"มาริษ" เผยวง รมต.ตปท.อาเซียนเชื่อมั่นเห็นทางออกปัญหาเมียนมา
พร้อมขอบคุณไทยที่สนับสนุนบทบาท ปธ.อาเซียน พูดคุยกับฝ่ายต่างๆ
เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาในเมียนมา
เผยกลุ่มประเทศอาหรับพร้อมจับมืออาเซียนพัฒนาพลังงานทางเลือก
นายมาริษ
เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประชุม
ASEAN
Summit ครั้งที่ 46 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เปิดเผยผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่า ที่ประชุมฯ ได้ ชื่นชมและขอบคุณไทยที่ได้สนับสนุนมาเลเซีย
ในฐานะประธานอาเซียน
แสดงบทบาทสำคัญเรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว
และสนับสนุนข้อเสนอจัดตั้งกลไกประสานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเมียนมา
ระหว่างทางการเมียนมา อาเซียน และองค์การระหว่างประเทศ ตามที่ไทยผลักดัน โดยให้ AHA
Centre เป็นจุดประสานงานหลัก
เพื่อระดมการสนับสนุนการฟื้นฟูประเทศเมียนมาอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาเวทีพูดคุยที่สร้างสรรค์ระหว่างเมียนมากับอาเซียน
ซึ่งแสดงให้เห็นบทบาทนำของอาเซียน ในการแก้ไขวิกฤตด้านมนุษยธรรมในเมียนมา
และทำให้เกิดพัฒนาการสำคัญในทางที่ดี โดยหลายประเทศเชื่อมั่นว่า
เริ่มมีทางออกที่จะนำไปสู่การเจรจาพูดคุยอย่างสร้างสรรค์
และแก้ปัญหาของเมียนมาได้ในอนาคต
นายมาริษ
ยังย้ำว่า สิ่งที่ประเทศไทยได้ริเริ่มเกี่ยวกับการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์กับเมียนมา
โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิดการพูดคุยระหว่างเมียนมาและประเทศเพื่อนบ้าน
ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว
รวมถึงความพยายามให้เกิดการพูดคุยระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเมียนมา จนขณะนี้อาเซียนก็เห็นร่วมกันว่า
การแก้ไขปัญหาเมียนมาต้องการการเปิดกว้างสำหรับการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์กับทุกฝ่าย
เพื่อให้เกิดความร่วมมือ
นายมาริษ
ยังระบุอีกว่าประเทศไทยยังพยายามขับเคลื่อนให้เปลี่ยนความเห็นที่แตกต่าง
ไปสู่กิจกรรมที่เป็นความร่วมมือระหว่างกันของทุกๆ ภาคส่วน
โดยริเริ่มการเจรจาพูดคุย 3
ฝ่ายระหว่างไทย เมียนมา และอินเดีย และการพูดคุย 4 ฝ่ายระหว่างไทย เมียนมา จีน และลาว
รวมถึงล่าสุดไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการหารือ 6 ฝ่ายระหว่างเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
โดยเน้นการแก้ปัญหาความมั่นคงชายแดน
ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด ค้ามนุษย์
และการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงในภูมิภาค
นอกจากนี้
ยังได้ผลักดันด้านการบริหารจัดการน้ำภายใต้กรอบของภูมิภาคลุ่มน้ำโขงด้วย
ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นข้อริเริ่มที่ไทยเสนอเพื่อดึงให้ฝ่ายต่างๆ
ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบรุนแรงแก่ประชาชนร่วมกัน
ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาเมียนมาอย่างสร้างสรรค์ในท้ายที่สุด
ส่วนในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนกับคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ
(GCC) นั้น นายมาริษ เปิดเผยว่า
ได้มีการหารือกันอย่างกว้างขวางถึงสาขาที่อาเซียน และ GCC มีศักยภาพร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน
เช่น การค้าและการลงทุน เนื่องจาก GCC เป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพในเรื่องเงินทุน
มีกองทุนจำนวนมากในแต่ละประเทศ และมีความพยายามที่จะดึงดูดการลงทุนจากกลุ่มประเทศ GCC
เข้ามายังอาเซียน และมีหลายประเทศ กล่าวถึงความตกลงการค้าเสรี (FTA)
ระหว่าง 2 กลุ่มประเทศ
เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกัน
พร้อมยังมีการเสนอความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร และพลังงาน ซึ่งกลุ่มประเทศ GCC
พร้อมร่วมมือกับอาเซียนพัฒนาพลังงานทางเลือก
เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานในอนาคต