วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : การไม่มีสติของชนชั้นปกครองที่กลัวประชาชน สามารถลงทุนทุกสิ่งได้ โดยไม่ได้คำนึงว่าสิ่งที่ทำนั่นคือ ตัวเองกำลังบ่อนทำลายความมั่นคงในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะรักษา

 


การไม่มีสติของชนชั้นปกครองที่กลัวประชาชน สามารถลงทุนทุกสิ่งได้ โดยไม่ได้คำนึงว่าสิ่งที่ทำนั่นคือ ตัวเองกำลังบ่อนทำลายความมั่นคงในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะรักษา


คำกล่าวปราศรัยของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ

ในงานรำลึก #15ปีเมษาพฤษภา53 ณ ราชประสงค์


สวัสดีค่ะ ขอบคุณพวกเราทุกคนที่นี่ เรามาร่วมกันจัดงานรำลึก 15 ปี อาจารย์ธิดาจะเป็นแม่งานในการจัดมาตลอด เพราะตั้งแต่อาจารย์เป็นประธานนปช. เมื่อ 1 ธันวาคม 2553 มาจนบัดนี้ ในช่วงที่เผด็จการครองอำนาจเต็มที่ เราจัดแม้กระทั่งริมถนนยังไม่ได้ ไปจัดตามวัด เขาก็ไปรังควานพระ พระก็เดือดร้อน จัดพิธีสงฆ์อย่างเดียวนะ ไม่มีปราศรัย เราสามารถสรุปได้อย่างหนึ่ง วันนี้อยากจะเรียนพี่น้องว่า เขาลงทุนเป็นจำนวนมากในการที่จัดการกับคนเสื้อแดง โดยเฉพาะคือถือเป็นสงครามเต็มรูปแบบ เขาเขียนไว้อย่างนั้นเลย เป็นสงครามเต็มรูปแบบ ไม่ใช่การปราบจลาจล ไม่ใช่การปราบการก่อความไม่สงบ แต่เป็นสงครามสู้รบในเมือง ใช้อาวุธจริงเต็มที่ โดยเฉพาะกรณีกระชับพื้นที่ในพื้นที่ราชประสงค์


ตอน 10เมษา53 เขาใช้กองทหาร 5.4 หมื่นคน และมีความเสียหายไป 1 กองพลที่ถนนดินสอ มีการเสียชีวิตยี่สิบกว่าคน (รวมทหาร) เพราะหัวหน้าทั้งหลายก็มีการเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส แต่เราไม่รู้ มีการเสียชีวิตอย่างไร เพราะเขาไม่ทำชันสูตรพลิกศพ เอาเป็นว่าเขาลงทุน มีการปราบคนเสื้อแดง 3 รอบ ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการจงใจวางแผน ก่อนหน้า 10เมษา ที่ไทยคม จำได้มั้ย? ไทยคมเป็นความอัปยศอดสู เขารู้สึกอย่างนั้น เพราะว่าเอารถไปจอดยาว พวกนี้ (คนเสื้อแดง) ปล่อยลม รถก็ไปไม่ได้ เราก็เอาอาวุธไปคืน หลังจากนั้นก็ระดมทหาร 10เมษา 5 หมื่นกว่าคน ตั้งงบฯ เอาไว้ 3 พันกว่าล้าน แต่จ่ายจริงทั้งหมด 5 พันกว่าล้านในการปราบคนเสื้อแดง อันนั้นเป็นตอนที่ 2


