[ถอดเทป] อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : สัมมนาวิชาการ
"จากตากใบถึงราชประสงค์ :
ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม"
ในงาน
“จากตากใบถึงราชประสงค์ : ความยุติธรรมที่ไม่ควรมีวันหมดอายุ"
จัดโดยคณะกรรมาธิการการกฎหมาย
การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน
ณ
ห้องประชุมสัมมนา B1
– 2 ชั้น B1 อาคารสัปปายะสภาสถาน แยกเกียกกาย
สวัสดีค่ะ
ดิฉันก็ต้องขอขอบพระคุณคณะกรรมาธิการฯ ที่จัดงานวันนี้ขึ้น
แต่ว่าจะฉุกละหุกสำหรับพวกเรานิดหน่อยเพราะว่าตอนเย็นเรามีงานที่ราชประสงค์
ก็ขอเชิญชวนทุกท่านที่นี่นะคะ รวมทั้งผู้ชมทางบ้านด้วย
วันนี้ดิฉันก็มีความยินดีที่ว่าชื่องาน
“จากตากใบถึงราชประสงค์ :
ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม” เป็นชื่อที่ตั้งได้ดีมาก
และเมื่อรู้วัตถุประสงค์ว่าจะดำเนินการในการที่จะมีกฎหมายที่ไม่ต้องคำนึงถึงอายุความ
อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับประชาชน สำหรับประเทศ
เพราะฉะนั้นดิฉันก็ยินดีที่มีการจัดงานวันนี้ขึ้น
ดิฉันจะพูดแทนญาติที่ไม่ได้มาในวันนี้ทั้งหมด
คือญาติในวันที่ 10 เมษา เป็นญาติของผู้ชุมนุม แต่วันที่ 13-19 พฤษภา
ส่วนใหญ่จะเป็นญาติของประชาชนทั่วไป ซึ่งเดี๋ยวดิฉันจะได้เล่าให้ฟัง
แล้วก็มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ดิฉันอยากให้หลายคน
(วันนี้มีติดมากับทีมงานจำนวนหนึ่ง) เป็นหนังสือของทหารเขียนเองด้วยความภาคภูมิใจในการกระชับพื้นที่
เขียน 2 บทเลยนะ ยุทธการกระชับวงล้อมและหัวข้อว่าด้วย IO
ในสงครามครั้งนั้นเขาเรียกว่าสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ
ใช้อาวุธและเครื่องมือทุกอย่าง กระทั่งรถเกราะ สไนเปอร์ อะไรต่าง ๆ เหล่านี้
เพราะฉะนั้นเป็นความภาคภูมิใจ
เขาเขียนเอาไว้เพื่อที่ว่าจะได้เป็นตำราว่าเจ้าหน้าที่รัฐปราบประชาชนแล้วได้ผลอย่างไร
น่าอดสูมากสำหรับดิฉัน แล้วก็มีนายพลทหาร พลเอก อดุล อุบล
ก็ได้พูดเอาไว้ว่าคือเรียกปฏิบัติการนี้ว่า “รุมยิงนกในกรง”
ก็คือนกมันถูกปิดล้อมหมดแล้ว กระชับพื้นที่แล้ว แล้วมารุมยิงเอาดื้อ ๆ นั่นแหละ
และส่วนมากที่เสียชีวิตเป็นประชาชนรอบนอก เช่น ราชปรารภ,
ดินแดง, พระราม 4, บ่อนไก่ ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นต้น
ก็อาจจะไปดาวน์โหลดได้ แต่ว่าดิฉันจะมอบไว้ให้จำนวนหนึ่ง (วารสารเสนาธิปัตย์ ปีที่
59 ฉบับที่ 3 กันยายน - ธันวาคม 2553)
ขอพูดแทนญาติที่ไม่ได้มานะคะ
หลายคนอาจจะบอกว่า เฮ้ย! ได้เงินไปแล้ว 7 ล้านกว่า ยังจะมาทวงอะไร?
ดิฉันว่าก็ไปถามคนที่พูดนั่นแหละ ลองเอาพ่อแม่ตัวเองหรือลูกตัวเองตายแลกกับเงิน 7
ล้าน เอามั้ย? มันเป็นคำพูดของคนที่ไม่ต้องการรับผิดชอบ
เอาเงินฟาดหัว! แต่นี่มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของประชาชนของประเทศ
เขาไม่ควรจะถูกเหยียบย่ำเกียรติยศศักดิ์ศรีถึงขนาดนั้น
เพราะฉะนั้นอันนี้ก็พูดแทนเขาว่า แน่นอนเขาได้รับเงินไปจำนวนหนึ่ง
แต่ว่าคนส่วนใหญ่ ประชาชนที่เสียชีวิตนั้นเป็นมวลชนชั้นล่าง เป็นคนจนเมือง
และก็เป็นคนจนในชนบท
ลักษณะพิเศษของคนเสื้อแดงก็คือ
คนส่วนมากเป็นมวลชนกลาง-ล่าง เป็นมวลชนพื้นฐาน เป็นคนจนเมืองกับคนจนในชนบท เพราะฉะนั้น “เงิน”
เขาก็ต้องไปแจกลูก แจกหลาน แจกญาติ อะไรต่าง ๆ แล้ววิกฤตเศรษฐกิจที่มีอยู่ตลอด
คือทุกวันนี้ก็ยังลำบาก แต่ว่าสิ่งที่ยิ่งกว่าเงินก็คือเกียรติยศศักดิ์ศรีว่า
เขาตายในฐานะประชาชนผู้รักประชาธิปไตย สู้กับเผด็จการ ไม่ใช่ควายแดง
ไม่ใช่ควายที่อยู่ในคอก อันนี้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องกู้เกียรติยศของเขา
ดิฉันก็พูดแทนระดับหนึ่งนะคะว่าเขาส่วนหนึ่งก็ป่วย แล้วก็วันนี้ก็เป็นวันจัดงาน
ก็มีการจัดงานกันหลายที่ จึงมาไม่ได้ ทีนี้เราเข้าสู่ประเด็นปัญหาเลยดีมั้ย?
ขอสไลด์ที่
1 เลยนะคะ เรามาเริ่มต้นเพื่อมีความเชื่อมโยงอย่างที่ท่านได้พูดกัน
ปัญหาของ “ตากใบ” กับปัญหา “คนเสื้อแดง” มีความร่วมกัน
และแม้กระทั่งเยาวชนที่ขณะนี้เหมือนถูกจับนกใส่กรง
คนเสื้อแดงก็คือเป็นนกที่ถูกรุมยิง เป็นนกในกรงแล้วนะ ถูกล้อมแล้ว
แล้วก็ใช้พลซุ่มยิงบ้าง ยิงตรงบ้าง แต่ส่วนใหญ่ถูกกระสุนจากอกขึ้นไปถึงหัว
ยิงหัวมากที่สุด เพราะฉะนั้นเรามาพูดถึงสาเหตุ จุดร่วมกันคืออะไร
จุดร่วมกันก็คือปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ถามว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น ทำไมเราจะอยู่กันดี
ๆ ไม่ต้องมาฆ่ากัน ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐมาทำอย่างนี้ จุดร่วมกันของเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์
ไม่ว่าจะเป็นตากใบ ไม่ว่าจะเป็นถีบลงเขาเผาลงถัง
ตากใบมีปัญหาชนชาติเข้ามาประกอบด้วย แต่เหนือกว่าปัญหาชนชาติคือปัญหาชนชั้นผู้ปกครองที่กระทำกับผู้ถูกปกครอง
เพราะฉะนั้น
ปัญหามันอยู่ที่ว่าคนเห็นต่างในประเทศนี้
ถ้ามีการขับเคลื่อนซึ่งจะทำให้มีปัญหาต่อความมั่นคงของชนชั้นนำผู้ปกครองตัวจริงแล้ว
(ดิฉันเน้นคำว่าตัวจริงด้วยนะ) เขาถือว่าเป็นภยันตราย
เมื่อถือว่าเป็นภยันตรายก็จะต้องมีการจัดการโดยรูปแบบต่าง ๆ ปัจจุบันอาจจะเป็นการใช้กฎหมาย
แต่ว่าในอดีตอย่างคนเสื้อแดงใช้อาวุธเลย ดิฉันมีแกนนำเสื้อแดงที่เป็นคนสามจังหวัดภาคใต้
ดิฉันเองเคยไปขึ้นเวทีที่เจาะไอร้องแล้วด้วยนะ ตอนนั้นคุณทวี สอดส่อง เป็นเลขา
ศอ.บต. อยู่ ตอนแรกบอกว่าไปได้ พอตอนหลังบอกไปไม่ได้ ดิฉันบอก รับปากประชาชนแล้วดิฉันไม่ผิดคำพูด
นายกฯ อาจจะผิดคำพูดได้ แต่ประธานนปช.ผิดคำพูดกับคนเสื้อแดงไม่ได้
ก็เลยไปยืนพูดบนเวทีเจาะไอร้องเลย ฝ่ายความมั่นคงก็ตกใจกันใหญ่ เขาก็กลัวกัน
แต่ว่าไม่มีปัญหา ก็เป็นการร้องรำทำเพลง ก็สนุกสนานอย่างดี
แกนนำเสื้อแดงเขาไปพูดกับประชาชนว่า
พี่น้อง คนบ้านเราเขาจะฆ่าเขาจะยิงกันเขาแอบกันนะ
แต่คนเสื้อแดงยิงกันกลางถนนเปิดหน้าเลย ตามถนน บนรางรถไฟฟ้า หรือว่าเป็นพลซุ่มยิง
แล้วก็เดินหน้าเลย มันยิ่งกว่าในสามจังหวัดชายแดนใต้อีก
แล้วในกรณีถีบลงเขาเผาลงถังก็เช่นกัน ดังนั้นจุดร่วมกันของทั้งหมด
รวมทั้งปัญหาเยาวชนของปัจจุบันซึ่งอาจจะไม่ได้ใช้อาวุธ แต่ว่าใช้กฎหมายเป็นอาวุธ
จับนกเข้ากรง ไม่ได้ยิงนกในกรง เพราะฉะนั้นเหนือสิ่งอื่นใดก็คือว่า
การขับเคลื่อนที่ทำให้ความมั่นคงของเจ้าของอำนาจรัฐจริงซึ่งเป็นชนชั้นนำต้องกระทบกระเทือน
บวกกับปัญหาชนชาติด้วย อันนั้น 2 ชั้น ถ้าสามจังหวัดนี้ 2 ชั้น แต่ถ้าทั่วประเทศนี่ก็เฉพาะอันนี้เป็นเรื่องใหญ่
นี่คือสาเหตุของปัญหา
ก็คือ คนที่เห็นต่างไม่มีสิทธิเสรีภาพ และประเทศนี้ไม่มีความเท่าเทียม
สิทธิเสรีภาพอาจจะเขียนในรัฐธรรมนูญเขียนให้มากขึ้นได้ แต่ความเท่าเทียมไม่เคยมีในประเทศไทยจนถึงบัดนี้
เมื่อความเท่าเทียมไม่เคยมีในประเทศไทยจนถึงบัดนี้ เพราะฉะนั้น ความเท่าเทียมทางกฎหมายมันก็เป็นไปไม่ได้
แล้วอีกอย่างหนึ่ง การทำรัฐประหารในประเทศนี้ได้การรับรองโดยใคร? โดย “ตุลาการ”
ว่าได้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ดังนั้น อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ยามที่มีการทำรัฐประหาร
ยกตัวอย่างใน 2 ทศวรรษหลัง และโดยเฉพาะตอนสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นคดีตากใบ คดีคนเสื้อแดงถูกแช่แข็งหมด
แล้วคดีที่ว่าเราฟ้องร้อง/ผู้เสียหายฟ้องร้อง ถูกแช่แข็ง
เดี๋ยวดิฉันจะบอกว่าถูกแช่แข็งขนาดไหน แต่ว่ามีการจับชายชุดดำมาโชว์
ซึ่งกลายเป็นเรื่องเท็จทั้งหมด ผ่านมาบัดนี้ 15 ปี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันแสดงให้เห็นว่าเราไม่มีชายชุดดำ
เราไม่ใช่พวกเผาบ้านเผาเมือง กระทั่งไม่ใช่พวกล้มเจ้าด้วย
เพราะว่าผังล้มเจ้าก็เป็นเรื่องโกหกเหลวไหลทั้งสิ้น เขายอมรับ
แต่มันเป็นปฏิบัติการ IO ที่เขาต้องทำ คือทั้งหมดนี้เพื่อความมั่นคง
ก็เลยอยากจะพูดว่า
ถ้าเราพูดถึงความยุติธรรม ความยุติธรรมของเราหมายถึงความยุติธรรมของประชาชน
ไม่ใช่ความยุติธรรมของผู้ปกครอง และเมื่อเราไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยจริง
ดังนั้น เราจะสามารถมีความยุติธรรมได้เท่าที่เขาอนุญาต
หรือมิฉะนั้นก็หนีไปดื้อ ๆ แบบกรณีตากใบ ก็ต้องรู้เห็นเป็นใจด้วยกันถึงหนีไปได้
และไม่เคยทำให้ประชาชนรับรู้ว่าสามารถฟ้องร้องได้ จนกระทั่งตากใบหมดอายุความ
แต่ทั้งหมดมันมาจากทฤษฎีความมั่นคงของชนชั้นนำเท่านั้น
แทนที่จะคิดว่าความเห็นต่างมันจะพัฒนา ดิฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์นะ
ดิฉันเชื่อทฤษฎีของชาลส์ ดาร์วิน
สัตว์โลกที่ดำรงอยู่ต้องเป็นสัตว์โลกที่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้
ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงแล้วคุณไม่ยอมปรับตัว (ดิฉันพูดถึงพวกที่พิทักษ์ความมั่นคง)
ถ้าพวกคุณไม่ยอมปรับตัว อย่างไดโนเสาร์ก็ยังกลายเป็นจิ้งจกหรืออะไรได้เหมือนกัน
อันนี้ฝากไว้
สรุปว่าความยุติธรรมก็เป็นเรื่องของผู้ปกครองที่อนุญาต
แล้วสำหรับเรามันก็เป็นหัวอกเดียวกัน ก็คือประชาชนทั้งที่นี่ ทั้งที่เสียชีวิต
และที่ฟังอยู่ทางบ้าน ในฐานะผู้ถูกปกครอง
พึงสังวรไว้ด้วยว่าคุณจะได้ความยุติธรรมเท่าที่เขาอนุญาตเท่านั้น
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามสไลด์นี้
อันนี้ที่เรารวบรวมที่มีหลักฐาน จริง ๆ เสียชีวิต 99 ราย แต่ที่เรารวบรวมได้
95 ราย สิ่งหนึ่งซึ่งดิฉันอยากจะเรียนไว้ก็คือ
การตายที่ผิดปกติ ป.วิอาญา มาตรา 150 วรรค 3 จะต้องชันสูตรพลิกศพโดยมีทั้งอัยการ มีทั้งฝ่ายปกครอง มีทั้งหมอ
แล้วก็มีทั้งพนักงานสอบสวน อันนี้เป็นการตายที่ผิดปกติ ถามว่า 99 ศพ 95 ศพ ตายผิดปกติทั้งหมด ใช่หรือเปล่า?
มันไม่ได้ป่วยตาย มันก็เป็นการตายที่ผิดปกติทั้งหมด
ดังนั้นหมายความว่าทุกศพต้องทำการชันสูตรไต่สวนโดยมี 4 ฝ่าย
ปรากฏว่าทำไปจริง ๆ 32 ราย แล้วอัยการก็ต้องเอาส่งศาล
ดิฉันไม่แน่ใจว่าตากใบเขามีการชันสูตรพลิกศพไต่สวนฟ้องร้องหรือเปล่า?
