วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2566

"ก้าวไกล" ยื่นหนังสือ"ประธานศาลฎีกา" ถามแนวทางการให้ประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมือง ร้องให้ยึดหลักนิติรัฐ-ความยุติธรรม เชื่อสามารถแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลายได้

 


"ก้าวไกล" ยื่นหนังสือ"ประธานศาลฎีกา" ถามแนวทางการให้ประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมือง ร้องให้ยึดหลักนิติรัฐ-ความยุติธรรม เชื่อสามารถแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลายได้

 

วันนี้ (31 ม.ค. 66) ที่สำนักงานศาลฎีกา พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส. พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เพื่อสอบถามประเด็นบรรทัดฐานในการให้ประกันตัวผู้ต้องหาจากคดีการแสดงออกทางการเมือง ทั้งขอให้พิจารณาดำเนินการตามหลักนิติรัฐและความยุติธรรม จากกรณีที่ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนักกิจกรรมทางการเมือง ส่งผลให้ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน” และ อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ “แบม” นักกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ประกาศถอนประกันตนเองและอดน้ำ-อาหาร เพื่อเรียกร้องต่อกระบวนการยุติธรรมให้สิทธิประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมืองทุกคน ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม เป็นต้นมา

 

โดย พิธา ร่วมกับ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้แถลงข่าวบริเวณหน้าสำนักงานศาลฎีกา และรายละเอียดในหนังสือมีใจความดังนี้

 

ด้วยขณะนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาในฐานความผิดจากการแสดงออกทางการเมืองหลายคดีไม่ได้รับการเคารพสิทธิประกันตัว ทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว หรือมีการกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวที่ขัดต่อหลักความได้สัดส่วนและขัดต่อหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีอาญา ซึ่งสิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้รับรองไว้และรัฐจึงเคารพสิทธิดังกล่าวนั้น และพึงระมัดระวังการใช้อำนาจรัฐในทางปฏิเสธสิทธิประกันตัวของประชาชน กระทั่งได้มีกลุ่มคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ทำจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา อธิบดีศาลอาญา และอธิบดีศาลอาญากรุงเทพใต้ เรียกร้องให้ศาลพิจารณาปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองทุกคดีตามหลักกฎหมาย และขอให้ศาลพิจารณายกเลิกกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวที่ขัดต่อหลักความได้สัดส่วนและหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีอาญา

 

นอกจากนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยังได้ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การอดอาหารของ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ อรวรรณ ภู่พงษ์ เยาวชนนักกิจกรรมทางการเมืองในปัจจุบัน และขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติการตามสิทธิ หน้าที่ และอำนาจ โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน เคารพในสิทธิและเสรีภาพ ทั้งเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ เปิดเผย ปราศจากอาวุธ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และสิทธิในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะสิทธิที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งสิทธิและเสรีภาพดังกล่าวได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยให้การรับรอง

 

ข้าพเจ้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดังมีรายนามตอนท้ายหนังสือนี้ ขอแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่บอบบางต่อสิทธิมนุษยชน และท่าทีของศาลยุติธรรมในการกำกับดูแลของประธานศาลฎีกา (“ท่าน”) ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจในการดำเนินนโยบายเกี่ยวกับกิจการในศาลยุติธรรม รวมถึงการควบคุมหรือรักษาความเป็นเอกภาพของคําพิพากษาหรือคำสั่งของศาล

 

ทั้งนี้ ตามนัยแห่งระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการรายงานคดีสำคัญในศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์ต่อประธานศาลฎีกา และการรายงานคดีและการตรวจสำนวนคดีในสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค พ.ศ. 2562 กำหนดให้ในคดีเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 107- 135 ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องรายงานคดีต่ออธิบดีผู้พิพากษาภาค และอธิบดีผู้พิพากษาต้องรายงานคดีต่อประธานศาลฎีกา โดยกำหนดให้มีการตรวจร่างคำพิพากษาหรือคำสั่งเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยตามข้อ 14 แห่งระเบียบดังกล่าว ระบุว่า “การตรวจร่างคำพิพากษาหรือคำสั่งตามข้อ 13 ให้ดำเนินการเพื่อรักษาแนวบรรทัดฐานของคำพิพากษาหรือคำสั่ง และให้การใช้ดุลพินิจของศาลเป็นไปโดยถูกต้องในแนวทางเดียวกัน ในกรณีที่ต่างไปจากแนวบรรทัดฐาน ควรมีเหตุผลพิเศษ และให้แสดงเหตุผลไว้ในร่างคำพิพากษาหรือคำสั่งด้วย

 

ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ข้าพเจ้าดังมีรายนามตอนท้ายหนังสือนี้ จึงใคร่เรียนสอบถามว่า การที่ศาลยุติธรรมมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาในฐานความผิดอันเนื่องจากการแสดงออกทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็ดี มาตรา 116 ก็ดี หรือมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องก็ดี ทั้งที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาว่าบุคคลดังกล่าวได้กระทำผิดจริงตามคำฟ้อง อันพึงสันนิษฐานว่าบุคคลดังกล่าวยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ หรือมีการกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวที่ขัดต่อหลักความได้สัดส่วนและขัดต่อหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีอาญานั้น เป็นคำสั่งอันเนื่องจากการควบคุมความเป็นเอกภาพของคำสั่งศาลตามนัยแห่งระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการรายงานคดีสำคัญในศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์ต่อประธานศาลฎีกา และการรายงานคดีและการตรวจสำนวนคดีในสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค พ.ศ. 2562 ซึ่งอยู่ในการควบคุมกำกับดูแลหรือบังคับบัญชาของท่านหรือไม่

 

ข้าพเจ้าขอเรียนว่า สถานการณ์ที่บอบบางต่อการประกันสิทธิเสรีภาพตามหลักสิทธิมนุษยชนและสิทธิที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยรับรองไว้ในปัจจุบัน อาจคลี่คลายได้ด้วยการที่ศาลยุติธรรม โดยกำกับดูแลหรือบังคับบัญชาของท่าน เคารพหลักนิติรัฐและจรรโลงความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างแท้จริง

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการยื่นหนังสือ มีตัวแทนจากประธานศาลฎีกาออกมารับหนังสือ ทำให้ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ สอบถามเจ้าหน้าที่ถึงแนวทางการติดตามความคืบหน้าและถามถึงความเป็นไปได้ในการเปิดพื้นที่พูดคุยถึงบรรทัดฐานในกระบวนการยุติธรรม แต่เจ้าหน้าที่มีท่าทีบ่ายเบี่ยง ให้เพียงชื่อและหมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อเท่านั้น

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ตะวันแบม #คืนสิทธิประกันตัว