“ธิดา” มองคดีฮั้ว สว. หากไม่ดำเนินการถึงที่สุดอาจเกิดวิกฤติการเมืองครั้งใหญ่ เตือน “กองทัพ” อย่าทำรัฐประหาร มอง 13 มิ.ย. นี้ จุดเปลี่ยนการเมืองอยู่ที่ “ทักษิณ” เชื่อไม่มีการหนี บอกอย่ากลัวคุก เพราะลูกน้อง คนเสื้อแดง อดีตรัฐมนตรี ก็เคยติดคุก
วันที่ 19 พ.ค. 2568 นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้างาน'จากตากใบถึงราชประสงค์: ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม' ณ ห้องประชุมสัมมนา B1 – 2 ชั้น B1 อาคารสัปปายะสภาสถาน แยกเกียกกาย
โดยกล่าวถึงประเด็นนิติสงครามของพรรคการเมืองขั้วเดียวกันว่า เป็นหนึ่งในวิกฤติการเมืองของพรรคการเมือง แม้จะตั้งรัฐบาลร่วมกันแต่มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ เชื่อว่าความสัมพันธ์ทางการเมืองอยู่ในลักษณะแบบตบจูบ ไปจนถึงช่วงเวลาใกล้ครบเทอมและมีการเลือกตั้งใหม่ และโอกาสในการยุบสภาเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เพราะพรรคร่วมรัฐบาลต้องหาทางให้รัฐบาลอยู่นานที่สุด แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอาจกลายเป็นการต่อรอง
“ความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย เป็นความขัดแย้งที่เรียกว่าหนักอยู่ หรือหากคุณทักษิณมีปัญหากับขั้วฝั่งอนุรักษ์นิยม ความเป็นเอกภาพจะไม่มี แต่คนเกลียดนายทักษิณเยอะมาก เพราะฉะนั้นหมายความว่าแม้จะมีดีล แล้วก็ไม่จบ และเห็นว่านายทักษิณมีปัญหา เมื่อดีลไม่จบ ต้องกลับมารับโทษ โดยเสนอได้ว่านายทักษิณไม่ควรที่จะกลัวคุกมากจนเกินไป พร้อมฝากไปถึงนายทักษิณว่าหากต้องติดคุกอีก ทางที่ดีเข้าไปอยู่โรงพยาบาลสราชทัณฑ์ดีที่สุดได้รับทราบมาว่าคุณทักษิณจะไม่ยอมตายเหมือนนายปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกรัฐมนตรีที่เสียชีวิตในต่างประเทศ เชื่อว่า เรื่องของนายทักษิณจะแยกกับเรื่องของรัฐบาล ที่มีเรื่องฮั้ว สว. เพราะฉะนั้นประเด็นเรื่องพรรคสีน้ำเงิน ฮั้ว สว. กับประเด็นเสื้อแดง กรณีนายทักษิณ มีความรุนแรงทั้งคู่ จึงแนะนำนายทักษิณในฐานะที่รู้จักกันมาว่าให้เข้าคุกเหมือนกับคนอื่นดีที่สุด จะเป็นทางที่นายทักษิณจะอยู่รอดได้” อ.ธิดากล่าว
ส่วนกรณีฮั้ว สว.เป็นเรื่อง ที่คนในสังคมรับไม่ได้ อ.ธิดาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าเพื่อเอาคนผิดรับโทษให้ได้ พร้อมกันนี้ส่งคำเตือนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าที่แล้วมามีความผิดพลาดเยอะ แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องที่รุนแรงมาก จึงขอให้ดำเนินการคดีฮั้ว สว. อย่างถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นประเทศจะไม่มีความหวัง หากพรรคเพื่อไทยต้องการพิทักษ์นายทักษิณจนมากเกินไป ส่วนกรณีพรรคสีน้ำเงินเรื่อง ฮั้ว สว. หากการดำเนินคดีเป็นไปอย่างถึงที่สุด เชื่อว่าประเทศชาติจะจะถึงวิกฤติการเมืองครั้งใหญ่ โดยไม่ต้องการให้เห็นการเปิดทางให้ทำรัฐประหาร ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งที่เชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้