จุดปฐมบทมันต้องเป็นอย่างนี้ (ดูสไลด์ประกอบ)
อันนี้กำลังลำดับให้เห็นว่าก่อนหน้ารัฐประหารคดีมันคืบคลานมา
ก็คือเราสามารถทำชันสูตรไต่สวนพลิกศพไปได้ 32 ราย
แล้วในขณะเดียวกันก็เริ่มฟ้องร้อง ฟ้องร้องจาก 32 รายก็เลือกขึ้นศาล
เพราะไต่สวนชันสูตรพลิกศพศาลบอกตรง ๆ เลยว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร 17 ราย แล้วก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน มีบางอันก็บอกว่ามาจากฝั่งทหาร ที่จริงรู้ตัว
กับไม่รู้ตัว ที่น่าสังเกตก็คือชันสูตรไต่สวนพลิกศพ พอหลังจากการทำรัฐประหาร
ตายที่เดียวกันนะ เวลาเดียวกันนะ หลังรัฐประหารไม่รู้กระสุนมาจากไหน
กลายเป็นอย่างนั้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น (ดูสไลด์ประกอบ)
ปรากฏว่ามันน่าแปลก
ดีเอสไอ ปรากฎว่าพอหลังรัฐประหารหยุดหมด ดิฉันเข้าใจ แล้วกองคดีเสื้อแดงก็ถูกยุบ
แล้วก็อธิบดีดีเอสไอขณะนั้นถูกฟ้องติดคุกเพิ่งออกมามั้ง คุณธาริต เพ็งดิษฐ์
และคุณธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นคนบอกชัดเจนเลยว่าเขาคือพยานที่จะบอกว่าการทำรัฐประหาร 57
เพื่อกลบและหยุดยั้งคดีคนเสื้อแดงซึ่งมันกำลังจะไต่ไปถึงตัวผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติ
เหมือนกับ 6ตุลา19 พอเอาคดีขึ้นศาล 6ตุลา19 นะ พอขึ้นศาลคนมาเต็มไปหมด
แล้วปรากฏว่าพอมันเริ่มมาให้การ เริ่มเข้าถึงตัว ก็ใช้การนิรโทษฯ เพราะฉะนั้น 6ตุลา19 ก็ได้แต่รำลึก แต่เอาผิดไม่ได้ 14ตุลา16, 6ตุลา19, พฤษภา35,
นิรโทษฯ สองฝ่ายหมด แต่ในคดีสามจังหวัดภาคใต้ คดีตากใบ
หรือว่าคดีคนเสื้อแดง ไม่มีการนิรโทษฯ กะว่าเอาตายแน่ ไม่จำเป็นต้องนิรโทษฯ
แต่ว่าพอมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งปี
54 คือคนเสื้อแดงเปลี่ยนจากการถูกกระทำด้วยอาวุธ ก็เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยตอนนั้นก็ได้คะแนนถล่มทลาย
เพราะว่ามันก็เป็นการต่อสู้อีกวิธีหนึ่งเหมือนกันในเวลานั้น
แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงเวลาปี 54
คดีมันคืบมาเป็นลำดับดังที่ดิฉันได้บอกว่ามีคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพ 32 ราย แล้วก็ไม่ได้ชันสูตรพลิกศพ 63 ราย
อันนี้อาจจะต่างจากดีเอสไอนิดหน่อย แต่ดิฉันอยากจะเรียนว่า
กระทั่งทหารที่ตายตรงถนนดินสอ 5 ศพ ไม่อยากรู้เหรอว่าใครฆ่า?
ไม่ทำ! ไต่สวนชันสูตรพลิกศพก็ไม่ทำ หรือว่ากลัวอะไร?
เรามีรางวัลให้เลยนะ ถ้าสามารถหาตัวคน เพราะตอนนั้นก็มีการ IO เอาเรื่องชายชุดดำ
แต่จากการชันสูตรพลิกศพในวันที่
10เมษา ดิฉันอยากจะเรียนว่า พอดีมีลูกชายที่เป็นหมอเข้าไปร่วมอยู่ด้วย
คนที่เสียชีวิตทั้งหมดที่อ้างว่ามีชายชุดดำถืออาก้านะ แล้วทำท่ายิงกราด
แล้วเห็นเป็นสาดกระสุน ไม่มีใครตายด้วยกระสุนอาก้าสักรายนะ
มีแต่ตายด้วยกระสุนนาโต้ ก็คือ 5x6 มิลลิเมตร ก็เป็นปืน M16 ทั้งหมดและทราโว่ แล้วตอนแรกรัฐบาลก็บอกว่าทหารน่าจะตายด้วย M79 เพราะว่าคนเสื้อแดงคงยิง เพราะมันยิงโด่ง แต่สุดท้ายที่สุดก็รู้ว่ามันคือ
M67 ระเบิดขว้าง ถ้าขว้าง ถามว่ามันจะไปได้กี่เมตร?
เพราะฉะนั้นต้องอยู่ในรัศมีประมาณ 20 ไม่เกิน 30 เมตร แต่ปรากฏว่าเขาไม่ได้ทำชันสูตรพลิกศพ (คนเสื้อแดงไม่สามารถเข้าใกล้ขนาดนั้น)
สไลด์นี้ของดีเอสไอ
ใครอยู่ดีเอสไอ ฟ้องหน่อยว่า กองคดีความมั่นคงนะ รายงานว่ามีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ
31 ศพ แต่ว่า 31 ศพ
ของดีเอสไอรายงานว่ากระสุนมาจากทหารทั้งหมดนะ (ข้อมูลผิด) อาจารย์ธิดามองแล้วก็ยิ้มนะ
ที่จริงไม่ใช่ แต่ขนาดว่าวิถีกระสุนมาจากทหารทั้งหมดนะ ก็ยังมีการยกฟ้อง
อันที่ว่ามีการไต่สวนไปแล้วนะ
สรุปก็คือว่า
ถ้าอำนาจรัฐที่เมินเฉยหลังจากการทำรัฐประหาร
อาจารย์ก็จะยืนยันเช่นเดียวกับคุณธาริตว่า การทำรัฐประหารปี 57 นั้น
ส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือคดีเริ่มเข้าถึงตัว แล้วตัวอาจารย์เองก็ไปต่างประเทศ
ไปศาลอาญาระหว่างประเทศตั้งแต่ปี 2555 แล้วอัยการสูงสุด
คุณฟาตู เบนซูดา ก็มาเมืองไทยใน 1 พฤศจิกายน
มาขอร้องให้พรรคเพื่อไทยตอนนั้น อนุญาตให้เขาเข้ามาสืบสวนสอบสวน
คือศาลอาญาระหว่างประเทศ กว่าจะให้เขายอมรับไม่ใช่ง่ายนะ
เพราะว่าเราเสียชีวิตประมาณ 100 ศพ แต่คดีอื่น ๆ
เขาเสียชีวิตเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ
แต่เราก็พยายามจะบอกว่านี่มันคือเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก มันเหมือนฆาตกรต่อเนื่อง
แล้วมันจะทำให้ประเทศนี้เสียหายมาก
คือคุณทำซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยความย่ามใจว่าคุณทำแล้วพ้นผิดลอยนวล
ถ้าทำแล้วพ้นผิดลอยนวลเขาก็ทำอีก นี่ไม่อีกกี่วันลองแดง/น้ำเงินทะเลาะกันมากก็ใครจะไปรู้
อาจจะมีรัฐประหารมาอีกก็ได้ เพราะว่าคดีต่าง ๆ พ้นผิดลอยนวลได้
รายงานที่เขาทำมา
เราจะเห็นว่าข้อนี้ผิดแล้ว ฝากไปบอกดีเอสไอด้วยนะว่า
ที่ว่าทั้งหมดผลไต่สวนชันสูตรพลิกศพ กระสุนตายจากฝั่งทหาร ไม่ใช่หรอก เรามีหนังสือที่เราเคยแจกบ้าง
ขายบ้าง อันนี้มีรายละเอียดทั้งหมดที่เราทำเอาไว้ ดีเอสไอไปดูได้
กองงานความมั่นคงรายงานผิด แล้วที่สำคัญก็คือพอหลังรัฐประหาร “งด”
การสอบสวนสืบสวนทั้งหมด อัยการด้วย
ดังนั้นเราเจอกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นจนปลาย ต้นก็คือ ตำรวจกับดีเอสไอ
ฟรีซไม่สอบสวนสืบสวนต่อ ทั้งหมด 65 กรณี (25+40 ศพ
รวมเป็น 65) อัยการให้งดการสอบสวน ให้สืบสวนในอายุความ
นี่ไงเราเหลือ 5 ปี ตากใบหมดแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดร่วมกัน
เขาพูดได้ยังไงว่าให้สืบสวนในอายุความ แปลว่าอะไร? ก็ชะลอมันไปเรื่อย ๆ
จนกระทั่งมันหมดอายุความแบบตากใบ ถ้ามีปัญหาจริง ๆ ก็หนีไปสักพักแล้วกลับมา
นี่คือสิ่งที่เขาฟรีซในชั้นต้น งดการสอบสวน ให้สืบสวนในอายุความ เจ็บปวดมากคำนี้
หยุดไปเฉย ๆ อย่างนั้นแหละ
แล้วไม่หนำซ้ำก็คือว่า
กล้ามาก! คดีการตายที่ “สี่แยกคอกวัว” สี่แยกคอกวัวนั้นมันยิงหัวทั้งนั้นเลย
ถามว่าใครจะมายิง พยายามจะสร่างละครชายชุดดำ
ดังที่ดิฉันบอกแล้วว่าไม่มีคนไหนตายด้วยกระสุนอาก้า เพราะว่าในการชันสูตรคุณรู้
แผลกระสุนอาก้ากับแผลกระสุน M16 นาโต้คนละอย่างกัน
มันไม่เหมือนกัน อย่างงั้นชายชุดดำก็ไปเดินโก้ ๆ ซิ ถืออาก้าเฉย ๆ
แล้วไม่ยิงใครตายเลยสักคน แล้วเขาไปคาดเอาว่าสี่แยกคอกวัวจะตาย พยายามตั้งธง IO ว่า “ตายด้วยชายชุดดำ” แล้วในที่สุดทำยังไงรู้มั้ยคะ “สั่งไม่ฟ้อง”
ที่สี่แยกคอกวัวและถนนดินสอ อัยการก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ทั้งอัยการ ทั้งดีเอสไอ
เป็นไปได้ยังไง ไม่รู้ว่าความรู้สึกเขาเป็นแบบไหน พี่น้องที่ตายในวันที่ 10เมษา ประมาณ 26-27 ศพ เป็นทหาร 5 นาย ที่เหลือเป็นผู้ชุมนุม และโดยส่วนมากเป็นคนที่เดินทางมาจากราชประสงค์
แล้วก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ถือธงก็ถูกยิง
คือในสงครามเป็นการรบระหว่างประเทศ
คุณยังไม่สามารถยิงคนที่ไม่มีอาวุธได้ ถูกมั้ยคะ? ไม่ได้ อันนี้มันผิดเลย
ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ “สนธิสัญญาเจนีวา”
แต่ในประเทศไทย ทำได้!!! ฆ่าคนที่ไม่มีอาวุธก็ทำได้
เขียนผังล้มเจ้าปลอม ๆ ก็ได้ ทำได้ทุกอย่าง ทีนี้สั่งไม่ฟ้อง คดีศพอื่น ๆ
เอาไว้สอบสวนสืบสวนในอายุความ เมื่อกี้ในคำถามก็มีว่าการที่เราจัดการคดีความเราเริ่มต้นตั้งแต่ตำรวจ
ดีเอสไอ แล้วทยอยส่งให้มีคำสั่งฟ้อง แล้วเลือกเอาคดี นายพัน คำกองกับนายสมร ไหมทอง
ซึ่งตายที่ตรงราชปรารภ “สมร ไหมทอง” เป็นคนขับรถ แล้วนายพัน คำกอง ก็ถูกยิง
คือไม่ได้อยู่ในที่ชุมนุมก็ถูกยิง คดีนี้ส่งฟ้องร้องศาลโดยมีผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วม
(ดูสไลด์ประกอบ)
ส่วนในกรณีแยกคอกวัวเมื่อกี้ที่เราพูดไปแล้วว่า
อัยการ-ดีเอสไอ สั่งไม่ฟ้องตอนปลายของกระบวนการยุติธรรม ในกรณีที่เราส่งฟ้องคดี พัน
คำกอง - สมร ไหมทอง ปรากฏว่าศาลมีคำสั่งว่า ทหารไปศาลทหาร
นักการเมืองไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง
แล้วเป็นครั้งแรกที่อธิบดีศาลอาญามีคำโต้แย้ง แต่ว่าเรามาทบทวนตรงนี้หน่อยก็ได้ว่า
คดี 6 ศพวัดปทุมฯ พวกเขาส่งอัยการทหาร ถามว่าเขาส่งเพราะอะไร?
ก็เพราะว่าเมื่อเราส่งฟ้องแล้ว ศาลอาญามีคำพิพากษา
อันนี้ให้เข้าใจตรงกันด้วยว่าหลังรัฐประหารนะคะ หลังรัฐประหารนะคะ
ให้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารไปอัยการทหาร อัยการทหารสั่งไม่ฟ้อง
แต่แยกคอกวัวก็สั่งไม่ฟ้องเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ชัดเจนว่าทหารยิงประชาชน
อันนี้อัยการพลเรือนนะ เพราะฉะนั้น เราถูกกระทำตั้งแต่ต้นจนปลาย (ดูสไลด์ประกอบ)
กรณีทหารเสียชีวิตที่ถนนดินสอ
อันนี้มาฟ้องหลังรัฐประหาร ฟ้องประชาชนที่ถูกอุปโลกเป็นชายชุดดำ
คือพอหลังรัฐประหารคดีที่เราฟ้องทางเจ้าหน้าที่ ฟ้องนักการเมืองนะ ถูกฟรีซหมด
แต่กลายเป็นว่ามีคดีชายชุดดำ สารพัดคดีทั้ง 112 ทั้งสหพันธรัฐ อะไรต่าง ๆ
นะมากันเต็มเลย ทีนี้ที่ถนนดินสอมีการแสดง คือความที่ว่าอยากจะฟ้องชายชุดดำ
ก็เอาคนมาแต่งตัวแถมผูกริบบิ้นด้วย ตอนนั้นคุณสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง (รอง ผบ.ตร.
ขณะนั้น) คือคนเสื้อแดงมันชาวบ้าน การ์ดเขาก็แต่งตัวธรรมดาแหละ
ไม่มีเสื้ออย่างหรูแล้วผูกริบบิ้น ผูกริบบิ้นนั้นมันพวกทหารผูก ประชาชนไม่ผูกหรอก
จะเอาริบบิ้นมาผูกทำไร เสื้ออะไรก็ใส่กันไปตามมีตามเกิด นี่การ์ดนะ
แล้วการ์ดเขามาดูแลความเรียบร้อย
ความเชื่อของฝ่ายความมั่นคงที่แพร่หลายทั่วไปและในที่ประชุมบอกว่ากองกำลังคนเสื้อแดงมีกองกำลังอาวุธ
500 คน แล้วมี เสธ.แดง (พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล)
เป็นผู้นำฝ่ายทหาร ดังนั้นพอคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประชุมวันที่ 12 พ.ค. ปั๊บ วันที่ 13 พ.ค. เสธ.แดงถูกยิงหัวเลย
และหลังจากนั้น 14, 15, 16, 17, 18, 19
ก็ยิงประชาชนมาตามลำดับ ทีนี้ของ 6 ศพวัดปทุมฯ พวกเขาส่งอัยการทหาร
อัยการทหารสั่งไม่ฟ้อง ส่วนกรณีสั่งฟ้องศาลอีกคดีก็คือถนนดินสอ
กะว่าเอาชายชุดดำพวกนั้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ชันสูตรพลิกศพด้วยนะ
ก็ฟ้องได้เหมือนกันหลังรัฐประหาร ศาลยกฟ้อง
เดี๋ยวนี้ยังไม่มีจับไม่ได้ชายชุดดำสักคน แต่เป็นปฏิบัติการ IO มา 10 กว่าปีแล้ว
เราก็จะเห็นว่าความกลัวประชาชน
อาจารย์อยากจะบอกนะ ฝากไปถึงพวกหน่วยงานความมั่นคง ถ้าคนเสื้อแดงอยากจะมีกองกำลัง
ไม่มี 500 หรอก น้อยไป ถ้าคิดอยากจะทำให้มันมีปัญหาจริง ๆ
ถ้าไม่ใช่เป็นสันติวิธีจริง ๆ 5 หมื่นหาได้มั้ย? หาได้
แต่ไม่ได้ทำ แล้วเสธ.แดงแกก็ไปเที่ยวเก็บคนไร้บ้านอะไรมาฝึกท่าใช้อาวุธ
แกก็ไม่ได้มีกองกำลังอะไรจริงจัง แล้วก็ไม่ได้ขึ้นเวที ไม่ได้อยู่ในฐานะแกนนำ
ไม่เกี่ยวเลยว่าเป็นผู้นำฝ่ายทหาร ปรากฏว่ายังชกกันกับหัวหน้าการ์ดเลย เพราะฉะนั้น
ความกลัวของฝ่ายความมั่นคงมันจินตนาการเว่อร์เกินกว่าเหตุ ว่าเรามีกองกำลังอาวุธ 500
คน ถ้าอยากจะมีนะ 5 หมื่นก็หาได้
แต่ไม่ได้อยู่ในความคิด ไม่ได้อยู่นแนวทาง ไม่ได้อยู่ในนโยบายของคนเสื้อแดงและนปช.
เพราะเราใช้สันติวิธี เพราะฉะนั้น นิยายเรื่องชายชุดดำมันเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น (พิสูจน์ได้จนบัดนี้)
ก็ให้รู้ว่า
เมื่อเขากลัวแล้วเขาคิดยังไง ใช้งบประมาณร่วม 5 พันล้านตั้งแต่ 10เมษา ถึง 19พฤษภา คือการปราบเสื้อแดงคือการรบ 3
รอบนะ ก่อน 10เมษา รอบหนึ่ง ที่ไทยคม
(ลาดหลุมแก้ว) ซึ่งถือว่าเป็นความพ่ายแพ้ ทหารจอดรถยาวไป
เสื้อแดงแอบไปปล่อยลมรถทั้งหมด แล้วก็เก็บอาวุธ ก็มีนายทหารใหญ่คนหนึ่ง
(ภายหลังได้เป็น ผบ.ทบ.) เขาโชว์ว่าเขายิ่งใหญ่ เก่ง จริง ๆ
ขึ้นไปซ่อนอยู่บนหลังคาไทยคม ไม่มีคนเสื้อแดงตามไปเอาเรื่องอะไร
แล้วบอกว่าถ้ามาจะสู้จนตัวตายหรืออยู่คนเดียว จริง ๆ ไม่ใช่
ตัวเองหนีขึ้นไปอยู่ข้างบนคนเดียว นี่เป็น ผบ.ทบ. แล้วได้ตำแหน่งยิ่งใหญ่นะ
และไม่รู้เกี่ยวข้องกับดีลลับด้วยหรือเปล่า?
