“วิโรจน์”
พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ศรีสะเกษ เดินตลาดพบประชาชน
เจอร้องเรียนราคาหอมแดงตกต่ำ เหตุรัฐบาลปล่อยให้หอมแขกจากพม่าทะลักเข้ามากดราคา
วันนี้
(13 ม.ค. 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิโรจน์
ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส. และผู้สมัครผู้ว่า กทม. พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยพรสิทธิ์
รักษาทรัพย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ศรีสะเกษ เขต 5, ศราวุธ ศรีวัง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ศรีสะเกษ เขต 7 และ พงษ์เดช เดชกล้า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ศรีสะเกษ เขต 9
เดินตลาดพบปะประชาชน และมีประชาชนมาร้องเรียนปัญหาว่าตอนนี้
หอมแขกเมียนมาร์ทะลักตลาด
กดราคาหอมแดงไทยเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงในจังหวัดศรีสะเกษเดือดร้อนอย่างมาก
ตอนนี้ราคาตกลงมาเหลือ 7-8 บาท/กก.
ซึ่งเป็นราคาที่ขาดทุนแล้ว แต่ถ้าปล่อยให้สภาพเป็นแบบนี้ต่อไป
แนวโน้มราคาหอมแดงอาจลงไปเหลือแค่ 4-5 บาท/กก. ได้
“ปัญหาที่เราได้รับฟังจากพ่อค้าแม่ขาย แล้วเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงใน 3
อำเภอของจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ อ.ราษีไศล อ.ยางชุมน้อย และ
อ.วังหิน บอกตรงกันว่า ราคาหอมแดงที่กำลังลดต่ำลงมาก ๆ ในขณะนี้
เกษตรกรอยู่ไม่ได้”
วิโรจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า
ประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษบอกว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี
แล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ได้เคยลงพื้นที่ทำบันทึกข้อตกลงกับประชาชนในการแก้ปัญหาแล้ว
แต่เวลาผ่านไปกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซ้ำร้ายราคาหอมแดงมีแต่ตกลงเรื่อย ๆ
“กรณีหอมแดงไม่ใช่สินค้าเกษตรแรกที่โดนสินค้าเกษตรนำเข้าจากต่างชาติเข้ามากดราคา
ถ้าจำกันได้ก่อนหน้านี้มีทั้งกะหล่ำผักกาดจากจีน
ที่เข้ามากดราคาผักของเกษตรกรในภาคเหนือ
แล้วมะพร้าวนำเข้าที่เข้ามากดราคาเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพการทำงานของรัฐมนตรีพาณิชย์
ล้มเหลวในการดูแลเกษตรกรโดยสิ้นเชิง”
วิโรจน์
กล่าวว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องการทำถ้ามีโอกาสได้เป็นรัฐบาล
คือนอกจากการควบคุมดูแลไม่ให้มีสินค้าลักลอบนำเข้ามาตีตลาดเกษตรกรไทยแล้ว
สิ่งที่เกษตรกรสะท้อนว่าต้องการมากๆ คือการวิจัยพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์
“หอมแดงและหอมแขกมีรสชาติและกลิ่นที่ต่างกัน
หอมแขกมีลูกใหญ่แต่รสชาติและกลิ่นหอมสู้หอมแดงไม่ได้ ทำไมรัฐบาลถึงไม่วิจัยปรับปรุงสายพันธุ์
ให้หอมแดงของไทย ที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์กว่าลูกใหญ่เท่ากับหอมแขกจากเมียนมาร์
ให้มีลูกผลที่ใหญ่ขึ้น
ทำให้พืชผักของไทยแข่งขันเป็นที่หนึ่งได้ไม่ต้องกลัวพืชผักจากชาติไหนมาตีตลาด
อย่าอ้างว่านี่ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐมนตรีพาณิชย์
เพราะอย่าลืมว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีหน้าที่รับผิดชอบด้านนี้โดยตรง
ก็อยู่ในกำกับดูแลของรองนายกจุรินทร์เช่นเดียวกัน ประชาชนฝากบอกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ว่าอย่ามัวแต่เอาเวลาไปทำรถพุ่มพวง แต่เอาเวลาไปทำสิ่งที่ผู้บริหารประเทศควรทำบ้าง
เพราะสิ่งนี้กระทบกับความอยู่รอดและเงินในกระเป๋าของพี่น้องเกษตรกรจริงๆ”
วิโรจน์กล่าวทิ้งท้าย
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล
