วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2566

มวลชนเดินสายยื่นหนังสือ 10 สถานทูต รายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนหลังการประชุม APEC2022 และสถานการณ์ปัจจุบันกรณี “ตะวัน-แบม” ตั้งข้อสังเกต การละเมิดหลักการพื้นฐานในทางกฎหมายของรัฐไทยเกิดขึ้นต่อจำเลยคดีการเมืองเท่านั้น

 


มวลชนเดินสายยื่นหนังสือ 10 สถานทูต รายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนหลังการประชุม APEC2022 และสถานการณ์ปัจจุบันกรณี “ตะวัน-แบม” ตั้งข้อสังเกต การละเมิดหลักการพื้นฐานในทางกฎหมายของรัฐไทยเกิดขึ้นต่อจำเลยคดีการเมืองเท่านั้น


วันที่ 23 มกราคม 2566 กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มทะลุวัง กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และกลุ่มแนวร่วมอื่น ๆ จัดกิจกรรมนัดหมายมวลชนเดินสายยื่นหนังสือถึงผู้นำ APEC ตามสถานทูตประเทศต่าง ๆ


โดยเมื่อเวลา 9.45 น. มวลชนทยอยเข้ารวมตัวกันในพื้นที่ ก่อนเข้ายื่นหนังสือกับตัวแทนจากสถานทูตฝรั่งเศส เมื่อเวลา 10.10 น. ก่อนเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ รถแท็กซี่ และรถยนต์ส่วนตัวไป ยื่นหนังสือที่สถานทูตมาเลเซียต่อไปตามลำดับ


ทั้งนี้ กำหนดการเดินสายยื่นหนังสือจะเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น. – 14.30 น. โดยเริ่มจากสถานทูตฝรั่งเศส, สถานทูตมาเลเซีย, สถานทูตแคนาดา, สถานทูตออสเตรเลีย, สถานทูตญี่ปุ่น, สถานทูตสหรัฐอเมริกา, สถานทูตนิวซีแลนด์,  สถานทูตอินโดนีเซีย, สถานทูตชิลี และสถานทูตเกาหลีใต้


โดยรายงานที่นักกิจกรรมเหล่านี้ยื่นต่อสถานทูตต่าง ๆ มีเนื้อหาเป็นรายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนหลังการประชุมเอเปค 2022 ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและถูกยิงกระสุนยางเข้าที่ตาจนตาบอดจากการเข้าร่วมชุมนุมเอเปค อีกทั้งยังรายงานถึงสถานการณ์ที่ประชาชนโดนเพิกถอนการประกันตัว จากการเข้าร่วมชุมนุมเอเปค ทั้งที่เงื่อนไขการให้ประกันตัวนั้นขัดกับรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าการละเมิดหลักการพื้นฐานในทางกฎหมายของรัฐไทยนั้นมักเกิดขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญต่อจำเลยคดีทางการเมืองเท่านั้น


ในรายงานระบุถึง กรณีที่ปรากฏชัดเจนคือการเพิกถอนการประกันตัวของนักกิจกรรมทางการเมืองสองคนเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ผู้พิพากษาเจ้าของคดีเป็นผู้เดียวที่มีส่วนในการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อถอนประกันครั้งล่าสุดเองโดยไม่มีพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนเข้าไปเกี่ยวข้องในการยื่นเรื่องเพิกถอนการให้ประกันตัว บทบาทของศาลในอารยะประเทศควรวางตัวเป็นกลางไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับฝ่ายโจทก์หรือจำเลยในคดี ภาระการพิสูจน์ควรอยู่ที่โจทก์หรือจำเลยหาใช่ศาลสถิตยุติธรรมไม่ และบางคำตัดสินของศาลสะท้อนถึงอคติของผู้พิพากษาเป็นผลให้เกิดความไม่เป็นกลางในการบังคับใช้กฎหมายและที่ผ่านมายังมีการนำ มาตรา 30 ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาจำกัดสิทธิ์ของผู้ที่มาใช้พื้นที่ในบริเวณศาลทั้งนักสื่อมวลชนและประชาชนอีกด้วย


ช่วงท้ายของรายงานระบุว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้นำและผู้เข้าร่วมการประชุมเอเปคแต่ละประเทศ จะพิจารณาถึงผลกระทบจากการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก(เอเปค) ที่จัด ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา และไม่นิ่งเฉยและปล่อยให้รัฐไทยละเมิดหลักกฎหมาย สิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนต่อไป


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #APEC2022