ตอน 3 ก็คือสนามที่นี่ ก็คือแยกราชประสงค์ คืนวันที่ 12พฤษภา คุณอภิสิทธิ์ประชุมแม่ทัพนายกองหลังจากเขาศึกษาปัญหา 10เมษา ว่า 10เมษาเนี่ยมันเสียหายเพราะอะไร เขาพบว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือพลซุ่มยิง สไนเปอร์ เพราะฉะนั้น วันที่ 13พฤษภา เสธ.แดงตายก่อน เพราะเขาเชื่อว่า 12 ประชุมนะ ฟังให้ดี 13 เขาถือว่าเสธ.แดงเป็นหัวหน้ากองกำลังอาวุธ 500 คน แล้วเขาก็คิดว่ามีกองกำลังอาวุธ 500 คน จึงใช้กระสุนจริงยิงประชาชนเพื่อให้มันได้ตัวเลขใกล้เคียง 500 คน หรือเปล่าไม่รู้? แต่ว่าการลงทุนครั้งนี้เขาสรุปบทเรียนและลงเต็มที่ เขาเขียนในหนังสือเสนาธิปัตย์ เพื่อที่จะประกาศให้รู้ว่าเขาภูมิใจมากที่การสู้รบในเมืองได้ผล สมควรที่ประเทศอื่นจะเอาเป็นแบบอย่าง ทหารไทยรบกับประชาชนที่ไม่มีอาวุธ แล้วภาคภูมิใจในการที่จัดการกับประชาชนยิ่งกว่าสงครามกับอริราขศัตรูระหว่างประเทศ



ดังนั้น คนที่ตาย 13 จากเสธ.แดง 14-15-16-17-18-19 ส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่ราขปรารภ ดินแดง คลองเตย บ่อนไก่ ไม่ใช่คนชุมนุม ยืนบนคอนโดฯ ก็ยิง มาเซเว่นก็ยิง คนขับแท็กซี่ก็ยิง คุณสมร ไหมทอง กับนายพัน คำกอง ยกตัวอย่าง คือการลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนอย่างหนักหน่วงเพราะมองเป็นคดีความมั่นคง ก็คือมองว่าคนเสื้อแดงจะเป็นภยันตรายกับความมั่นคง อันนี้เป็นวิธีคิดที่อาจารย์ธิดาไม่เห็นด้วยเลย เป็นวิธีคิดที่ผิด แล้วไปคิดเอาว่าเรามีกองกำลังอาวุธ 500 คน เมื่อเช้าอาจารย์พูดที่รัฐสภา ถ้าเราไม่ใช้สันติวิธี 5 หมื่นคนเราก็หาได้ ใช้หรือเปล่า? แต่ว่าเราไม่ได้มีการสู้รบแบบนั้น เขาบอกว่ามีกองกำลังอาวุธ 500, มีชายชุดดำ, เผาบ้านเผาเมือง, ล้มเจ้า ผังล้มเจ้าก็โกหก เผาบ้านเผาเมืองก็ไม่ใช่ มีแต่แกนนำต้องจ่ายเงิน แล้วก็คดีความก็ไม่ใช่ ชายชุดดำก็หาไม่เจอเลยสักคน 15 ปี ไม่มีชายชุดดำ ไม่มีคนติดคุกเกี่ยวกับเรื่องชายชุดดำ หรือการใช้ปืนอาก้ายิง ทั้งหมดเป็น IO ทั้งหมด


เขาลงทุนขนาดนี้ ถามว่ามันเป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีหรือ? ดังนั้น พล.อ.อดุล อุบล จึงเรียกว่าเป็นการ “รุมยิงนกในกรง” เมื่อเช้าอาจารย์ก็พูดว่าปัจจุบันเขาไม่ใช้การยิง แต่จับนก จับเด็ก ๆ เยาวชนเข้ากรง เข้าคุก ใช้กฎหมายเป็นอาวุธ แต่สมัยรุ่นเสื้อแดงใช้ปืน อาวุธจริงจัดการ แล้วภาคภูมิใจบอกว่านี่ควรจะเป็นแบบอย่างของประเทศในการต่อสู้กับประชาชนแล้วได้รับชัยชนะเป็นการรบในเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ ลงทุนมากมาย ลงทุนไม่ใช่เงิน ไม่ใช่กำลังอาวุธ แต่เป็นการลงทุนอย่างรุนแรง ในทัศนะอาจารย์ก็คือลงทุนต่อความเสียหายของชนชั้นปกครองที่ไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชน แล้วใช้ยุทธวิธีแบบปัจจุบัน ดังนั้น การทำรัฐประหาร 2557 เป็นการลงุทนที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เพราะพบว่าคดีความจะไปถึงเขา คดีความกำลังไต่ไปถึงเขา การทำรัฐประหาร 2557 จึงเป็นการหยุดยั้งไม่ให้คดีความคืบหน้า ทุกอย่างก็ฟรีซหมด ลงทุนฆ่าคน ลงทุนทำรัฐประหาร แล้วลงทุนที่เอานักกฎหมายมาเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ ในความคิดของอาจารย์มันเป็นการลงทุนที่มีแต่ความเสื่อม ไม่ใช่ความเจริญ เพราะฉะนั้นมันเป็นความเสียหายอัปยศของประเทศ


เราเป็นสายธารประวัติศาสตร์การต่อสู้ตั้งแต่ 14ตุลา16, 6ตุลา19, พฤษภา35 แต่เหตุการณ์เหล่านั้น เวลาเขาจัดงานรำลึก เขามีอนุสรณ์สถาน เขามีมูลนิธิที่ยิ่งใหญ่ เชิญหมด ฝั่งรัฐบาล ฝั่งฝ่ายขวา แต่เราจัดงาน เรามีอนุสรณ์สถานไหม? ไม่มี! เราต้องจัดงานกันข้างถนน ถ้ายามที่มีคนมากเราก็จัดกันกลางถนน นี่คือคนเสื้อแดง เราไม่เอาอนุสรณ์สถานก็ได้ แต่ว่าคนที่ฆ่าประชาชนจะพ้นผิดลอยนวลไม่ได้! ถามว่าอนุสรณ์สถานอยากได้มั้ย? ก็อยาก แต่ว่าที่อยากได้มากกว่าก็คือคนที่ฆ่าประชาชนจะพ้นผิดลอยนวลแบบทุกวันนี้ไม่ได้!!! เราไม่ได้คิดเฉพาะคนเสื้อแดง เราห่วงประชาชนในอนาคต เราห่วงเยาวชน ขณะนี้เขาใช้วิธีเอากฎหมายจับพวกเขาเข้าไปขังคุก คนเหล่านี้ต้องโดนตั้งหลายคดีเพราะเขาจัดเป็นแฟลชม็อบ ไม่เหมือนของเรามันยืดเยื้อ


ดังนั้น ฆ่าคนก็แล้ว ทำรัฐประหารก็แล้ว แล้วก็เขียนกฎหมายใหม่ต่าง ๆ ก็แล้ว แล้วยืดการต่อสู้ ยืดอำนาจรัฐประหารมาจนถึงบัดนี้ 15 ปี เราเหลืออายุความ 5 ปี ขณะนี้ที่เราไปทำ เราจะยื่นพ.ร.บ. 3 ฉบับ พ.ร.บ. ฉบับที่ 1 ทหารที่ทำความผิดร้ายแรงในคดีอาญาต่อประชาชนต้องขึ้นศาลพลเรือนเหมือนประชาชนทั่วไป ฉบับที่ 2 นักการเมืองที่ทำความผิดคดีอาญาร้ายแรงต่อประชาชน ก็ต้องขึ้นศาลเหมือนประชาชนทั่วไป ไม่ใช่ศาลคดีอาญานักการเมือง อย่างนั้นเราไม่เห็นด้วยที่ว่าจะไปฟ้องอภิสิทธิ์-สุเทพสู่ศาล เพราะกฎหมายนะ ฆ่าคนติดคุก 20 ปี ประหารชีวิต แต่ศาลคดีอาญานักการเมืองใช้สำหรับการที่ทำหน้าที่ไม่ถูก อย่างมาก 5 ปี มันไม่ใช่การฆ่าคนอย่างมีการวางแผนที่อาจารย์บอกว่า 3 ระลอก เป็นการรบ 3 ระลอก แล้วเก็บรับบทเรียนระลอกที่ 1 ระลอกที่ 2 ระลอกที่ 3 แล้วเขียนบทสรุปอย่างภาคภูมิใจว่า นี่เป็นสิ่งที่อวดชาวโลกได้ นี่คือทหารไทย


ดังนั้นสำหรับเรา ภารกิจที่ทำ เมื่อกี้เราบอกไปว่า 2 พ.ร.บ. แล้ว พ.ร.บ.ที่ 3 เรากำลังหารือเมื่อเช้านี้กับกรรมาธิการยุติธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ก็คือ คดีอาญาร้ายแรงต่อประชาชนต้องไม่มีอายุความอีกต่อไป โลดไปได้ 5 ปี 10 ปี จนถึงวันตาย มันต้องระแวงว่าสักวันหนึ่งกูก็อาจจะโดนก็ได้ นี่คือภารกิจที่พวกเราพยายามจะทำ คือเราไม่ใช่แค่จัดงานรำลึก ไม่ใช่แค่จัดงานรำลึกวีรชน แล้วก็ทำบุญ แล้วก็มีคนมาจากมากก็น้อยลงบ้างอะไรบ้าง แต่ว่าทุกปีและตลอดเวลาที่เราทำได้เราต้องคืบคลานไปข้างหน้า นั่นก็คือทำความจริงให้ปรากฏ เอาความยุติธรรมกลับคืนมา ไม่ใช่เพราะคนเสื้อแดงที่ตายไปแล้ว ไม่ใช่เพราะคนเสื้อแดงที่มีชีวิตอยู่ แต่เพื่อเยาวชนของประเทศนี้ และเรื่องราวในประเทศต่อไปจะต้องไม่มีการฆ่าคนตายกลางถนนฟรีแล้วลอยนวลพ้นผิดอีกต่อไป


เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เรามาจัดงานรำลึกเพื่อที่จะให้รู้ว่านี่เรายังสู้อยู่นะ ถึงแก่แล้วก็ยังสู้ ภารกิจของเรา เราต้องประสานกับคนรุ่นใหม่ เพราะว่าสิ่งที่คนเสื้อแดงทำ และสิ่งที่คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 ทำ เรายังใช้ยุทธศาสตร์ 2 ขา ขาหนึ่งในเวทีรัฐสภา ซึ่งเราประสานกับสส.และพรรคการเมืองที่ยินดีให้ความร่วมมือในการทวงความยุติธรรม แต่พรรคการเมืองที่ไม่ยินดีในการทวงความยุติธรรมและร่วมมือกับผู้ฆ่าประชาชนมันคนละเรื่องไปกันคนละทาง ถูกมั้ยคะ?



หน้าที่เรา ประกาศไว้ ณ ที่นี้สำหรับเยาวชนด้วยก็คือว่า เราจะทำเพื่ออนาคตของประเทศไทย ไม่ใช่แค่จัดงานรำลึก เพราะฉะนั้นทุกปีต้องมีความก้าวหน้า ปี 55 อาจารย์ธิดาไปศาลโลก ไป ICC แล้ววันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 อัยการสูงสุดของ ICC ก็เดินทางมาประเทศไทยเพื่อที่จะมาดำเนินการ ดังนั้น อาจารย์อยากจะบอกว่าเราทำทุกเวที ทั้งในประเทศ ระหว่างประเทศ เราไม่ได้งอมืองอตีน เราไม่ได้ทำเพื่อรอผลประโยชน์ใด ๆ สิ่งที่เราทำ เพื่อทำให้ประเทศนี้ดีขึ้น เราทวงความยุติธรรม สำหรับแขกที่มาที่เราได้ไปคุยคือจากตากใบถึงราชประสงค์ เราล้วนแต่ประชาชนตาดำที่ชนชั้นปกครองกลัว กลัวประชาชน กลัวจนไม่มีสติ กลัวจนเกินเหตุ การไม่มีสติก็สามารถลงทุนทุกสิ่งทุกอย่างได้ โดยไม่ได้คำนึงว่าสิ่งที่ทำนั่นคือตัวเองกำลังบ่อนทำลายความมั่นคงในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะรักษา แต่ยิ่งจัดการกับประชาชน ยิ่งเล่นงานประชาชน หารู้ไม่ว่านั่นคือสิ่งที่บ่อนทำลายความมั่นคงของชนชั้นนำผู้ปกครองทั้งสิ้น


เรามา ณ ที่นี้ เราจึงขอสดุดีวีรกรรมของคนเสื้อแดง เขาไม่ใช่ควายแดง เขาไม่ใช่คนในคอกของใคร เขาเป็นเสรีชน ยุทธศาสตร์ 2 ขา ขาหนึ่งในเวทีรัฐสภา แปลว่าเราสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ในอดีตมี 1 พรรค ปัญหาน้อย พอมีหลายพรรคชักมีปัญหา พอมีปัญหาข้ามขั้ว คราวนี้วิกฤต กลายเป็นวิกฤตของคนเสื้อแดง แต่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีทั้งนั้น เราสามารถจำแนกคนได้ เพราะเส้นทางที่เดินมันยากลำบาก เราจำเป็นที่จะต้องมีการคัดกรองโดยสถานการณ์ ยากน้ำขึ้นยามกระแสสูงแบบหนึ่ง ยามน้ำลงกระแสต่ำก็เป็นอีกแบบหนึ่ง


ดังนั้น มีวิกฤตเกิดขึ้น มีการแบ่งแยก มีการข้ามขั้ว มีความไม่พอใจในหมู่คนเสื้อแดง สำหรับอาจารย์ธิดาถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะว่าเราเป็นเสรีชนอย่างที่บอก พอถึงเวลาพบอุปสรรคใครตัดสินใจเดินทางไหนก็รับผิดชอบ เรายังยืนหยัดในการต่อต้านเผด็จการและผู้ฆ่าประชาชน เราก็รับผิดชอบจุดยืนของเรา และอาจารย์ถือว่านี่คือจุดยืนเดียวกับวีรชนตั้งแต่ 14ตุลา16, 6ตุลา19, พฤษภา35, และพฤษภา53 อาจารย์ธิดาไม่เคยเปลี่ยน คนที่เปลี่ยนมันคือคนอื่น อาจารย์ธิดาอยู่อย่างนี้มาจนอายุมากขนาดนี้แล้วนะ จุดยืนไม่เคยเปลี่ยน เพราะประเทศนี้ยังมีอำนาจนิยม จารีตนิยม ที่ทำตัวห่อหุ้มแล้วก็เป็นรัฐที่ซ้อนรัฐ เป็นเหมือนกรงขังทั้งโครงสร้างชั้นบน โครงสร้างชั้นล่างของสังคมไทย


ดังนั้น วิกฤตประเทศไทยตอนนี้เป็นวิกฤตที่สูงมาก แต่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เราต้องฟันฝ่าไปให้ได้ และเราจะได้รู้ว่าใครคือนักสู้ตัวจริง ใครที่อ้างอิงเป็นนักต่อสู้แต่ทำเพื่อผลประโยชน์และต่อรองผลประโยชน์ก็ไม่ใช่เพื่อนเรา อาจารย์พูดอย่างนี้ เราเคยมีมิตรร่วมรบมีสหายร่วมศึก แต่สถานการณ์มันจะกลั่นกรองและคัดกรองคน ดังนั้น อาจารย์ก็ขอบคุณพวกเราที่มาวันนี้และคนที่ฟังอยู่ทางบ้านทุกคน เราจำเป็นต้องทำ จัดงาน แม้เราจะต้องมาจัดงานรินถนนอย่างนี้ เราไม่มีแนวร่วมประเภทที่สามารถที่มาสร้างอนุสรณ์สถานได้ เพราะว่าคนเสื้อแดงและนักต่อสู้นั้นกลายเป็นสิ่งที่พึงรังเกียจของชนชั้นนำไป


เราขอปาวรณาตัวว่าเราจะยืนหยัดในการสืบทอดสายธารการต่อสู้ของวีรชนในอดีต จนถึงปัจจุบัน และต่อไปถึงอนาคต และเราจะขอประสานกลุ่มต่าง ๆ ที่ได้รับความอยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตากใบที่อยู่ตรงนี้ ขอให้พี่น้องปรบมือให้หน่อย ที่มาก็เป็นคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาจนกระทั่งพิการ ก็มาให้กำลังใจเรา ดังนั้น ประชาชนที่ถูกกระทำไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ศาสนาใด ก็เป็นคนในประเทศไทยแผ่นดินนี้ทั้งสิ้น กฎหมาย ความยุติธรรม ต้องเท่าเทียมกัน ไม่เลือกชนชั้น ไม่เลือกชนชาติ ไม่เลือกศาสนา ถูกต้องมั้ยคะ? เราคนเท่ากัน ความยุติธรรมก็คือคนเท่ากัน แต่ขณะนี้ความยุติธรรมของเรามีเพียงเท่าที่เขาอนุญาต เขาให้แค่ไหน คุณได้แค่นั้น แล้วเราจะหงออยู่อย่างนี้หรือ? ไอ้ความที่ไม่หงอนี่แหละ เขาก็ทำรัฐประหารปี  2557 แล้วเขาก็สืบทอดอำนาจ แล้วเขาก็หานั่งร้านเพื่อที่จะอยู่ต่อ ทั้งหมดนี้เพราะกลัวเราทั้งนั้น



