"ปกรณ์วุฒิ" มั่นใจถกแก้ รธน. วาระ 2 จบใน 11
ธ.ค. ดันโหวตวาระ 3 ปลายปี จี้
"นายกฯ" รักษาสัจจะ ดักคอ กกต. จัดประชามติพ่วงเลือกตั้งได้ทัน
วันที่
9 ธันวาคม 2568 ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ
อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
ในฐานะประธานคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)
ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
วาระ 2 ในวันที่ 10-11 ธ.ค. นี้
โดยระบุว่าการประชุมวิปฝ่ายค้านในวันนี้ต้องใช้เวลาพอสมควรเนื่องจากมีมาตราที่ต้องพิจารณาจำนวนมาก
ทั้งนี้ ตนอยากให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมวิป 3 ฝ่าย
เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน แม้ว่าการเปิดสมัยวิสามัญกำหนดไว้ 2 วัน แต่หากจำเป็นก็สามารถขยายไปถึงวันที่ 12 ธ.ค.
ซึ่งเป็นวันเปิดสมัยประชุมปกติได้ อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยเบื้องต้น
ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าอยากให้การพิจารณาเสร็จสิ้นภายใน 2 วัน
แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นสิทธิในการอภิปรายของสมาชิก โดยประธานสภาฯ
ได้วางตารางการประชุมไว้ค่อนข้างดึกทั้งสองวันเพื่อให้จบตามกำหนด
นายปกรณ์วุฒิ
กล่าวต่อถึงกรอบเวลาว่า หากการพิจารณาจบลงในวันที่ 11 ธ.ค.
จะทำให้สามารถกำหนดวันลงมติในวาระ 3 ได้เร็วขึ้น
คือช่วงวันที่ 26 หรือ 27 ธ.ค.
แต่หากพิจารณายืดเยื้อไปจบในวันที่ 12 ธ.ค.
ก็จะทำให้ไทม์ไลน์วาระ 3 ขยับไปเป็นวันที่ 29 ธ.ค. ซึ่งถือว่ากระทบเพียงเล็กน้อยและไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
โดยเรื่องการขอเปิดประชุมในวันที่ไม่ใช่วันประชุมสภาฯ ปกตินั้น
จะต้องมีการหารือร่วมกันทุกฝ่าย ซึ่งปกติประธานสภาฯ
จะปรึกษาทุกพรรคการเมืองอยู่แล้ว ไม่ได้ตัดสินใจโดยพลการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลเรื่องกระแสข่าวยุบสภาก่อนเข้าวาระ
3 นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าตนยังไม่เห็นสัญญาณใดๆ
พร้อมย้ำว่าพรรคประชาชนยังคงยืนยันเจตนารมณ์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
เพื่อปรับโครงสร้างทางการเมืองให้มีเสถียรภาพและลดอำนาจนอกระบบ
ส่วนเรื่องการยุบสภานั้นเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่บริบทของพรรคประชาชน แต่คาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนทั้งประเทศตอนโหวตเลือกนายกฯ
นอกจากนี้
ประธานวิปฝ่ายค้านยังกล่าวถึงกรณีความกังวลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
เรื่องการทำประชามติให้ทันกับการเลือกตั้งทั่วไปว่า
นายกรัฐมนตรีต้องเร่งทำความเข้าใจกับ กกต.
ว่าควรจัดให้ตรงกันเพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง โดยเชื่อว่าหากการแก้รัฐธรรมนูญผ่านวาระ
3 ไปได้ และทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่วางไว้
จะสามารถจัดการเลือกตั้งพร้อมกับการทำประชามติได้ทันตามกรอบกฎหมาย ตนหวังว่า กกต.
จะทำหน้าที่ของตนเอง ทั้งการจัดเลือกตั้งและประชามติให้สุจริต โปร่งใส
และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อว่าไม่เกินกำลังความสามารถของบุคลากร กกต.
ที่มีอยู่จำนวนมาก