เมื่อถามว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนการบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ในวันที่ 13 มิ.ย. นางธิดา กล่าวว่า มีบางคนแนะนำนายทักษิณว่า ไม่ควรไป เพราะอาจจะถูกจับกุม แต่ก็ถือเป็นเรื่องการตัดสินส่วนตัวของนายทักษิณ ซึ่งหากศาลมีการพิพากษาให้จำคุกต้องรับโทษใหม่ ก็อยากให้นายทักษิณ เปลี่ยนความคิด เพราะคนเสื้อแดง หรือเยาวชนที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ติดคุกมากมาย และต้องโทษตามคดีอาญามาตรา 112 และถ้านายทักษิณ ยอมรับการเข้าไปในเรือนจำเหมือนประชาชน ทุกอย่างจะคลี่คลาย จะดีทั้งต่อนายทักษิณ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และดีงามต่อประเทศชาติ มีอนาคตทันที แต่หากนายทักษิณไม่อยากติดคุก และมีการต่อรอง เชื่อว่า ปัญหาจะขยาย เพราะ 1 ปีที่ผ่านมา ปัญหาก็ขยายมาแล้ว
“หากนายทักษิณทำใจได้ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็สามารถดูแลได้ เพราะลูกน้องนายทักษิณ อดีตรัฐมนตรี ก็ติดคุก และติดโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์ก็สามารถดูแลได้ หากอาการหนักก็ค่อยไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ใช่ไปรักษาโรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่ต้นจนเป็นปัญหา” อ.ธิดา กล่าว
เมื่อถามว่าวันที่ 13 มิ.ย.จะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองหรือไม่ อ.ธิดา กล่าวว่า อยู่ที่นายทักษิณ แต่สถานการณ์แนวโน้ม ไม่น่าจะดีต่อนายทักษิณเท่าไรนัก จึงแนะนำให้นายทักษิณติดคุก เพราะหลาย ๆ คนก็ติดมาแล้ว และขออย่าใช้อภิสิทธิ์ เหมือนลูกน้องนายทักษิณ และตนเชื่อว่า นายทักษิณ จะพยายามดีลอย่างถึงที่สุด แต่ 10 ปีที่ผ่านมา นายทักษิณ ก็ถูกหลอกมาเยอะเช่นกัน
อ.ธิดายังกล่าวถึงเกมทางการเมืองที่ขั้วพรรคการเมืองต้องการตัดอำนาจทางการเมืองของคู่แข่ง โดยเฉพาะอำนาจสภาสูง วุฒิสภาในการให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระว่า เป็นการแบ่งผลประโยชน์ต่อรองทางการเมือง แต่ในนามประชาชนไม่ว่าใครจะดำเนินการฮั้ว สว. ไม่ว่าจะเป็นสีแดงและสีน้ำเงิน ยอมรับไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคการเมือง แต่เกี่ยวกับหลักการ เพราะสะท้อนว่าหากทำเช่นนี้ได้หมายถึงการซื้อประเทศไทยไปแล้ว ได้เงิน 500 ล้านบาท เพราะเป็นที่มาขององค์กรอิสระ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และหากเกิดรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง ประเทศไทยอาจจะอยู่ในภาวะ Fail stage หรือรัฐล้มเหลว และเตือนไปยังกองทัพว่าจะทำรัฐประหาร ซึ่งหากมีการทำรัฐประหารอีกครั้งก็จะถือเป็นการทำลายชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ พร้อมกันนี้นางธิดายังเตือนพรรคการเมืองที่กำลังห้ำหันด้วยผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว ว่าต้องถอยคนละก้าว ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก
“คิดว่ามาถึงจุดสำคัญเรื่องของผลประโยชน์ของทั้งสองพรรค ดิฉันไม่สนใจ ประชาชนกำลังจับตาดูอยู่ แต่ที่สนใจคืออย่าสร้างวิกฤติการเมืองเพื่อที่จะทำให้เกิดความชอบธรรมของการทำรัฐประหารรอบใหม่” นางธิดากล่าว
|