“ณัฐวุฒิ” เผย!
จุดแยกทางแกนนำนปช. ความจริงอีกมุมเพื่อความครบถ้วนรอบด้าน
วันที่ 27 มกราคม 2566 นายณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ได้กล่าวผ่านยูทูป ทางช่อง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ Official ในประเด็น “จุดแยกทางแกนนำนปช.”
ความจริงอีกมุมหนึ่ง เพื่อความครบถ้วนรอบด้าน!
โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า
ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองสลักสำคัญอะไรนะครับ
แต่ว่าสำหรับผมคำว่า “คนเสื้อแดง” มันคือชีวิต มันยิ่งใหญ่
มันทรงคุณค่าและมากด้วยความหมาย คำว่า “นปช.”
ซึ่งเป็นองค์กรนำการต่อสู้ในช่วงเวลาหนึ่ง มันก็คือช่วงสำคัญในชีวิตที่ผมกับพี่ ๆ
น้อง ๆ ได้ทำหน้าที่ในองค์กรดังกล่าวนำพาการต่อสู้ร่วมกับประชาชน
ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ที่แกนนำนปช.แยกทางกันออกเป็นสองส่วน
และการดำรงสภาพขององค์กรนปช.ไม่ได้มีอยู่จริงอีกเลยตั้งแต่บัดนั้น
จึงเป็นบรรทัดประวัติศาสตร์สำคัญที่ผมกับพี่ ๆ น้อง ๆ พูดคุยเห็นตรงกันว่า
เราควรทำให้มีความชัดเจนเพื่อที่จะให้ผู้คนทั้งที่ร่วมต่อสู้มาด้วยกัน
ผู้สนใจทั่วไป หรือประชาชนในยุคต่อ ๆ ไป ได้เข้าใจข้อเท็จจริงนี้
นี่เป็นข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่งจากผมและพี่น้อง ซึ่งก็จะเล่าสู่กันฟัง
เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบ แล้วก็ใช้วิจารณญาณทำความเข้าใจในความเป็นมาและเป็นไปขององค์กรนี้
เมื่อราว ๆ กลางปี 2561
หลังจากที่คุณจตุพรในฐานะแกนนำนปช.ออกจากเรือนจำ
เราก็มีการพบปะมีการประชุมกันตามปกติ คือวิถีขององค์กรนปช.ตั้งแต่ยุคก่อตั้งเรื่อยมาจนถึงช่วงเวลานั้น
เราทำอะไรเราจะมีที่ประชุมของเรา
และมติของที่ประชุมเป็นสิ่งที่เราถกเถียงจนได้ข้อยุติยอมรับแล้วก็ปฏิบัติด้วยกัน
ตลอดเวลามันเป็นมาแบบนี้
วันหนึ่งคุณจตุพรก็ได้ปรารภหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นไปแล้ว
ก็เป็นการนั่งสนทนาดื่มกินสังสรรค์ของพี่น้องแกนนำนปช.จำนวนหนึ่ง
มีผมนั่งอยู่ในนั้นด้วย คุณจตุพรเล่าให้ฟังว่าได้ตกลงใจที่จะทำพรรคการเมืองชื่อ
“พรรคเพื่อชาติ” ร่วมกับนักการเมืองอีกกลุ่มหนึ่ง
นำโดยนักการเมืองคนสำคัญซึ่งก็เป็นผู้ที่ข่าวปรากฏว่าร่วมกันก่อตั้งพรรคเพื่อชาติกับคุณจตุพรนั่นเอง
ก็เล่าให้ฟังว่ามีแผนการที่จะดำเนินการพรรคเพื่อชาติต่อไปอย่างไร
ภายใต้กติกาเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว
ผมนั่งฟังจนจบแล้วก็ทักท้วงขึ้นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับขบวนการของเราที่เดินกันมา
เพราะเราไม่เคยพูดคุยกันอย่างจริงจังเรื่องการจะตั้งหรือจะเป็นพรรคการเมือง
ผมจึงเสนอในวงเสวนาดังกล่าวว่าเรื่องนี้ควรต้องนำเข้าที่ประชุมแกนนำนปช.
ถกอภิปรายหารือกันอย่างเป็นทางการ
ถ้าหากจะมีการไปสรุปหรือตกลงกันไว้ก่อนไม่น่าจะใช่วิถีทางที่เรายึดถือแล้วก็ปฏิบัติร่วมกันมา
บรรยากาศตอนนั้นก็เลยเริ่มกลายเป็นความเห็นไม่ตรงกัน
ผมมี
SENSE ว่าภารกิจนั้นจะเดินต่อไปด้วยความยากลำบากและถึงที่สุดคงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
จังหวะหนึ่งผมลุกไปเข้าห้องน้ำ พราหมณ์ศักดิ์ระพีก็เดินตามผมไป
ผมบอกพราหมณ์ศักดิ์ระพีว่าน่าห่วงใยอย่างยิ่งกับเรื่องที่เรากำลังคุยกัน
และเรื่องนี้จะมีการต้มกันครั้งยิ่งใหญ่
ความหมายของผมในตอนนั้นก็คือระวังกลุ่มที่มาชวนคุณจตุพรนั่นแหละจะต้มกัน
ซึ่งภายหลังก็ทราบว่าการดำเนินการของพรรคการเมืองนี้มีความขัดแย้งกันอย่างสูงตั้งแต่ช่วงส่งรายชื่อผู้สมัคร
ซึ่งเหตุผลข้อเท็จจริงจะเป็นประการใดอย่างไรผมไม่ขอก้าวล่วง
หลังจากวันดังกล่าวผมก็เสนออีกสองสามครั้ง
ทั้งด้วยวาจาแล้วก็พิมพ์เข้าไปในไลน์กลุ่มของแกนนำนปช.
