“ศุภโชติ” โต้มติ กพช. ยันลดค่าไฟต่ำกว่า 3.99 ได้
หากรัฐบาลกล้าทบทวนโครงสร้างพลังงานตามที่เคยหาเสียง
แนะยกเลิกโครงการรับซื้อไฟฟ้ารอบเก่าทั้งหมด เปิดประมูลใหม่เพื่อความเป็นธรรม
วันที่
8 พฤษภาคม 2568 ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ระบุถึงมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
ที่กำหนดให้ค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน–ธันวาคม 2568 อยู่ที่ 3.99
บาทต่อหน่วย และเน้นย้ำถึงการผลักดันพลังงานสะอาด
รวมถึงการส่งเสริมกลไกการซื้อขายไฟฟ้าแบบตรง (Direct PPA)
โดยศุภโชติกล่าวว่า
แม้มติ กพช. จะดูเป็นก้าวเล็กๆ ที่สร้างภาพว่ารัฐบาลใส่ใจประชาชน
แต่ในความเป็นจริง ค่าไฟฟ้าสามารถลดต่ำกว่าเป้าที่กำหนดได้
หากรัฐบาลมีความกล้าหาญและจริงใจพอที่จะดำเนินตามแนวนโยบายที่เคยหาเสียงไว้
“ถ้ารัฐบาลยึดหลักผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ไม่ใช่ผลประโยชน์ของกลุ่มทุน การกำหนดเป้าค่าไฟที่ 3.99 บาทต่อหน่วยก็ยังถือว่าแพงเกินจริง
เพราะยังมีต้นทุนแฝงในระบบที่สามารถตัดทิ้งได้ แต่กลับไม่ได้แตะต้องเลย”
ศุภโชติกล่าว
สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาชน ได้เสนอข้อเท็จจริงว่า หากรัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจังใน 3 ด้านสำคัญต่อไปนี้
ค่าไฟฟ้าจะลดลงได้ทันที (1) การทบทวนสัญญาซื้อไฟแบบ Adder
และ FiT ซึ่งที่ผ่านมาเปิดทางให้เอกชนบางรายได้รับผลประโยชน์ตอบแทนสูงเกินควรผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญญาในรูปแบบ Adder ที่มีราคาสูงกว่าต้นทุนในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
เอกชนที่สัมปทานผ่านสัญญาในรูปแบบนี้ก็คืนทุนไปหมดแล้ว
และที่สำคัญเป็นสัญญาที่ไม่มีวันหมดอายุ
รัฐบาลต้องใช้ความกล้าหาญในการริเริ่มกระบวนการเจรจาหาจุดสิ้นสุดของสัญญาให้เร็วที่สุด
(2)
การลดภาระจากสัญญารับซื้อระยะยาวที่ไม่เป็นธรรม
โดยเฉพาะค่าพร้อมจ่าย (Availability Payment หรือ AP)
และค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment หรือ EP)
ที่รัฐต้องจ่ายให้โรงไฟฟ้าเอกชนหลายรายแม้ไม่ได้จ่ายไฟเข้าระบบจริง
กลายเป็นภาระที่ประชาชนต้องแบกรับ และ (3) การปรับปรุงระบบบริหารจัดการไฟฟ้าให้สามารถเลือกใช้พลังงานจากแหล่งต้นทุนต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ถูกล็อกด้วยโครงสร้างที่ผูกขาดหรือขาดความโปร่งใส
“ทั้งหมดนี้เป็นมาตรการที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยใช้เป็นนโยบายหาเสียง
แต่จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนใด ๆ ในการดำเนินการ” ศุภโชติกล่าว
ศุภโชติ
ยังแสดงความเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลยอมปรับอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดรอบ 3,600 เมกะวัตต์ให้ถูกลงว่า
แม้เป็นสัญญาณที่ดี แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะยังมีบางโครงการจากการรับซื้อรอบแรก 5,200
เมกะวัตต์ ที่ยังไม่มีการลงนามสัญญา แทนที่จะเดินหน้าต่อ
รัฐบาลควรแสดงความโปร่งใสและยกเลิกกระบวนการทั้งหมด
แล้วเปิดให้มีการประมูลแข่งขันด้านราคากันใหม่
เพื่อให้ประชาชนได้ไฟฟ้าที่ราคายุติธรรม และลดภาระของรัฐในระยะยาว”
สุดท้าย
ศุภโชติเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการผลักดันกลไก Direct Power Purchase Agreement (Direct
PPA) ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ไม่ใช่เพียงการสั่ง “พิจารณา” หรือ
“ศึกษา” แบบไม่มีไทม์ไลน์ชัดเจน
เพราะกลไกนี้จะเปิดทางให้ผู้ประกอบการสามารถซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตพลังงานสะอาดได้โดยตรง
ส่งผลให้ต้นทุนไฟฟ้าลดลงอย่างแท้จริง และสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม