3
แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย แสดงวิสัยทัศน์ “ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้”
“ยศชนัน
วงศ์สวัสดิ์” ประกาศยกเครื่องประเทศไทย ด้วย “วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี”
สร้างรายได้สูงอย่างยั่งยืน พร้อมต่อสู้เพื่อความหวังและอนาคตที่ดีขึ้นปลุก ขณะที่
“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” ชูแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องด้วยนโยบายล้างหนี้ให้คนไทย และ
“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ประกาศสานต่อนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายภายใน 3
เดือนหากได้จัดตั้งรัฐบาล
วันที
16 ธันวาคม 2568 พรรคเพื่อไทยจัดงาน
“ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้”
เพื่อเปิดตัวผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจำนวน
3 คน ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โดยอดีตนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และสมชาย
วงศ์สวัสดิ์ เข้าร่วมฟังการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ ร่วมกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย
และพี่น้องประชาชน
ศ.ดร.ยศชนัน
วงศ์สวัสดิ์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย
กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศ
โดยย้ำว่าชีวิตของตนคือภาพสะท้อนของคนไทยจำนวนมากที่เติบโตจากครอบครัวข้าราชการและพยาบาล
ย้ายถิ่นฐานไปหลายจังหวัด เรียนในโรงเรียนประจำจังหวัด
และได้รับการปลูกฝังว่าความรู้และความขยันคือหนทางเปลี่ยนชีวิต พร้อมยืนยันว่า
“ในประเทศไทย หากตั้งใจจริง ทุกอย่างเป็นไปได้”
ศ.ดร.ยศชนัน
เล่าย้อนถึงเส้นทางการทำงานด้านวิศวกรรมศาตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เริ่มต้นกว่า 18 ปีก่อนที่มหาวิทยาลัยมหิดล โดยได้พัฒนาเทคโนโลยี Brain-Computer
Interface (BCI) เพื่อช่วยผู้พิการ
รวมถึงการก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านการป้องกันอุบัติเหตุจากการหลับใน
เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพื่อไม่ให้ผู้คนประสบอุบัติเหตุจนนำไปสู่ความพิการได้
พร้อมไปกับการสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญระดับโลก
จนสามารถนำทีมนักศึกษาไทยเข้าแข่งขันระดับนานาชาติในเวที Cybathlon ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อยอดสู่ระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทย
ศ.ดร.ยศชนัน
กล่าวว่า ประเทศไทยเคยผ่านวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี 2540
และสามารถฟื้นตัวได้จากความเชื่อมั่นว่าคนไทย “ทำได้” พร้อมยกบทบาทของ
“พรรคไทยรักไทย” ในอดีตที่สร้างนโยบายเปลี่ยนชีวิตประชาชน
และปลดวิกฤตให้กับประเทศไทยได้ แต่ตลอดเส้นทางกลับเผชิญความไม่เป็นธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนถึงปัจจุบันปี 2568 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ “Perfect Storm” ทั้งเศรษฐกิจ
ภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี
นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยพยามแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเต็มที่
แต่สถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ทำให้ต้องเปลี่ยนนายกฯ ปีละครั้ง
การที่ทำได้ขนาดนี้ก็ต้องชื่นชมอดีตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย
ศ.ดร.ยศชนัน
กล่าวว่า ถึงทิศทางอนาคตของประเทศไทยด้วยว่า วันนี้ถ้าเราเลือกที่จะทำสิ่งใหม่
ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ปรับโครงสร้างเทคโนโลยี โดยใช้ความคิดสร้างสรรคของคนไทย
ก็เชื่อว่าอนาคตที่ดีของประเทศไทยเป็นไปได้
ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
พรรคเพื่อไทย ศ.ดร.ยศชนัน ประกาศตัวว่า
จะนำพาประเทศไทยพาล้นจากวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ไปให้ได้
โดยเสนอเป้าหมายยกระดับประเทศไทยสู่ประเทศรายได้สูงให้เร็วที่สุด
โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ AI เป็นแกนหลัก
ผ่านยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพเศรษฐกิจเดิม (Old Economy)
ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในส่วนของภาคเกษตรกรรม อุตสาหรกรรมการผลิต
