ก้าวไกลเปิดแคมเปญ
"กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม" "พิธา"
ประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ปิดสวิตช์ 3ป
วันนี้
(28 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 13.45 น. ที่อาคารอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต พรรคก้าวไกล จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคก้าวไกล
ได้มีการเปิดแคมเปญ "กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม"
พร้อมนโยบายหาเสียง 3 ด้าน การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต
โดยมีตัวแทนพรรคก้าวไกลแสดงวิสัยทัศน์
4 คน คือ พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบายพรรคก้าวไกล, รังสิมันต์
โรม โฆษกพรรค, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพ เขตบางขุนเทียน
และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค
เวทีเริ่มต้นที่พริษฐ์
วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบายพรรคก้าวไกล
ขึ้นพูดเปิดในการแสดงวิสัยทัศน์และเปิดสโลแกนการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล
“กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” โดยพริษฐ์กล่าวว่า ถ้าเราดูข่าวที่รวบรวมปัญหาประเทศย้อนหลังไป
20 30 40 50 ปีที่แล้ว จะพบว่าปัญหาที่กำลังเผชิญกันอยู่ในปัจจุบัน เป็นปัญหาเดิมๆ
ที่เราเผชิญมาหลายสิบปี แต่ถ้าเราต้องการประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม
พรรคก้าวไกลเท่านั้นคือคำตอบ
“ผมเชื่อว่าเมื่อเราบอกว่าก้าวไกลต้องการสร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม
สำหรับคนบางกลุ่มฟังดูผิวเผินเหมือนเป็นสิ่งที่น่ากลัว
แต่ผมอยากชวนทุกคนคิดในมุมกลับ ว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าคือประเทศไทยแบบเดิมๆ ต่างหาก
ที่ต้องคอยถาม ผบ.ทบ. ว่าจะมีการรัฐประหารไหม กระบวนการยุติธรรมและกฎหมายแบบเดิม
ที่เปิดช่องให้จับคนไปขังคุกได้เป็นสิบๆปี เพียงเพราะเห็นต่างทางการเมือง
เศรษฐกิจแบบเดิม ที่ 10% ของคนครอบครอง 50% ของทรัพย์สิน และ 60% ของที่ดิน
และสวัสดิการ-การศึกษาแบบเดิม
ที่เด็กต้องมาขอรับบริจาคหรือแข่งกันร้องเพลงเพื่อได้เรียนต่อ
หากไม่อยากวนอยู่กับปัญหาเดิมๆเหล่านี้ ก็ต้องเลือกคนที่จะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง
กาพรรคก้าวไกล เพื่อประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม เป็นประเทศที่การเมืองดี ปากท้องดี
และ มีอนาคต”
ต่อมา
รังสิมันต์ โรม ปราศรัยเปิดกลุ่มนโยบาย “การเมืองดี”
โดยระบุว่าประเทศไทยที่การเมืองแบบเดิม ไม่เคยมีอะไรเป็นของประชาชน อำนาจไม่ใช่ของประชาชน
ระบบราชการไม่ใช่ของระชาชน และชาติไม่ใช่ประชาชน แต่การเมืองดี
ที่ก้าวไกลจะทำให้เกิดขึ้น คือการเมืองที่ทำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
พร้อมชูนโบายครบเซ็ต ยกเลิกเกณฑ์ทหาร-ปฏิรูปกองทัพ-ตำรวจ-ราชการ-ดันเพดานเสรีภาพ
แก้ ม.112-116-พ.ร.บ.คอมฯ โดยรังสิมันต์ย้ำว่า ถ้าไม่แก้ปัญหาการเมืองก่อน
ก็แก้ปัญหาปากท้องให้แก่ประชาชนไม่ได้
“ห่างไปจากที่นี่ไม่เกิน
200 เมตร มีคนสองคนกำลังอดอาหารเพื่อเรียกร้องความปกติของสังคม
ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อทุกคน
แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือประเทศนี้มอบความปกติให้กับพวกเขาไม่ได้ และเอาพวกเขาไปขังเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็น
พูด ตั้งคำถาม
ประเทศนี้จะเดินหน้าต่อได้อย่างไรถ้ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นเช่นนี้
ถ้าผู้พิพากษาไม่มีหัวใจเป็นของประชาชน และถ้ายังกฎหมายที่ปิดปากอยู่แบบนี้”
รังสิมันต์กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับนโยบายปากท้องดี
ณัฐชาเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลหลายเรื่อง ซึ่งนโยบายเด่น เช่น
ปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 450 บาททันที และให้มีการขึ้นค่าแรงตามเงินเฟ้อทุกปี
ต่อด้วยนโยบายอุดหนุนงบประมาณ 10,000 ล้านบาท
ให้ประชาชนในทุกเขตเมืองในประเทศไทยมีรถเมล์ไฟฟ้า นอกจากนี้ณัฐชายังย้ำถึงนโยบายรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าที่จัดสรรให้ประชาชนโดยไม่ต้องมีการลงทะเบียนแย่งชิงกันอีกต่อไป
เด็กเล็กได้ 1,200 บาท ผู้สูงวัยได้ 3,000 บาทต่อเดือน และยังมีนโยบายเร่งออกโฉนด
10 ล้านไร่
ยึดที่สปก.จากนายทุนและเปลี่ยนเป็น สปก. ให้เกษตรกร
“พอกันทีกับนโยบายปากท้องแบบเดิมๆ
คือบีบให้จนแล้วแจก กดให้โง่แล้วปกครอง ปล่อยให้ป่วยแล้วรักษา
ใช้ภาษีที่รีดมาสร้างบุญคุณ เราต้องการนโยบายปากท้องแบบใหม่
และด้วยนโยบายปากท้องของพรรคก้าวไกล ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” ณัฐชากล่าว
ปิดท้ายที่พิธา
ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
แสดงวิสัยทัศน์คนสุดท้ายในการประชุมใหญ่สามัญพรรคก้าวไกล ในหัวข้อ “มีอนาคต”
โดยพิธากล่าวว่าประเทศไทยไม่ได้ต้องการผู้บริหารที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าซ้ำซากไปวันๆ
แต่ต้องเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนปัญหาของประเทศเป็นโอกาสของอนาคต
เปลี่ยนปัญหาของประเทศเป็นงาน อุตสาหกรรมใหม่ๆ หรือ “สร้างงาน ซ่อมประเทศ”
เช่นการทำน้ำประปาดื่มได้ ที่ต้องใช้สมาร์ทมิเตอร์ 20 ล้านตัว ให้ 20
ล้านครัวเรือน เราสามารถสร้างระบบประปาที่มีคุณภาพ ซ่อมปัญหาเก่าแก่เรื้อรังของไทย
พร้อมสร้างงานคุณภาพ ก่อเกิดอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องตั้งแต่การผลิตเคสมิเตอร์ที่ทำจากพลาสติก
ไปจนถึงการ์ดจอ แบตเตอรี่ลิเธียม แผงวงจร และชิป หรือการจัดทำระบบดูแลผู้สูงวัย
ที่ต้องจ้างงานผู้ดูแลผู้ป่วยอีกกว่า 300,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม
การจะสร้างงาน ซ่อมประเทศ การทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต
ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ต้องปิดสวิตช์ 3 ป. เอามรดกของระบอบเผด็จการอำนาจนิยมออกไป
เพื่อเปิดไฟแห่งความหวังให้ประเทศ สร้างรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ
พร้อมตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชน
พิธายังประกาศความพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลที่ล้างมรดกคณะรัฐประหารและระบบอำนาจนิยม ปิดสวิตช์ 3ป.
เปิดแสงสว่างให้ประเทศไทย
“ถ้าประเทศไทยยังอยู่ภายใต้
3ป. การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต จะกลายเป็น การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตเดิม
ประเทศไทยจะไปไกลกว่านี้ได้อย่างไร ถ้าการบริหารประเทศยังอยู่ในมือคนไม่กี่คน
อำนาจยังคงรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพ ทรัพยากรยังกระจุกอยู่ที่คนกลุ่มเดียว
นี่คืออดีตที่เราต้องแก้ไขให้ได้ เพื่อที่จะไปสู่อนาคต ดังนั้น
เป้าของสังคมไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ ปิดสวิตช์ 3ป.
เพื่อเอาการเมืองกลับสู่สภาวะปกติของระบอบประชาธิปไตยให้เร็วที่สุด ผมพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเพื่อปิดสวิตช์ 3 ป. เปิดแสงสว่างให้ประเทศ
ผมขอเขิญประชาชนทุกคน พรรคการเมืองทุกพรรค มาร่วมกันกับผม
สร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” พิธากล่าว
“ผมพิธา
ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ปิดสวิตช์ 3ป. เพื่อสร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม
สร้างประเทศไทยที่การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต
ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องเดินไปกับพรรคก้าวไกล ทำประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิม”
พิธากล่าวทิ้งท้าย
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล