วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2566

ชูวิทย์หอบหลักฐานเข้าให้ข้อมูลจเรตำรวจแห่งชาติ ประกาศดักพบนายกฯ ที่ศูนย์สิริกิติ์เย็นนี้!!!

 


ชูวิทย์หอบหลักฐานเข้าให้ข้อมูลจเรตำรวจแห่งชาติ ประกาศดักพบนายกฯ ที่ศูนย์สิริกิติ์เย็นนี้!!!


วันนี้ (9 ม.ค. 2566) เวลา 14.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หอบพยานหลักฐานเป็นเอกสารและคลิปวีดีโอต่าง ๆ จำนวน 1 กล่องพลาสติกใหญ่ มาเข้าพบคณะกรรมการจเรตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากได้รับหมายเรียกให้เข้ามาสอบปากคำและให้ข้อมูลในคดีการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายในคดี “ผับจินหลิง” และเครือข่ายของนายตู้ห่าว


โดยนายชูวิทย์ ประกาศชัดเจนว่า วันนี้ตั้งใจมาให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบ แต่มองว่าการเรียกเข้ามาครั้งนี้เหมือนเป็นละคร ลิเกโรงใหญ่ เพราะเชื่อว่าจเรตำรวจแห่งชาติจะไม่เอาจริง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ควรมีคนกลางที่ไม่ใช่ตำรวจมาร่วมในการตรวจสอบด้วยเหมือนในต่างประเทศ หากวันนี้เข้าไปให้ข้อมูลแล้วทางจเรตำรวจแห่งชาติไม่ได้มีท่าทีจะเอาจริงในการเอาผิดกับตำรวจชุดดังกล่าว ก็จะเดินออกจากห้องทันที


สำหรับหลักฐานที่นำมามอบให้จเรตำรวจแห่งชาติวันนี้มีทั้งหลักฐานการตัดต่อภาพวงจรปิดของ “ผับจินหลิง” และ “ผับลีลา” ซึ่งมีภาพการตั้งบ่อนการพนันในจุดดังกล่าว หลักฐานการออกหมายจับช้า การไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินกับนายตู้ห่าว ทั้งที่เวลาผ่านมานาน การไม่ดำเนินคดีเรื่องบ่อนการพนันในผับจินหลิง โดยนายชูวิกล่าวว่า พยานหลักฐานที่นำมาวันนี้เป็นเพียงบางส่วน โดยยังมีพยานหลักฐานอยู่อีกจำนวนมาก แต่ต้องดูท่าทีของจเรตำรวจแห่งชาติว่าจะเอาจริงในเรื่องนี้หรือไม่ แต่เชื่อว่าจเรตำรวจมีข้อมูลทุกอย่างอยู่แล้ว


นอกจากนี้นายชูวิทย์ยังยืนยันว่า สิ่งที่ทำทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือต้องการกลั่นแกล้งทางการเมืองกับบุคคลใด และไม่ได้คิดจะไปสังกัดพรรคไหน ไม่ได้รับใบสั่งจากใคร สิ่งที่ทำเป็นการทำตามสิทธิของประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น


ทั้งนี้ในการเข้าให้ข้อมูลวันนี้จะตั้งข้อสังเกตเรื่อง พันตำรวจโท คมไพร และรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ที่ดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ในขณะที่เกิดคดีว่า ใครเป็นคนดูแลตำรวจทั้งสองนายนี้มาตั้งแต่เป็นชั้นประทวน ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า หลังมีการจับผับจินหลิง มีการสั่งย้ายนายตำรวจเพียงแค่นายเดียว ทั้งที่คดีอื่น ๆ ต้องสั่งย้ายทั้ง 5 เสือของสน.ที่เกิดเหตุ เหมือนกับกรณีของผู้เสียชีวิตภายในผับ top one พื้นที่ สน.สุทธิสาร และกรณีผับเครือข่ายของนายตู้ห่าวที่พัทยา


ส่วนกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตำรวจที่ทำสำนวนคดีนายหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นคนส่งข้อมูลและพยานหลักฐานไปให้ตนเอง เรื่องนี้มองว่าตำรวจนายดังกล่าวไม่เกี่ยวข้อง แต่ตนเองมีข้อมูลที่ได้จากแหล่งอื่นไม่ใช่เพียงตำรวจนายดังกล่าวเพียงคนเดียว และเชื่อว่าการตั้งคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าวจะไม่ทำให้ตำรวจนายอื่น ๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับการทำคดีของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะไม่กล้าส่งข้อมูลอื่นๆมาให้อีก


ทั้งนี้ นายชูวิทย์ยังกล่าวถึงเรื่องที่อัยการเข้ามาดูคดีนายตู้ห่าว ที่จนถึงขณะนี้อัยการยังไม่มีการรับคดีของนายตู้ห่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร แต่เข้ามาทำหน้าที่ที่ปรึกษาเท่านั้น ซึ่งสำนวนคดีอยู่ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอาจทำให้คดีเกิดความเสียหายได้ มองว่าเหมือนเป็นการเล่นละครอีกโรงหนึ่ง


ก่อนจะเดินทางเข้าห้องประชุมนายชูวิทย์ยังประกาศว่า ในช่วงเย็นจะไปที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะมีการประกาศเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อถามคำถามนายกรัฐมนตรี สั้น ๆ ว่า บรรดาเครือญาติคนใกล้ชิดท่านแต่ละคน ล้วนมีปัญหาทั้งนั้น จริงหรือไม่? อยากจะให้อธิบาย ถ้าไม่รู้ ไม่เกี่ยวก็ตอบมาให้ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องหงุดหงิด เสียอารมณ์ ทั้งนี้นายชูวิทย์จะนำตะเกียงและเทียนไปด้วย หากเข้าไม่ถึงตัวนายกรัฐมนตรีก็จะหาที่นั่ง จุดตะเกียงรอเข้าพบและให้ข้อมูลต่าง ๆ จนได้


พร้อมกันนี้ นายชูวิทย์ยังได้เหยียบกล่องหลักฐานโชว์สื่อพร้อมกับกล่าวว่า “นี่เป็นโรงลิเกโรงใหญ่” และกล่าวว่า


“ผมตั้งคำถามเรื่องทุจริตคอรัปชั่นล้วน ๆ ไม่มีเรื่องอื่น ผมจะเลือกท่าน (นายกฯ) ท่านก็ควรแสดงวิสัยทัศน์ให้ประชาชนเห็น” พร้อมย้ำว่า ตนพร้อมสนับสนุนนายกฯ อยู่แล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ชูวิทย์กมลวิศิษฐ์ #ทุนจีนสีเทา #ตู้ห่าว