ชาวหนองคายแห่ฟังปราศรัยเพื่อไทยล้นหลามร่วม
20,000 คน ‘ชลน่าน’ ชี้คนไทยทนลำบากมา 8 ปี ขอ
ปชช.เลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคให้ถล่มทลาย
วันที่ 28 มกราคม 2566 ที่เวทีปราศรัยใหญ่พรรคเพื่อไทย #แลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น ณ ตลาดคลองถม อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ซึ่งมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และใกล้เคียงเข้ามาฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่นรวมกว่า 20,000 คน
นพ.ชลน่าน
ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินไม่ได้ หากเขต 2 หนองคายไม่ชนะเลือกตั้ง
เขตนี้มีผู้สมัคร ส.ส.ผู้หญิง 5 คน ขอให้จดจำนางสาวชนก จันทาทอง พรรคเพื่อไทยเท่านั้น
พรรคเพื่อไทยคัดเลือกผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ที่มีความรู้ความสามารถลงทั้งหมด
400 เขต เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะไม่แบ่งใจให้ใคร
ตนเชื่อว่าเราจะได้เลือกตั้งบัตรสองใบ ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ขอให้พี่น้องประชาชนจดจำหมายเลขผู้สมัครและจดจำโลโก้พรรค เข้าคูหาแล้วกาเพื่อไทย
“เราทนลำบากมา
8 ปี ถูกปล้นอำนาจไป ตอนนี้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่ประกาศนโยบายจับต้องได้
ประชาธิปไตยกินได้ พร้อมคืนราคายางพาราให้พี่น้องกลับมาลืมตาอ้าปากได้
ตอนนี้เราเริ่มแล้วแม้ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล เราเริ่มแล้วที่สกลนครเพิ่มผลผลิตเป็น
100% นี่คือนโยบายประชาธิปไตยที่กินได้ หรือนโยบาย 1 ครอบครัว 1 soft power เช่น หนองคายมีพ่อบ้านเก่งเรื่องบั้งไฟพญานาค ให้ไปลงทะเบียน 1 คน 1
ครอบครัว สร้าง soft power สร้างงานสร้างรายได้
แปลงโอกาสให้เป็นรายได้ของเรา” นพ.ชลน่าน กล่าว
ต่อมา
นายสุทิน คลังแสง ส.ส. จังหวัดมหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กู้มาแล้วแจก หารายได้ไม่เป็น ซ้ำยังขึ้นภาษีทางตรง
ทางอ้อม และภาษีทางโค้ง ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชน ภาษีทางโค้ง
มาจากการประกาศเพิ่มราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์
ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องดีที่ราคาเพิ่มขึ้น พี่น้องประชาชนที่ขายที่ดินในหลายจังหวัดจะได้ประโยชน์
แต่ในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ จะขายที่ดินให้ใคร เพราะแม้ชาวบ้านประกาศขาย
ก็ไม่มีใครซื้อ เพราะราคาซื้อขายขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อผู้ขาย นอกจากนี้ค่าไฟยังแพงขึ้น
ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบจากปัจจุบันที่ประชาชนหันไปทางไหนก็มีแต่หนี้ ธกส.
หนี้สหกรณ์ และหนี้นอกระบบ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจจะเข้ามาแก้ไขปัญหาหนี้สินของพี่น้องประชาชน
ด้านนายอดิศร
เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคเพื่อไทย
กล่าวว่าในรัฐบาลถัดไปที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
จะพัฒนาโครงการ 30 บาทให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
มีเทเลเมดิซีน หรือระบบแพทย์ทางไกล ให้ผู้ป่วยได้พูดคุยกับหมอ
รับยาผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลหรือส่งไปรษณีย์ไปที่บ้านเพื่อความสะดวก
นโยบายเพื่อไทยทำได้ ทำจริง และทำสำเร็จมาแล้ว ดังนั้น เลือกตั้งคราวหน้า
กาเพื่อไทย ทั้งคนทั้งพรรคไม่แบ่งให้ใคร ให้นางสาวแพทองธารได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า
จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ของไทย เป็นเมืองหน้าด่านเชื่อมกับประเทศลาวและติดต่อไปยังประเทศจีน
ซึ่งกำลังมีระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงครอบคลุมอย่างกว้างขวาง
เมื่อประเทศจีนสร้างระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงขยายมายังลาว และเวียดนาม
ได้พาสินค้าต่างๆ ขึ้นไปค้าขายกับประเทศจีนซึ่งมีพลเมืองเป็นพันล้านคนอย่างคึกคัก
เป็นเมืองที่มีอนาคตทั้งการค้าและการท่องเที่ยว
แต่น่าเสียดายที่โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท
ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ซึ่งมีโครงการรถไฟความเร็วสูงถูกรัฐประหารล้มไป
รัฐบาลภายหลังการทำรัฐประหารก็สร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเหมือนกัน
แต่สร้างจากกรุงเทพไปนครราชสีมา ผ่านมา 8
ปียังสร้างไม่เสร็จและไม่รู้จะเสร็จเมื่อใด
รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับไม่เคยคิดจะทำอะไร
พี่น้องต้องอยู่อย่างยากลำบากหากพลเอกประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ
ดังนั้น
ภารกิจแลนด์สไลด์คือเอาประยุทธ์ออกไป เอาความกินดีอยู่ดีกลับมา เอารถไฟฟ้าความเร็วสูงกลับมา
เอาอนาคตชาวหนองคายกลับมา กาเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ กาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย