วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566

“ณัฐวุฒิ” แจง! ฟังผมดีกว่า กรณีเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคไหน ๆ ชี้! ไม่มีดีลจับมือใคร ต้องแลนด์สไลด์ ได้เกินครึ่ง เอาชนะ 250 ส.ว.

 


“ณัฐวุฒิ” แจง! ฟังผมดีกว่า กรณีเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคไหน ๆ ชี้! ไม่มีดีลจับมือใคร ต้องแลนด์สไลด์ ได้เกินครึ่ง เอาชนะ 250 ส.ว.


เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ได้กล่าวในรายการ หัวใจไม่หยุดเต้น EP.63 ซึ่งเผยแพร่ทางยูทูปช่อง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ Official ตอน “ไม่มีดีลจับมือกับใคร บางพรรคมีครูใหญ่ แต่เพื่อไทยมีผู้อำนวยการ เข้าใจตรงกันนะ” โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า


ข่าวพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคโน้นพรรคนี้ตั้งรัฐบาลยังคงเป็นประเด็นต่อเนื่องนะครับตั้งแต่ก่อนสิ้นปียันหลังปีใหม่ แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือคนที่มักจะพูดเรื่องนี้ไม่ยักกะใช่คนในพรรคเพื่อไทยล่ะครับ เป็นคนจากพรรคการเมืองอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ หรือล่าสุด ครูใหญ่ พรรคภูมิใจไทย แต่ว่าครูใหญ่ก็ครูใหญ่นะครับ ฟังผมดีกว่า ผมนี่ผู้อำนวยการ


พรรคเพื่อไทยเขาไม่ได้มีความคิดที่จะไปแตะมือจับมือกับพรรคไหนก่อนเลือกตั้งทั้งสิ้นล่ะครับ เพราะว่าเป้าหมายสำคัญที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย คือต้องแลนด์สไลด์ได้เกินครึ่งปักหลักเอาไว้ก่อน เพื่อเอาชนะ 250 ส.ว.


หลังจากนั้น จะต้องมีพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งจะต้องเป็นพรรคที่มีความชัดเจนว่าพร้อมที่จะนำพาบ้านเมืองเดินหน้าไปสู่วิถีทางประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และมีศักยภาพมีนโยบายในการร่วมกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งเป็นภาระเร่งด่วนของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง


ดูกันง่าย ๆ ครับ ไอ้ที่ออกข่าวกันยามนี้ว่าพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคต่าง ๆ ไม่ได้เป็นคุณใด ๆ กับพรรคเพื่อไทยเลยนะครับ ดังนั้น เพื่อไทยเขาไม่ทำ เกมนี้เขาไม่เล่น ขอให้พี่น้องประชาชนมองเห็นก็แล้วกันครับว่า นี่เป็นเกมที่จะตีรวนและทำให้เป้าหมายแลนด์สไลด์ได้รับผลกระทบมีปัญหา


แต่ก็นั่นแหละครับ หลังจากวันนี้ก็ยังคงจะมีข่าวแบบนี้มาต่อเนื่อง พี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต้องการความเปลี่ยนแปลงและไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจอันไร้ศักยภาพแบบนี้ ที่เป็นมาแล้ว 8 ปี ทำใจเถอะครับ พุ่งเป้าแลนด์สไลด์ ตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติพาประชาชนพ้นวิกฤตกันดีกว่า


ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ชัดแล้วนะครับ เพราะว่าท่านพูดเองว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งต่างกับเมื่อคราวเป็นแคนดิเดตนายกของพรรคพลังประชารัฐ ครั้งนั้นไม่แม้แต่จะเป็นสมาชิกพรรค


หลายฝ่ายอาจจะมองว่าเที่ยวนี้หมายมั่นปั้นมือจะเข้าไปกำกับดูแลรวมไทยสร้างชาติให้เบ็ดเสร็จไม่ให้ขาลอยแบบตอนอยู่พรรคเก่า ผมว่าไม่ใช่อ่ะครับ เพราะรวมไทยสร้างชาติต่อให้พล.อ.ประยุทธ์ไม่เป็นสมาชิกก็เบ็ดเสร็จในตัวอยู่แล้ว


พรรคนี้ถ้าไม่มีประยุทธ์ หรือ ประยุทธ์ไม่ไป พังตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งครับ ดังนั้นการสมัครเข้าเป็นสมาชิกจึงน่าจะมีเป้าหมายอยู่ที่การพยายามดึงคะแนนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ยังมองว่าตัวเองน่าจะเป็นตัวเลือกอันดับ 1


อีกมุมหนึ่งก็คือการเพิ่มพลังดูดนักการเมืองให้เข้ามาร่วมงานกับรวมไทยสร้างชาติมากขึ้น เพราะเท่าที่เห็นยังมากันกะปริบปะปรอยนะครับ แต่ถ้ามองตามสภาพความจริงในสนามการเมืองเวลานี้ผมคิดว่าบรรดาสินค้าเกรดเอ นักการเมืองประเภทนอนมาในเขตเลือกตั้งทั้งหลายแทบจะไม่เหลือให้ใครดูดแล้ว เพราะส่วนใหญ่เขาดูดกันเสร็จ หรือไม่ส่วนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไปไหนก็ยังกบดานนิ่งรอความเปลี่ยนแปลงหลังยุบสภา


ก็ต้องรอดูล่ะครับว่าหลังจากพล.อ.ประยุทธ์สมัครเป็นสมาชิกรวมไทยสร้างชาติ จะมีการยกขบวนชวนกันมาเข้าพรรคของนักการเมืองต่าง ๆ มากมายแค่ไหน แต่สำหรับผม ประเมินไว้ก่อนว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นน่ะครับ


เราดูจากจังหวะที่พล.อ.ประยุทธ์ประกาศจะเข้ารวมไทยสร้างชาติวันแรกก็ได้ ไม่รู้ทีมยุทธศาสตร์คิดกันยังไง หรือไม่ได้คิดก็ไม่ทราบ เพราะทันทีที่นายกฯ ประกาศจากทำเนียบว่าจะเข้ารวมไทยสร้างชาติ คนที่เด้งรับทันทีก็มีชื่อแบบเสกสกล แบบชัช เตาปูน ซึ่งก็เข้าใจล่ะครับว่าคงจะรักกันมาก แต่นึกไม่ออกว่าด้วยรายชื่อเหล่านี้จะทำให้พรรคดูดีมีพลังดูดทั้งส.ส.และคะแนนเสียงจากประชาชนได้ยังไง?


เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรซึ่งแยกกันเดินทางการเมืองแน่ ๆ แล้วเนี่ยนะครับ ผมว่าพล.อ.ประวิตรตัวเบาและเดินง่ายกว่าเยอะครับ เพราะพล.อ.ประยุทธ์นอกจากจะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำและไม่คิดว่าจะต้องทำ คือการเข้ามากำกับพรรคการเมืองเต็มตัว เป้าหมายที่แบกยังหนักกว่าหลายเท่า เพราะสำหรับพล.อ.ประยุทธ์ ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่พล.อ.ประวิตรแกไม่นะครับ เป็นนายกฯ นี่ยิ่งดี จะได้นุ่งกางเกงยีนส์ แต่ถ้าเผื่อไม่ได้เป็น ผมดูแกก็รับได้


ดังนั้นที่ผ่านมาอย่าไปสบประมาทว่าพี่ใหญ่เดินขากระโผลกกะเผลกนะครับ เที่ยวนี้อาจจะเป็นพี่ใหญ่สับขาหลอกน้องเล็กหัวหมุนไปเลยก็ได้


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #เพื่อไทย