ดังนั้น ที่เขายิ่งทำเขายิ่งเสื่อม ในขณะที่เรายิ่งสู้ เรายิ่งเติบโต เรายิ่งแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งอยู่ที่จิตวิญญาณของการต่อสู้ มันไม่ใช่ว่าจะอยู่ที่ว่ามีทุนทรัพย์และผู้สนับสนุนเท่าไหร่ อาจารย์ก็ชวนของให้ปาวรณาตัวว่า พวกเราที่อยู่ที่นี่อาจารย์เชื่อว่ามีอุดมการณ์การต่อสู้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มาที่นี่ ภารกิจของเราจะต้องทำงานสืบต่อไป ขอให้พวกเรายืนหยัดแล้วก็ให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะผนึกกำลังกับประชาชนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกรุ่น ทุกชนชั้น ทุกวัยในประเทศนี้ เพื่อทำให้คนเท่ากัน และความยุติธรรมจะต้องเหมือนกันสำหรับประชาชนไทย เราจึงต้องมีการประสานงานกับทั้งคนรุ่นใหม่และคนอื่นที่กำลังทวงความยุติธรรมเหมือนกัน ไม่ใช่คิดแต่เรื่องว่าคนเสื้อแดง ใช่! แต่ตายมากที่สุดนั้นจริง!


เพราะฉะนั้น ขอให้เราภูมิใจว่าขณะนี้เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เราเป็นคนเล็ก ๆ อาจารย์ก็เป็นคนเล็ก ๆ แต่ที่เราทำนั้นเราทำเพื่ออนาคตของประเทศ ไม่ใช่ว่าเราพูดแต่เฉพาะคนเสื้อแดง แต่เรื่องของคนเสื้อแดงนั้นมันเป็นสิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรมของความเลวร้ายของเผด็จการจารีตนิยม อาจารย์ก็ขอฝากพวกเราทุกคนให้ประสานกับกลุ่มต่าง ๆ ขณะนี้อาจารย์รู้สึกเหมือนกำลังทำเสื้อแดงใหม่ ๆ เพราะอาจารย์มองมาเห็น หนูหริ่ง เห็นครูประทีป แล้วประเดี๋ยวเห็นสมยศ คนเหล่านี้ก็คือคนก่อตั้งตั้งแต่แรก ๆ โดยเฉพาะหนูหริ่ง ปรบมือให้หนูหริ่งหน่อย เป็นคนสร้างสัญลักษณ์สีแดง สัญลักษณ์สีแดงหมอหวายเขายังดีใจเขามีเสื้อสีแดงรุ่นแรกเลยที่เก็บเอาไว้ เขาบอกเขาไม่ยอมเอาไปไหน เป็นคนให้สีแดง ขณะนั้นอาจารย์บอกว่า เฮ้ย...เดี๋ยวเขาว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์นะ เพราะว่าอาจารย์เข้าป่ามาแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่สน! เมื่อไม่สนก็ไม่สน แดงก็แดง!!!


ดังนี้ นี่เราจึงแดงมา เพราะฉะนั้นอาจารย์รู้สึกเหมือนเรากำลังจะเริ่มต้นแนวร่วมใหม่อีกครั้งหนึ่ง แนวร่วมประชาชนในการต่อต้านเผด็จการจารีตอำนาจนิยมเพื่อทำให้ประเทศนี้เดินหน้าไปได้ ก็ขอบคุณทุกคนค่ะ สวัสดีค่ะ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #คนเสื้อแดง