และภาคการบริการ พร้อมไปกับการสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ (New Growth
Engine) จากศักยภาพท้องถิ่นผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย
ครอบคลุมการเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศ การผลิตอุตสาหกรรม
และสุขภาพและคุณภาพชีวิต
ศ.ดร.ยศชนันระบุ
ขณะเดียวกันบทบาทภาครัฐเองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพื่อรองรับเศรษฐกิจมูลค่าสูง
โดยมีสิ่งรัฐบาลต้องเดินหน้า 3 ด้าน คือ
-
สร้างความมั่นคงรอบด้าน ทั้งการทหาร ความมั่นคงไซเบอร์ ความมั่นคงด้านอาหาร
พลังงาน และการรับมือ Climate
Change ควบคู่การทูตที่รักษาสมดุลผลประโยชน์ของไทย
-
สร้างความเชื่อมั่นผ่านการฟื้นฟูหลักนิติธรรม คืนความยุติธรรมให้ประชาชน ใช้ Digital Goverment สร้างความปลอดใสป้องกันการคอร์รับชัน ควบคู่ไปกับ AI
Transformation สร้างระบบรัฐแบบ One Stop Service
-
การวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ ตั้งแต่คมนาคม โลจิสติกส์ ความปลอดภัยด้วย AI โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
พลังงานสะอาด สวัสดิการ การศึกษา วิจัย และนวัตกรรม
เพื่อรองรับทั้งเศรษฐกิจใหม่และยกระดับเศรษฐกิจเดิม
โดยให้ความสำคัญกับการเตรียมคนให้สอดรับกับการวางโครงสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจใหม่
คนไทยทุกคนต้องได้รับโอกาสในการเติบโตที่เท่ากัน
ไม่ว่าวันนี้เขาจะเกิดที่ไหน ในแผ่นดินไทยเขาเป็นคนไทย
เขาต้องได้รับโอกาสที่เท่ากัน
สิ่งที่เราจะทำเราไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
แต่เราจะทำเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงโดยมีหัวใจอยู่ที่ประชาชน ทุกคนครับการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางของพรรคเพื่อไทย
แต่เป็นการเดินทางเพื่อให้เราได้กลับมาเพื่อช่วยกันสร้างประเทศของเราขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
“วันนี้ทุกคนจากพรรคไทยรักไทย
จากพรรคที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ทุกคนกลับมาที่บ้านของพวกเรา
บวกกับคนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย พวกเรามารวมกัน ผมมั่นใจมากว่าเราทำได้
เริ่มจากวันนี้ เวลานี้ วินาทีนี้ ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้
ถ้าเพื่อไทยทำได้ ประเทศไทยก็ทำได้แน่นอน” ศ.ดร.ยศชนันกล่าว
ส่วนทางด้วนนายจุลพันธ์
อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศยกเครื่องพรรคเพื่อไทย
สู่ภารกิจยกเครื่องประเทศไทย โดยชูนโยบายแก้เศรษฐกิจปากท้องของประชาช
โดยกล่าวว่าตนเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่ง
แต่คือความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการเห็นพรรคเพื่อไทยกลับมาเข้มแข็ง
และเป็นความหวังของประเทศอีกครั้ง
นายจุลพันธ์ระบุว่า
ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา
พรรคเพื่อไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งการสื่อสารกับประชาชนเชิงรุก การทำงานในสภาอย่างเข้มข้น
การตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่รวมคนทุกวัย ทุกภูมิภาค
และการพัฒนานโยบายที่รับฟังทั้งนักวิชาการและเสียงประชาชน
โดยทั้งหมดเกิดจากความร่วมมือของสมาชิกพรรคที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า
ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา พรรคไม่เคยละทิ้งประชาชน
วันนี้พรรคพร้อมแล้วจากการยกเครื่องภายใน สู่ภารกิจที่ใหญ่กว่า
คือการยกเครื่องประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
นายจุลพันธ์กล่าวถึงเส้นทางทางการเมืองว่า
เข้าสู่การเมืองกว่า 20 ปี จากพื้นที่ชายขอบจังหวัดเชียงใหม่
แม้จะมีโอกาสทางการศึกษาและการทำงานในต่างประเทศ
แต่การได้เห็นความเหลื่อมล้ำระหว่างความมั่งคั่งและความยากลำบาก
ทำให้เกิดความมุ่งมั่นใช้ความรู้ทางเศรษฐกิจปลดโซ่ตรวนชีวิตของคนไทย
นายจุลพันธ์ชี้ว่า
ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่ประชาชนเผชิญ ไม่อาจสะท้อนด้วยตัวเลขเพียงอย่างเดียว
เพราะคือความทุกข์ ความเครียด และความไม่มั่นคงในชีวิต
โดยเฉพาะภาระหนี้สินและสังคมสูงวัยที่ผู้สูงอายุจำนวนมากไม่มีเงินออม
สำหรับนโยบายเร่งด่วน
พรรคเพื่อไทยจะผลักดัน “หวยเกษียณ” ภายใน 3 เดือนแรกของการเป็นรัฐบาล
เพื่อเปลี่ยนการเสี่ยงโชคเป็นการออม สร้างหลักประกันทางการเงินให้ผู้สูงอายุ
ควบคู่กับสวัสดิการของรัฐ
ขณะเดียวกัน
พรรคเพื่อไทยเตรียมเดินหน้ามาตรการ “ล้างหนี้ให้คนไทย”
มองว่าปัญหาหนี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยประกอบด้วย
การแก้หนี้นอกระบบด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การเปิดโอกาสให้ปิดหนี้เสีย (NPL) ด้วยการจ่ายเพียงบางส่วน
การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี การปลดหนี้ผู้สูงอายุ และการให้รางวัลลูกหนี้ชั้นดี
นายจุลพันธ์ย้ำว่า
การแก้หนี้ประชาชนไม่ใช่การแจกเงิน แต่คือการซ่อมฐานรากของระบบเศรษฐกิจไทย
เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมุ่งสร้างสังคมที่ประชาชน
“มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”
และพร้อมยกเครื่องประเทศไทยเพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
ส่วนทางด้านนายสุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
ชูวิสัยทัศน์ยกเครื่องประเทศ ดันคมนาคมเปิดโอกาสคนไทย สานต่อ 20
บาทตลอดสาย–บ้านเพื่อคนไทยว่า การพัฒนาประเทศต้องเริ่มจากการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
โดยเฉพาะระบบคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้ประชาชนทุกระดับ
นายสุริยะ
ระบุว่า ประสบการณ์ในฐานะผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม
ทำให้เห็นข้อจำกัดของระบบราชการที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ
จึงตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเพื่อร่วมแก้ไขระบบ
โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นฐานการจ้างงานหลักของประเทศ
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย
ตลอด
27 ปีของการทำงานการเมือง นายสุริยะ
กล่าวว่าภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันนโยบายสำคัญ อาทิ การแปรรูป ปตท.
และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
รวมถึงการเร่งรัดก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้แล้วเสร็จและเปิดใช้งานในปี 2549
ภายในเวลาเพียง 4 ปี 9 เดือน ซึ่งช่วยยกระดับบทบาทประเทศไทยบนเวทีการบินโลก
นายสุริยะ
ชี้ว่า สนามบินสุวรรณภูมิไม่ใช่เพียงสนามบิน
แต่คือประตูเศรษฐกิจของประเทศที่เชื่อมไทยกับโลก โดยหลังเข้ารับตำแหน่งในปี 2566
ได้เร่งฟื้นฟูคุณภาพการให้บริการ นำเทคโนโลยีสากลมาใช้
ลดเวลารอคิวผู้โดยสารจากเฉลี่ย 40 นาที เหลือประมาณ 5 นาที ส่งผลให้อันดับสนามบินสุวรรณภูมาดีขึ้นจากอันดับที่
77 ของโลกในปี 2565 มาอยู่ที่อันดับ 39 ในปี 2568
พร้อมกันนี้
ได้เสนอภาพใหญ่การพัฒนาคมนาคมของประเทศ ผ่านการเชื่อมระบบถนน ระบบราง ระบบการบิน
และท่าเรือ เข้าด้วยกันเป็นโครงข่ายเดียว ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ IoT บริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างไร้รอยต่อ
เพื่อลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
และผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าและการขนส่งของภูมิภาค
โดยคมนาคมไม่ได้พาคนไปสู่ที่หมาย แต่ต้องพาคนไปสู่อนาคต
สำหรับนโยบายเร่งด่วน
นายสุริยะ ยืนยันการสานต่อ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย”
โดยหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนจะสามารถใช้ได้ภายใน 3 เดือน
พร้อมพัฒนา Feeder
ควบคู่ผ่านนโยบาย “รถเมล์แอร์ 10 บาท”
เพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการเดินทางคุณภาพได้จริง
ขณะเดียวกัน
นโยบาย “บ้านเพื่อคนไทย” ได้เริ่มต้นด้วย 4 โครงการนำร่อง เน้นบ้านในทำเลศักยภาพ
ใกล้ระบบคมนาคม ใกล้แหล่งงาน และจ่ายไหว
เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพาคนเดินทาง แต่ช่วยให้คนไทยตั้งหลัก มีบ้าน
มีคุณภาพชีวิต และมีอนาคตที่มั่นคง
นายสุริยะ
กล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคเพื่อไทยยังมีพลัง อุดมการณ์
และทีมงานที่ผสานประสบการณ์กับพลังคนรุ่นใหม่
พร้อมอาสารับภารกิจในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อรวมพลัง “ยกเครื่องประเทศไทย”
ให้เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับชีวิตคนไทยทุกคน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคเพื่อไทย #แคนดิเดตนายกฯ








