที่สำคัญคือเป็นครอบครัวคนเสื้อแดง
จะอยู่กลุ่มไหน พรรคไหน ขอให้อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้นอย่างเดียว
ไม่ต้องทะเลาะกัน ในที่สุดเราจะรู้ว่าเวลาเราตายไปจะมีเพื่อนเรามาทำบุญแม้นจะทะเลาะกัน
อยู่กันคนละพรรคกันก็ไม่เป็นไร เพราะคำว่า “ครอบครัวคนเสื้อแดง”
มันยิ่งใหญ่กว่าครอบครัวของพรรคการเมือง ไม่รู้พรรคถูกยุบเมื่อไหร่?
แต่ครอบครัวคนเสื้อแดงไม่มีใครยุบ
แล้วลูกหลานที่ดำเนินการต่อก็เป็นลูกหลานคนเสื้อแดงทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น
เราไม่มีความจำเป็นต้องถอดเสื้อแดงเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อสีอื่น นี่เป็นคำขอร้องของอาจารย์
เพราะคำว่าคนเสื้อแดงไม่ได้หมายถึงพรรคการเมือง
แต่หมายถึงอุดมการณ์ของฝ่ายประชาธิปไตย คำว่าฝ่าย ไม่ใช่พรรค
ฝ่ายประชาธิปไตยจะมีหลายพรรคก็ได้
ดังนั้น
ในวันนี้อาจารย์ต้องการให้มีความสามัคคีของคนเสื้อแดง
ซึ่งเป็นเสื้อแดงที่อยู่ในฝ่ายประชาธิปไตย คุณคิดว่าสุเทพ สนธิ(ลิ้ม) ใส่เสื้อแดง
เขาเป็นคนเสื้อแดงมั้ย? ไม่เป็น! แล้วคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นคนเสื้อแดง
แต่ว่าทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองและผลประโยชน์คณะตัวเอง เอาชื่อคนเสื้อแดงไปแลกกับเงินไม่กี่บาท
แล้วเสียศักดิ์ศรีของคนเสื้อแดง สมควรจะถูกห้ามปรามกันมั้ย?
หรือว่าเราบอกว่าขอฉันมั่งซิ พอได้มาทำไมไม่แบ่งให้ฉัน
รักษาศักดิ์ศรีนะเพราะว่าส่วนใหญ่เราแก่แล้ว ให้เป็นตัวอย่างที่ดีของเด็ก ๆ
ดังนั้น
เดือนมิถุนายนให้เป็นเดือนของการรำลึกผู้เสียชีวิตภายหลังสนามรบใหญ่ปี 53 เรามีเมษา,
พฤษภา สำหรับสนามปี 53 แต่ว่าคนเสื้อแดงทั้งหลาย
ผู้ประสานงาน ผู้เสียชีวิตทีหลังก็มีคุณค่าต่อสังคมไทยเช่นกัน
และเราเป็นครอบครัวใหญ่ที่เราต้องรักษาไว้ อาจารย์ฝากไว้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็น Fc พรรคไหน แต่คุณเป็นครอบครัวคนเสื้อแดง อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย
ขณะนี้ภารกิจยังไม่จบ เรายังไม่รู้ว่าจะตั้งรัฐบาลได้มั้ย
เลวที่สุดสิ่งที่จะเกิดขึ้นคืออะไร เลวที่สุดนะคือพม่าไง พม่าเป็นสถานการณ์ที่เลวที่สุดคือแบบพม่า
ล้มกระดานเลือกตั้งหมดเลย ดีที่สุดคือเขาตั้งรัฐบาลได้ แล้วสามารถดำเนินการได้
นี่คือดีที่สุด ไม่มีการตัดหัวของแคนดิเดตนายกฯ หรือว่าอะไรก็ตาม
หรือตัดแล้วตัดอีกตัดหลายที เพราะมันไม่มีการตาย มีหัวใจทุกที ตัดหัวหนึ่งก็มีหัวใหม่
นี่ก็ยังถือว่าเป็นภาพที่ดี แต่มันก็ไม่แน่ว่ามันจะดีสุดแบบนี้
หรือจะเลวสุดแบบพม่า
แต่ให้เตรียมใจ
เราอาจแก่แล้วก็จริง แต่อาจารย์เห็นหน้าพวกเราในสนามที่มีเยาวชนทั้งสิ้น
ดังนั้นให้เตรียมใจ อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่เตรียมใจไว้ว่าถึงแก่ก็ยังสู้มั้ย?
ถ้ามันเกิดกรณีเกือบจะเป็นพม่า มันอาจจะเป็นไทยกะเหรี่ยง สู้หรือเปล่า
ปกติอาจารย์ไม่ชอบคำนี้เลยเวลาขึ้นปราศรัยเขาถาม สู้/ไม่สู้
สู้มั้ย สู้มั้ย ถามทำไม? คนเสื้อแดงมันสู้อยู่แล้ว
แต่นี่มันหลายปีแล้วต้องถามหน่อย แก่แล้วก็ยังสู้มั้ย?
แต่ขอให้พวกเรามีความสุขทางใจว่าเรามีกันและกันอยู่เสมอ เราไม่ทิ้งกัน สมมุติวันหนึ่งเป็นวันที่อาจารย์ไม่อยู่
อาจารย์หวังว่าเดือนมิถุนายนจะเป็นเดือนที่รำลึกคนเสื้อแดง ทำได้มั้ย? นั่นแหละ
อาจารย์ก็ขอบคุณค่ะ แล้วก็ขอให้ทุกคนมีความสุข มีความอบอุ่นใจว่าคุณมีญาติ
มีเพื่อนที่ไม่ทิ้งกัน เพราะต่อสู้อย่างมีเหตุผลในสนามทุกรูปแบบ ทุกรูปแบบนะ
แต่ปกติคนเสื้อแดงนั้นเป็นคนที่รักสันติแล้วก็มีความสุข
อาจารย์ก็ขอให้ประเทศไทยมีสันติและมีความสุข มีนิสัยดี ๆ แบบคนเสื้อแดงนี่แหละ แต่ถ้ามันไม่ใช่
เราก็พร้อมที่จะสู้ทุกรูปแบบเหมือนกัน ขอบพระคุณมากค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คนเสื้อแดง #ครอบครัวคนเสื้อแดง #คปช53