“ก้าวไกล”
จี้ กกต. ให้คำตอบก่อนเลือกตั้ง จะมีระบบรายงานผลเรียลไทม์หรือไม่ ชี้ราคา 20
ล้านไม่แพง ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้ตลอด แลกความเชื่อถือ-โปร่งใส แนะใกล้เลือกตั้ง
ควรแสดงความพร้อม ดึงคนเก่งไอทีสอดส่องหน่วยเลือกตั้ง
วันนี้
(13 ม.ค. 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล
และ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางแค พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี
แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงว่า กกต.
ไม่มีระบบรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ หรือการรายงานผลเรียลไทม์
กลับยืนยันด้วยปากเปล่าเพียงว่าจะรู้คะแนนเลือกตั้งประมาณ 21.00-22.00 น.
หลังปิดหีบ และยังกล่าวถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันระบบรายงานผลมูลค่า 20 ล้านบาท
ซึ่งทาง กกต. มองว่าราคาของระบบดังกล่าวนั้นสูงเกินไป
ณัฐพงษ์
กล่าวว่า สิ่งที่ กกต. ออกมาพูด คล้ายกับเป็นข้ออ้างว่าองค์กรยังไม่มีแอปพลิเคชันที่พร้อมจะนำไปใช้งานในการรายงานผลแบบเรียลไทม์
แต่ขณะเดียวกันอาจสะท้อนด้วยว่า กกต.
ไม่อยากให้มีระบบที่สามารถรายงานผลคะแนนได้อย่างโปร่งใสหรือไม่
ทั้งที่การจัดเลือกตั้งให้โปร่งใสเป็นหน้าที่ของ กกต. หากไม่มีระบบดังกล่าว ประชาชนจะเกิดความกังวลว่าไม่เห็นคะแนนหลังปิดหีบระหว่างทาง
ไม่รู้เลยว่าผลคะแนนสุดท้ายได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง เช่นการเลือกตั้ง 2562
เกิดข้อครหาเรื่องบัตรเขย่ง ผลคะแนนไม่ตรงกัน แต่ถ้ามีการรายงานผลคะแนนต่อเนื่อง
จะช่วยให้สื่อมวลชนและประชาชนเห็นความคืบหน้าการนับคะแนน ร่วมกันตรวจสอบ เปรียบเทียบระหว่างผลคะแนนที่ได้กับผลลัพธ์สุดท้ายได้
ซึ่งผลทั้งสองควรจะใกล้เคียงกัน
“ระบบการรายงานผลเลือกตั้งแบบเรียลไทม์
เป็นสิ่งที่ต้องมี เพราะจะทำให้สังคมสิ้นข้อสงสัยและยอมรับผลการเลือกตั้ง
ถ้าพูดถึงแอปพลิเคชันแทบจะไม่ต้องผลิตใหม่ เพราะมีแอปฯ ที่พร้อมใช้งานของภาคประชาสังคมทำไว้เยอะแล้ว
แค่อาศัยการออกระเบียบให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
สามารถรายงานผลคะแนนผ่านแอปฯ เหล่านั้นได้ ก็จะแสดงผลเรียลไทม์ได้ทันที อยู่ที่
กกต. ตั้งใจจะทำหรือเปล่า" ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า
กกต. ต้องไม่ลืมว่าตัวเองมีชนักติดหลัง คือข้อครหาว่ามีที่มาที่ยึดโยง คสช.
ดังนั้น หากต้องการพิสูจน์และปกป้องตัวเอง กกต. ต้องทำหน้าที่อย่างโปร่งใส
ให้คำตอบประชาชนก่อนเลือกตั้งว่าจะมีระบบการรายงานผลเลือกตั้งแบบเรียลไทม์หรือไม่
แต่หากสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องตัดสินใจผ่านการเลือกตั้ง
เลือกพรรคก้าวไกลที่มีนโยบายร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ทำให้องค์กรอิสระทุกองค์กรยึดโยงประชาชน ในอนาคตถ้า กกต.
ปฏิบัติหน้าที่อย่างน่าสงสัยแบบที่เป็นอยู่ ประชาชนสามารถถอดถอนได้
ด้านปดิพัทธ์
กล่าวว่า ขอฝากไปถึง กกต. การพัฒนาแอปพลิเคชันรายงานผลเรียลไทม์
ภายใต้กรอบวงเงินการพัฒนาในราคา 20 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
เพราะการพัฒนาระบบนี้แลกมากับความเชื่อถือของการรายงานผลที่โปร่งใสและรวดเร็ว
เป็นการลงทุนครั้งเดียวที่ใช้ได้ไปตลอด หากเทียบกับสิ่งที่ กกต. เคยทำมา
ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันอย่าง ตาสับปะรด หรือ Civic Education หรือแม้แต่แอปดาวเหนือ
กกต. ก็สามารถหางบประมาณมาทำได้ตลอด หรือต่อให้ไม่มีงบประมาณ กกต.
ก็สามารถแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐหรือเอกชนได้ ไม่ว่าจะเป็น Vote62 หรือ Elect หรือสถาบันพระปกเกล้า ดังนั้น
เพื่อความโปร่งใส กกต. ต้องเร่งจัดหาเครื่องมือการรายงานผลให้ได้โดยเร็วที่สุด
ปดิพัทธ์
กล่าวอีกว่า กกต. ควรแสดงความพร้อมในการจัดเลือกตั้งให้มากกว่านี้
เพราะตอนนี้แม้จะใกล้วันเลือกตั้ง แต่ กกต.
ยังไม่สามารถให้ความชัดเจนเรื่องการแบ่งเขต
ไม่มีความพร้อมเรื่องแอปพลิเคชันรายงานผล ทั้งหมดนี้ทำให้ความน่าเชื่อถือขององค์กรจัดการเลือกตั้งยิ่งถดถอย
วันนี้ประชาชนต้องการฟื้นฟูประเทศด้วยฉันทามติ โดยมีการเลือกตั้งเป็นคำตอบ
เขาตระหนักรู้แล้วว่าบทเรียนเมื่อปี 2562 นำไปสู่ความล้มเหลวในกระบวนการทางรัฐสภา
ดังนั้น หาก กกต. ยังนิ่งเฉย และทำเรื่องที่ซ้ำรอยความล้มเหลวในอดีต
ตนก็คิดว่าสังคมไทยคงไปต่อยาก
“สุดท้ายที่อยากฝากถึง
คือรัฐสภาได้เรียกร้องให้ กกต.
เปิดกว้างให้นักศึกษาหรือคนที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี
มาช่วยสอดส่องหน่วยเลือกตั้งหลังมีการอบรมด้านกฎหมายเลือกตั้ง
เพราะเป็นที่ทราบกันมาโดยตลอดว่าหน่วยเลือกตั้งหลายจุดกลายเป็นสถานที่อื้อฉาว
กลายเป็นแหล่งรวมหัวคะแนนของรัฐบาล และกลายเป็นกลไกของกระทรวงมหาดไทย
ดังนั้นจึงอยากให้มีความโปร่งใสเกิดขึ้นตลอดการเลือกตั้ง” ปดิพัทธ์กล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล