วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

"P-Move, แรงงานยานภัณฑ์, ทะลุฟ้า” รวม 15 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหา สน.ดุสิต ฝ่าฝืนคำสั่งประกาศห้ามชุมชนในรัศมี 50 เมตร รอบทำเนียบรัฐบาล หลังออกมาเรียกร้องในประเด็นปัญหาของแต่ละเครือข่ายด้านประชาชนให้กำลังใจ เรียกร้องรัฐหยุด ‘ปิดปาก’ ด้วยคดี พ.ร.บ.ชุมนุมฯ

 


"P-Move, แรงงานยานภัณฑ์, ทะลุฟ้า” รวม 15 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหา สน.ดุสิต ฝ่าฝืนคำสั่งประกาศห้ามชุมชนในรัศมี 50 เมตร รอบทำเนียบรัฐบาล หลังออกมาเรียกร้องในประเด็นปัญหาของแต่ละเครือข่ายด้านประชาชนให้กำลังใจ เรียกร้องรัฐหยุด ‘ปิดปาก’ ด้วยคดี พ.ร.บ.ชุมนุมฯ


วันที่ 26 พ.ค. 2568 เวลา 09.00 น. ที่ สน.ดุสิต กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move), กลุ่มแรงงานยานภัณฑ์ และกลุ่มทะลุฟ้า จำนวน 15 คน เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในคดี พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ ซึ่งมีเหตุมาจากการชุมนุมพีมูฟทวงสิทธิ เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของประชาชน ในช่วงเดือน ต.ค. 2567 และการชุมนุมของแรงงานยานภัณฑ์ บริเวณทำเนียบรัฐบาล และเดือน เม.ย. 2568


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ สน.ดุสิต ประชาชนกว่า 50 คนเดินทางมาให้กำลังใจการรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ โดยบางส่วนเดินทางมาจากต่างจังหวัด ทั้งภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผู้ถูกออกหมายเรียกทยอยเดินทางมา สน.ดุสิต สำหรับคดีที่มีการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ได้แก่


1. เหตุเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2567 ในเวลากลางวัน มีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 5 คน ได้แก่ สมศักดิ์ บุญมาเลิศ, สินชัย รู้เพราะจีน, จรัสศรี จันทร์อ้าย, จำนงค์ หนูพันธ์ และธีรเนตร ไชสุวรรณ โดยมี พ.ต.ท.ชัยธัช เชียงทา (รอง ผกก. สืบสวนสอบสวน สน.ดุสิต) เป็นผู้กล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมฯ


2.เหตุเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2567 เวลาประมาณ 13.15 น. มีผู้ถูกกล่าวหา 1 คน คือ จำนงค์ หนูพันธ์ โดยมี พ.ต.ท.ชัยธัช เชียงทา (รอง ผกก. สืบสวนสอบสวน สน.ดุสิต) เป็นผู้กล่าวหาในฐานความผิด “เป็นผู้จัดให้มีการชุมนุมไม่ควบคุมการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบ และฝ่าฝืนคำสั่งประกาศ 50 เมตร รอบทำเนียบรัฐบาล” บริเวณถนนพิษณุโลก ติดทำเนียบรัฐบาล


3.เหตุเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2567 เวลาประมาณ 10.10 น. มีผู้ถูกกล่าวหา 1 คน ได้แก่ จำนงค์ หนูพันธ์ โดยมี พ.ต.ท.ชัยธัช เชียงทา (รอง ผกก. สืบสวนสอบสวน สน.ดุสิต) เป็นผู้กล่าวหาในฐานความผิด “เป็นผู้จัดให้มีการชุมนุมไม่ควบคุมการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบ และฝ่าฝืนคำสั่งประกาศ 50 เมตร รอบทำเนียบรัฐบาล” บริเวณถนนพิษณุโลก ติดทำเนียบรัฐบาล


4.เหตุเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2568 ช่วงเวลากลางวัน มี พ.ต.ท.สุรพันธ์ พันเปี่ยม (รอง ผกก. สืบสวนสอบสวน สน.ดุสิต) เป็นผู้กล่าวหา ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ซึ่งมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 11 คน


โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า (สชป.) และสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จำนวน 7 คน ได้แก่ จำนงค์ หนูพันธ์, พชร คำชำนาญ, นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, กัญญ์วรา หมื่นแก้ว, เกรียงไกร ชีช่วง และสมพร หารพรม กรณีชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อติดตามให้การแก้ไขปัญหาที่จะได้รับการบรรจุในวาระประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในประเด็นเกี่ยวกับการแก้กฎหมายป่าอนุรักษ์ และหยุดผลกระทบจาก พ.ร.ก.โครงการอนุรักษ์ในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า


อีกส่วนหนึ่งเป็นการชุมนุมของกลุ่มแรงงานยานภัณฑ์จำนวน 4 คน ได้แก่ วิรุต นามณี, สุริยะ ปะสาวะนัง, สุนทร บุญยอด และ ธัชพงษ์ แกดำ กรณีชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาลเรียกร้องเงินชดเชยหลังถูกยกเลิกการจ้างงาน


ก่อนจะมีการเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา มีการมอบดอกไม้สีขาวเพื่อให้กำลังใจแก่ผู้ถูกดำเนินคดี และอ่านแถลงการณ์ด้านหน้า สน. ดังนี้


แถลงการณ์ร่วมเครือข่ายภาคประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจาก พ.ร.บ.ชุมนุมฯ เรื่อง ประณามรัฐบาล 'แพทองธาร'

บังคับใช้กฎหมายปิดปากประชาชน


สืบเนื่องจากการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อกลุ่มผู้ชุมนุมผู้ต่อสู้เรื่องสิทธิในที่ดิน สิทธิแรงงาน รัฐสวัสดิการ และประชาธิปไตย รวม 15 คน จากการเคลื่อนไหวชุมนุมในช่วงเดือนตุลาคม 2567 และเดือนเมษายน 2568 โดยอ้างความผิดตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะพ.ศ. 2558 ทำให้วันนี้พวกเราได้นัดหมายกันมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน ณ สถานีตำรวจนครบาลดุสิตในวันนี้


เราจะเข้าไปรายงานตัว และยืนยันว่าเราคือผู้บริสุทธิ์ การชุมนุมเคลื่อนไหวของเราเป็นสิทธิเสรีภาพอันพึงมีที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชนสากล เราชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลอันเป็นศูนย์กลางอำนาจเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ให้สมกับที่เป็นรัฐบาลที่อ้างตัวว่ามาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ท่านควรจะรับฟังเสียงแห่งความทุกข์ร้อนของพวกเราและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพื่อบรรเทาความทุกข์ร้อนอันแสนสาหัส ให้เหมือนกับที่หาเสียงกับประชาชนไว้ในช่วงการเลือกตั้ง


และที่สำคัญเรามาที่นี่เพื่อประจานความล้มเหลวของรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อแพทองธาร ชินวัตร รัฐบาลไม่เคยสนใจใยดีที่แก้จะปัญหาของพี่น้องคนยากคนจน ไม่เคยรับฟังเสียงของพวกเรา เห็นได้จากการที่เรายังต้องออกมาชุมนุมเรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่รัฐบาลก็ปล่อยให้ตำรวจสามารถประกาศพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาลให้เป็นพื้นที่ห้ามชุมนุมได้โดยไม่คัดค้าน แล้วยังปล่อยปละละเลยจนพวกเราต้องถูกดำเนินคดี นี่หรือคือรัฐบาลเลือกตั้ง หรือท่านเป็นเพียงรัฐบาลหุ่นเชิดให้ฝ่ายเผด็จการและอนุรักษ์นิยมชักใยอยู่เบื้องหลัง ฉุดรั้งการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของสังคมไทยกันแน่ พี่น้องคนยากคนจนทั้งหลายจงดูไว้เถิด ว่านี่คือชะตากรรมของพวกเราภายใต้การนำของรัฐบาลชุดนี้ เขาไม่เคยเห็นหัวเรา ไม่เคยคิดอยากจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของเราให้ได้ลืมตาอ้าปาก มีเกรียรติ มีศักดิ์ศรี แบบที่เขาหลอกลวงเราตอนหาเสียง