10เมษา ใช้ทหารเท่านี้ (54,000 นาย) อันนี้เป็นครั้งที่สอง คือ 10เมษา ความสูญเสียที่ถนนดินสอ มีทหารบาดเจ็บและตายไป 5 คน รวมทั้ง พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ด้วย ตรงนี้ถ้าถือเป็นการสู้รบ
ถือเป็นการพ่ายแพ้นะ เสียไปถือว่ามันเหมือนเกือบ 1 กองพลเลย
เพราะว่าสูญเสียผู้นำ แล้วก็สูญเสียทหารไปจำนวนหนึ่ง อันนี้ก็ถือว่าพ่ายแพ้
ดังนั้นจึงเตรียมมารบใหม่ ดังที่ดิฉันบอก
แล้วในหนังสือเสนาธิปัตย์ที่ดิฉันโชว์ให้ดู เป็นหนังสือของกรมยุทธศึกษาทหารบก โดย
พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร แล้วคนที่เขียนเป็นนายทหารยศนายพันหมด มี 2 บท ในนี้เขียนถึงการรบครั้งที่ 3 ครั้งที่ 2 เขาเรียกว่า “ขอคืนพื้นที่” ครั้งที่ 3 เขาเรียกว่า
“กระชับพื้นที่” ใช้ภาษาหรูนะ ก็คือเอากรงมาล้อม
เอาคอกมาล้อมแล้วก็ซุ่มยิงตามใจชอบ ในนี้เขาบอกว่าเป็นการรบในเมืองเต็มรูปแบบ
เป็นสงครามเต็มรูปแบบ การรบครั้งที่สามนั้นมีการประชุมวันที่ 12 พ.ค. วันที่ 13 พ.ค. ยิงหัว เสธ.แดงเลย
บอกว่ามีกองกำลังอาวุธ 500 นาย
ในเสนาธิปัตย์เขาเขียนว่าที่ประสบความสำเร็จเพราะการเมืองไม่ได้ต้องการยุติการชุมนุมด้วยการเจรจา
แต่ต้องการยุติด้วยการทหาร พูดอย่างนี้เลยนะ
แล้วเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็วางแผนกระชับพื้นที่ เพราะฉะนั้นมันก็ยิงส่งเดชไง
ประชาชนที่บ่อนไก่ ที่ราชปรารภ ที่พระราม 4
ดังนั้นญาติผู้เสียชีวิตในเดือนพฤษภาคม น้องเฌอก็เสียชีวิต
เขาไม่ได้มาเข้าร่วมชุมนุม คือคล้าย ๆ
กับว่าเป็นความชอบธรรมว่าไอ้พวกนี้มีกองกำลังอาวุธ 500 คน
อย่างนั้นเราก็ยิงหัวคนให้มันใกล้ ๆ 500 ก็ได้
นี่อาจจะเป็นวิธีคิดของเขาอย่างนั้น เพราะเราไม่มีคำตอบเลยว่า
เขายิงประชาชนมือเปล่าได้ยังไง??? เด็กก็ยิง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ 6 ศพวัดปทุมฯ ในเวลานั้นแกนนำมอบตัวแล้ว แล้วก็บอกว่านี่เขตอภัยทาน
คนก็ไปอยู่เขตอภัยทาน พอดีวันนั้นอาจารย์เข้าไม่ได้
ไม่งั้นก็เข้าไปอยู่เขตอภัยทานด้วย เพราะเขาบอกว่าผู้หญิง คนแก่ ให้เข้าเขตอภัยทาน
ก็กลายเป็นพื้นที่ของการฆ่าไปด้วย
ดังนั้น
นี่ก็คือเรื่องที่ว่าเราอยากจะบอกว่ามันเป็นสงคราม
เขาพูดอย่างภาคภูมิใจในหนังสือเล่มนี้ว่าเป็นเอกภาพระหว่างการเมืองกับการทหาร
เป๋นสงครามในเมือง ไม่ใช่การปราบจลาจล
ดังนั้นเราจึงบอกว่ามันเลยคำว่าสิทธิมนุษยชนนะ ขออภัย ตัดไฟ ตัดน้ำ ตัดเน็ต
แต่มันไม่เท่ากับว่ายิงหัวคนเอาดื้อ ๆ
แล้วก็มาภาคภูมิใจเอาว่าควรจะเป็นแบบอย่างของประเทศอื่น ๆ นี่เขาเขียนอย่างนี้จริง
ๆ นะ อาจารย์ก็ฟังจากเขา แล้วก็เลยเอาพล็อตจากหนังสือเล่มนี้มาทำวิดีโอ
ทำออกมาเป็นซีดีใส่ในยูทูป ชื่อ “ยิงนกในกรง” แต่ทำ 3 อัน
เพราะสงครามมี 3 รอบ ก่อน 10เมษา, 10เมษา แล้วก็ 13พฤษภา ถึง 19พฤษภาคม
แน่นอน
เรามีความขัดแย้ง เรามีการสู้รบ (ฆ่าประชาชนมือเปล่า)
ถ้าเราไม่นับเรื่องของความเสียหายในการต่อสู้กับ พคท.
ความเสียหายในกรณีคนเสื้อแดงต้องถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุด แล้วใช้การรบเต็มรูปแบบ
ภาษาของเขานะ อาจารย์ก็มาเป็นคนเขียนสคริปต์ทำเรื่องรุมยิงนกในกรง แต่ขอโทษ
จะเอามาฉายในวันครบรอบ 3 ปี มันเกี่ยวข้องไม่รู้ใครในพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมให้เปิดกลางราชประสงค์
แต่มันก็อยู่ในยูทูป เราก็ทำหน้าที่ของเราเต็มที่แล้ว
ครั้งที่สามในการปราบปราม
เฉพาะครั้งนี้นะ กำลังพล 67,000
นาย บวกตำรวจอีก 25,000 นาย ใช้กระสุนไปร่วม 2 แสนนัด แล้วก็มีสไนเปอร์ ปืนซุ่มยิงดัดแปลง อันนี้เราลอกของเขามาเลยนะ
เขาได้ความภาคภูมิใจ ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 99 ราย
แล้วอย่างที่บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 10 ราย จริง ๆ
ถูกระเบิด 5 ราย นอกนั้นก็ทหารยิงกันเอง จะเป็น ณรงฤทธิ์
สาละ จะเป็นเสธ.แดง แล้วก็ทหารอากาศที่วิ่งผ่านพระราม 4
ก็ใช่เหมือนกัน
อยากจะบอกให้รู้ว่าเรื่องของคนเสื้อแดงนั้น
เราได้พยายามทำเต็มที่นะ ก็คือมีการดำเนินคดี
แต่เราก็พบการต่อต้านท้าทายจากอำนาจรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังรัฐประหาร
และดิฉันมีความเชื่ออย่างชัดเจนว่าการทำรัฐประหาร 2557
เพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ด้วยเพราะว่าคดีมันกำลังไต่ขึ้นไป
และจนกระทั่งคนในดีเอสไอส่วนหนึ่งก็ถูกจัดการ คุณธาริตบอกว่าถูกสั่งให้หยุด
ถ้าไม่หยุด กูทำรัฐประหาร แล้วมึงก็คอยดูก็แล้วกัน ประมาณนั้น
ก่อนหน้านี้เราก็คิดไม่ถึงว่าเขาลงทุนฆ่าคน แล้วยังลงทุนทำรัฐประหารอีก
เพื่อแก้ปัญหาคดีความฆ่าคน หมายความว่าอะไร เพราะเราต่อสู้ไม่เลิก อาจารย์ก็ไป ICC
กว่าจะให้เขายอมรับคดีของเราได้ แล้วอัยการสูงสุดเขาก็มาพบเมื่อ 1 พ.ย. 2555 แปลว่าจากปี 2553
เราทำงานตลอดเลย แล้วในที่สุดก็คือรัฐมนตรีต่างประเทศ (ขณะนั้น)
ไม่ยอมเซ็นรับรองเขตอำนาจศาล คือเราต้องเข้าใจว่าศาลอาญาระหว่างประเทศอะไรต่าง ๆ
เหล่านี้ กว่าเขาจะทำได้ต้องสืบสวนสอบสวน อย่างตอนนี้ฟิลิปปินส์ที่มีปัญหา
ก็คือว่ารัฐบาลต้องยอมให้เขาเข้ามาสืบสวนสอบสวนได้
คุณหมอเหวงก็ยังขู่รัฐมนตรีต่างประเทศตอนนั้นเลย บอกเขาจะทำรัฐประหารแล้ว
ให้รีบเซ็น คือพูดภาษาบ้าน ๆ กัน ให้รีบเซ็นซะ เขาก็ไม่ยอมเซ็น
แต่ที่เข้าใจก็คือคงไม่อยากให้กระทบกระเทือนทหาร เพราะว่าในการฟ้องแรก ๆ เราฟ้อง
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ โดยเฉพาะกับอภิสิทธิ์คนเดียว แต่ทาง ICC
บอกว่าคนเดียวทำอย่างนี้ไม่ได้หรอก
เพราะฉะนั้นเลยต้องฟ้องเป็นกระบิไปเลย ฟ้องโดยมีพวก ศอฉ. โดยมีทหารด้วย
พอมีทหารด้วยก็อาจจะมีปัญหาสำหรับนักการเมืองที่เกรงใจหรือกลัวทหาร
แต่ยังไงเขาก็รัฐประหารอยู่ดี จะเกรงใจยังไง กลัวยังไง เพราะมันขัดกัน
อะไรที่กระทบกระเทือนความมั่นคง นี่ก็คือสาเหตุ!!!
ถ้ามันก้าวเข้าไปคิดว่าจะกระทบกระเทือนความมั่นคงเขาก็คงต้องปฏิบัติเช่นนี้
เพราะฉะนั้น
เหตุแห่งปัญหาเราก็คงเข้าใจตรงกันว่าความยุติธรรมสำหรับประชาชนที่เห็นต่างทางการเมือง
มันจะเกิดขึ้นได้เท่าที่เขาอนุญาตเท่านั้น
แล้วมันยังเป็นอะไรที่กล้าแข็งอยู่ในสังคมไทย
เพราะฉะนั้นมาถึงคนรุ่นหลังก็จะถูกปฏิบัติการอีกแบบหนึ่ง อันนี้ก็เป็นสิ่งที่อยากจะฝากไว้ว่า
ถ้าเหตุเป็นอย่างนี้ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ แต่สำหรับเรา ถึงอย่างไรก็ตาม
เราก็จะใช้วิธี 2 ขา คือเวทีรัฐสภาสำหรับในที่นี่ เราก็จะยินดีทำ
ก็คือมาร่วมมือและนำเสนอกฎหมาย เราจะมี พ.ร.บ. ที่เราเตรียมเอาไว้ที่แก้ไขกฎหมาย 1) ทหารทำความผิดอาญาต่อประชาชน ให้ขึ้นศาลพลเรือน ไม่เหมือนอย่างนี้ 2) นักการเมืองทำความผิดอาญาร้ายแรงต่อประชาชน ก็ให้ขึ้นศาลพลเรือน
ไม่ใช่ขึ้นศาลนักการเมือง โทษมันต่างกัน “20 ปี กับตาย” กับ
“5 ปี” จำคุกนะ ต่างกันแล้ว แล้วอันที่ 3) ที่ทางนี้เสนอ ไม่มีหมดอายุความ
เราก็อาจจะทำงานควบคู่โดยการล่ารายชื่อประชาชนสนับสนุนด้วย ก็ขอบคุณมากค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #จากตากใบถึงราชประสงค์ #ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม #15ปีเมษาพฤษภา53