ว่าเรื่องนี้ต้องนำเข้าที่ประชุม อาจารย์ธิดาก็เห็นตรงกัน
แล้วก็ทำแบบเดียวกันกับผมนี่แหละ
คือเสนอว่าต้องพิจารณาประเด็นดังกล่าวในที่ประชุมตามวิถีของเรา แต่ว่าในที่สุดข้อเสนอเรียกร้องการประชุมไม่ได้รับการตอบสนอง
ไม่มีการนัดหมายประชุมแกนนำนปช.อีกเลย
แล้ววาระในการเดินหน้าพรรคเพื่อชาติก็ยังคงเดินทางต่อไป
เรื่องของพรรคเพื่อชาติในมุมของผม
ถ้าจะเกี่ยวกับคุณโทนี่หรืออดีตนายกฯ ทักษิณ บ้าง
ก็ตรงที่เมื่อเห็นต่างกันแล้วไม่มีการประชุมแน่ ๆ แล้ว
ผมก็ได้ติดต่อเพื่อสอบถามว่าท่านมีแนวทางในการให้ทำพรรคเพื่อชาติหรือไม่
ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีแนวทางดังกล่าวแต่อย่างใด
แต่นั่นเป็นการตรวจสอบเพื่อความเข้าใจ เพื่อความแน่ใจเท่านั้น
เนื่องจากว่าเราตัดสินใจไม่ได้ไปด้วยเพราะว่ามันไม่ได้มีการหารือกันตั้งแต่ต้นก่อนตัดสินใจ
นั่นจึงเป็นเหตุผลข้อใหญ่
เวลานั้นยังไม่มีเรื่อง
“พรรคไทยรักษาชาติ”
ยังไม่เคยมีใครได้ยินหรือยังไม่เคยมีใครติดต่อพูดคุยเรื่องดังกล่าวทั้งสิ้น
จนผมได้รับการบอกกล่าวจากทีมงานของสถานีโทรทัศน์ PEACE TV ให้เหตุผลว่าบ้านเมืองกำลังเข้าสู่สถานการณ์การเลือกตั้ง
ก็อยากจะปรับหน้าจอให้คนที่มีแผนจะลงเลือกตั้งงดจัดรายการ เพื่อที่จะให้สอดคล้องต้องตามกฎหมายการเลือกตั้งที่กำลังจะมีผลในอนาคต
ผม คุณหมอเหวงก็ยุติการจัดรายการ อาจารย์ธิดากับคุณหมอหวายก็ยุติตามกันมาด้วย
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เข้าไปในที่ทำการของ PEACE TV อีก
แล้วพวกผมก็พากันมาก่อตั้งอาคารที่ทำการของ “ยูดีดีนิวส์” ผมอยู่แถวเมืองนนท์
ก็เห็นห้างเก่า ๆ ห้างหนึ่ง ก็ให้พรรคพวกไปเจรจาติดต่อ แล้วก็ชวนเพื่อน ๆ
มาร่วมกันสนับสนุน ก่อสร้างสำนักงานจัดหาอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งหลาย “ยูดีดีนิวส์”
ก็เลยมีที่ทำการแล้วก็เดินทางต่อมาเป็นสื่อมวลชนออนไลน์ของฝ่ายประชาธิปไตยอย่างที่อาจารย์ธิดาและทีมงานกำลังทำอยู่ในเวลานี้
หลังจากที่เรากำลังลงมือก่อสร้างสำนักงานในราวต้นเดือนพฤศจิกายน
ก็ได้รับการประสานงานเชิญชวนเข้าร่วมงานกับพรรคไทยรักษาชาติ
ซึ่งพวกผมก็นัดประชุมหารือกัน 4-5 รอบ ก่อนที่จะตกลงใจร่วมกัน
แล้วก็เดินเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมคุณจาตุรนต์ ฉายแสง
ซึ่งก็เป็นหนึ่งในวงที่เราหารือด้วยกันในช่วงนั้น
ดังนั้น จุดแยกที่สำคัญขององค์กรนำนปช.จึงอยู่ที่กระบวนการในการทำงาน
ซึ่งเราไม่ได้รักษาวิถีแห่งเรา ไม่ได้มีการบอกกล่าว ไม่ได้มีการประชุมใด ๆ
ก่อนที่จะตัดสินใจครั้งสำคัญ
นี่เป็นข้อเท็จจริงซึ่งยังผลให้องค์กรนำของนปช.ไม่คงสภาพอยู่จนถึงปัจจุบัน
เรื่องราวมันก็ผ่านมาหลายปีนะครับ
ผมไม่มีเจตนาจะหาคนถูกคนผิดในเรื่องนี้ แต่ว่าเหตุผลของผมตรงไปตรงมาก็คือ
ความจริงมันต้องถูกบันทึกแล้วก็นำเสนอ
ผมกับพี่น้องแกนนำนปช.ในส่วนที่เรายังทำงานการเมืองร่วมกัน
เราก็ยังรักษาแนวปฏิบัติเดิมนะครับ มีอะไรเราปรึกษาหารือพูดคุยกัน
เราเห็นว่าเหตุการณ์ที่เป็นจุดแยกของแกนนำนปช.เป็นเรื่องสำคัญ
แล้วก็ควรจะถูกบันทึกไว้ในบรรทัดประวัติศาสตร์
อย่างน้อยก็สำหรับผู้สนใจอย่างชัดเจน ครบถ้วน รอบด้าน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #นปช. #คนเสื้อแดง