เราขอเรียกร้องต่อรัฐบาลแพทองธารอีกครั้ง จงหยุดการบังคับใช้กฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพและปิดปากประชาชน สิ่งที่ท่านต้องทำขณะนี้คือการเดินหน้ายกเลิกคดีความอันไม่เป็นธรรม ทั้งปวงที่หน่วยงานรัฐและเอกชนกระทำต่อพี่น้องประชาชน เมื่อไม่มีปัญญาแก้ไขปัญหา ก็อย่าได้ซ้ำเติมปัญหา จงแสดงความกล้าหาญในการปกป้องพี่น้องประชาชนของท่านให้พ้นจากความทุกข์ทนและหลุดพ้นจากการคุกคามเช่นนี้เสียที


เราไม่เกรงกลัว และจะเข้าไปรายงานตัวเพื่อปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เราขอยืนหยัดเชื่อมั่นว่าการเคลื่อนไหวเรียกร้องของเราไม่ควรถูกยัดเยียดข้อหาประหนึ่งเป็นอาชญากร และขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนว่าหากการมีกฎหมายชุมนุมเป็นอุปสรรคต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ทำให้เราไม่สามารถติดตามการแก้ไขปัญหาหรือวิพากษ์วิจารณ์การทำงานอันล้มเหลวของรัฐบาลได้ เราจะยืนยันต่อสู้โดยการเดินหน้าประสานเชื่อมโยงเครือข่ายภาคประชาชนทั่วประเทศเพื่อรณรงค์ขับเคลื่อนให้ยกเลิก พ.ร.บ.ชุมนุมฯ อย่างถึงที่สุด


เชื่อมั่นและศรัทธาในพลังประชาชน

26 พฤษภาคม 2568

ณ สถานีตำรวจนครบาลดุสิต กรุงเทพมหานคร”


โดยระหว่างรอผู้ถูกดำเนินคดีเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาทั้งในช่วงเช้าและบ่าย มีประชาชนทยอยสลับกันขึ้นมากล่าวปราศรัยให้กำลังใจผู้ที่ถูกดำเนินคดี และพูดถึงปัญหาที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนจากการประกอบอาชีพ รวมไปถึงการถูกรัฐดำเนินคดีจากการออกมาเรียกร้องสิทธิ อีกทั้งมีการชูป้ายกระดาษเป็นข้อความ เช่น “ยกเลิกคดีปิดปาก”, “หยุดปิดปากประชาชน”, “ยกเลิก พ.ร.บ.ชุมนุม”, “ฟ้องชาวบ้าน ได้อะไร?” ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจผลัดเวรยืนสังเกตการณ์อยู่บริเวณหน้าประตู สน.


จากนั้นประชาชนร่วมถ่ายรูปที่บริเวณด้านหน้า สน. ก่อนที่จะแยกย้ายกันเดินทางกลับในเวลาประมาณ 16.50 น. สำหรับคดีที่ได้มีการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้มีกำหนดนัดส่งตัวให้อัยการในวันที่ 17 และ 18 มิ.ย. 2568


อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่ม P-Move เป็นการรวมตัวกันของเครือข่ายภาคประชาชน ซึ่งได้รับความเดือดร้อนได้รับผลกระทบจากกฎหมายและนโยบายของรัฐ ในด้านที่ดิน ที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย ได้ร่วมขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องกันมามากกว่า 10 ปี ได้มีการชุมนุมเรียกร้อง และเจรจาประชุมร่วมกับรัฐบาลมาหลายสมัย ซึ่งมีอีกหลายปัญหาที่ปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ไขได้


ส่วนกรณีการชุมนุมของกลุ่มแรงงานบริษัทยานภัณฑ์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์ ได้ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือแรงงานจำนวน 859 คน ที่ถูกลอยแพเลิกจ้างงานและไม่ได้รับค่าชดเชย รวมเป็นเงินประมาณ 250 ล้านบาท

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์