ธิดา
ถาวรเศรษฐ : 2 ปีผ่านมา นักการเมืองและพรรคการเมือง ได้เปลือยกายล่อนจ้อนต่อประชาชนไทย
Facebook
Live อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ
เมื่อวันที่
18 ธ.ค. 2568
สวัสดีค่ะ
ทุกท่านที่รับชมขณะนี้และรับชมย้อนหลัง ดิฉันตั้งใจว่าจะทำ Facebook Live ให้มากขึ้น เพราะว่าในช่วงนี้จะเรียกว่าเป็นวิกฤตการณ์ก็ได้
ที่แล้วมาเราก็พูดเรื่องปัญหาชายแดนกัมพูชา คือวิกฤตสงครามที่อาจจะยืดเยื้อ
วิกฤตการเมืองที่มีการยุบสภา แล้วก็ยังจะอาจเจอวิกฤตเศรษฐกิจและสังคมตามมา
ในฐานะประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและยืนอยู่ข้างเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่อยากให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า
ดิฉันก็ทำหน้าที่หาข้อมูล เอาประสบการณ์อ้อมของที่อื่นจากการอ่านข้อมูล
และประสบการณ์ตรงของตัวดิฉันเองซึ่งผ่านการต่อสู้มายาวนาน
มาคุยเพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปทำให้เกิดปัญหาใด
ๆ แต่เราต้องการให้ปัญหาลดลงและเป็นผลดีกับประเทศชาติมากขึ้น
ประมาณว่าเป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในการต่อสู้มายาวนานและมีความห่วงใย
วันนี้สิ่งที่จะพูดก็เป็นประเด็นที่ดูจะท้าทายหน่อยนะคะ
คือดิฉันอยากจะให้มองเห็นเหรียญสองด้าน
หลายคนอาจจะไม่สบายใจที่เกิดเหตุการณ์ยุบสภา มีการเลือกตั้งใหม่
แต่เหรียญมีสองด้าน ดิฉันอยากให้ฝั่งประชาชนมองเห็นว่า 2
ปีที่ผ่านมานั้น เราได้เรียนรู้อะไร เพราะฉะนั้นจึงตั้งประเด็นว่า
“2 ปีผ่านมา นักการเมืองและพรรคการเมืองได้เปลือยกายล่อนจ้อนต่อประชาชนไทย”
คือในอดีตบางทีอาจจะใส่เสื้อสวย
แต่งกายอย่างดี อาจจะมีคำพูดที่สวยหรู แต่ว่า 2 ปีที่ผ่านมานี้
ดิฉันก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนจะได้เรียนรู้ว่า
ในเวทีรัฐสภามีอะไรเกิดขึ้น จะว่าเป็นทั้งโชคดีและโชคร้าย
อาจจะเป็นโชคร้ายของพรรครัฐบาล เช่น “พรรคเพื่อไทย” ที่อยู่ในอำนาจเพียงแค่ 2 ปี ต้องเสียนายกฯ ไป 2 คน และได้คดีมามากมาย
อาจจะถือว่าเป็นโชคร้าย แต่ในโชคร้ายก็มีโชคดี
หรืออาจจะมองว่าเป็นโชคร้ายของ
“พรรคประชาชน” ที่ทำ MOA
ไม่สำเร็จ โชคร้ายเริ่มต้นก่อนก็คือ อาจจะบอกทำ MOU ไม่สำเร็จ แล้วก็ตามมาด้วยทำ MOA ไม่สำเร็จ
อันนั้นเป็นการมองจากความมุ่งหวังของพรรค พรรคหนึ่งข้ามขั้วไปร่วมรัฐบาล
ประสบความล้มเหลว อีกพรรคหนึ่ง จะเรียกว่าข้ามขั้วก็ได้
ไปค้ำรัฐบาลฝั่งจารีตเพื่อที่จะได้เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ว่าไม่มีหลักประกันใดพอ
ในที่สุดก็อาจจะถือเป็นเรื่องที่ผิดหวังทั้งคู่
แต่ว่าสำหรับประชาชนที่มีประสบการณ์และการเรียนรู้
ไม่ผิดหวังค่ะ!!! ไม่ผิดหวังที่พรรคเพื่อไทยจะข้ามขั้วไปแล้ว จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้
เพราะพรรคเพื่อไทยมีทั้งมีความเชื่อมั่นในดีล
แน่นอน...อาจจะบอกได้ว่าเป็นเพราะวุฒิสมาชิกและมรดกบาปของคณะรัฐประหาร
แต่ที่ทราบมาก็คุณทำดีลกับคนสำคัญของฝ่ายคณะรัฐประหารชี้นกชมไม้
ดิฉันยังจำภาพได้เลยของนายกฯ คนที่ 1 (เศรษฐา ทวีสิน)
ก็ดูเหมือนเชื่อ “เทพอุ้มสม” มาบัดนี้คือผู้สมัครแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่ของพรรคเพื่อไทยใช้คำว่า
ยืนอยู่บนบ่า และอยู่ในมือของยักษ์ใหญ่ อันนี้อ้าง “เซอร์ไอแซกนิวตัน” ด้วย
ก็ดีกว่าไปอยู่ที่เท้า แต่ว่ายักษ์ใหญ่นั้นมันเป็นยักษ์โทรม ๆ แล้วนะคะ
มีบาดแผลทั่ว และเป็นยักษ์ที่คุกเข่า ไม่ได้สูงตระหง่านน่าเกรงขามเหมือนเดิม
ดังนั้น
ความหวังว่าเทพอุ้มสม สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทยที่ทำ MOU ไม่สำเร็จ
แล้วไปร่วมรัฐบาลข้ามขั้ว
ความจริงแล้วเราทายได้ตั้งแต่ต้นว่ามันต้องเป็นเช่นนี้เอง
ถ้าคิดว่ายักษ์เป็นแบบนิยายปรัมปราหรือเป็นอสูรก็ได้ เทพเขาไม่เอาอสูรหรอก แต่หลอกเอาอสูรมาช่วยกวนน้ำทิพย์
(อมฤต) พอถึงเวลาพระศิวะช่วยให้เทวดาทั้งหลายก็เอาน้ำทิพย์ไปหมด
คือใช้เป็นเครื่องมือในการที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้อาณัติของใบอนุญาตที่ 2 หรือจะเรียกว่ากลายเป็นเทพบริวารอย่างนั้นแหละ แต่ยักษ์ก็เป็นยักษ์
อสูรก็เป็นอสูรในสายตาเทพก็เป็นได้แค่เครื่องมือ ถ้าไม่ต้องการใช้งานแล้ว
หรือต้องการจัดการ ผลก็เป็นดังที่เราเห็น นี่คือปรากฏการณ์ของ MOU ที่ล้มเหลว ไปเป็นรัฐบาลข้ามขั้ว แต่เทพไม่อุ้มสม เทพโยนทิ้ง
คุณทักษิณก็ต้องไปอยู่ในคุก!!! นี่ก็ถือว่าเป็นการแสดงออกว่าไม่สำเร็จ
กรณีของพรรคประชาชนที่ไปทำ
MOA กับพรรคภูมิใจไทย อันนี้ก็เหมือนกัน ก็คิดว่าเทพบริวารจะอุ้มสม
แต่ว่าอันนี้ยังไม่ทันไรเลยก็สะดุดประตูแรกเสียแล้ว
ก็คือไม่รู้ว่าคำถามประชามติจะเป็นอย่างไร แล้วจะมีเรื่องของ MOU ที่ทำกับรัฐบาลของกัมพูชา MOU43, MOU44
จะเอามาทำประชามติด้วยหรือเปล่า? การที่บัตรหลายใบ, คำถามประชามติ และรวมทั้งเรื่อง MOU43, MOU44
มันจะเป็นผลมั้ย? ถ้าแม้แต่คำถามที่ 1
(การทำประชามติรัฐธรรมนูญ) ไม่สำเร็จ เตรียมใจไว้นะ รัฐธรรมนูญ 2560 จะต้องอยู่กับเราไปยาวนาน ถามว่าประตูนี้ก็ต้องคิดด้วย
เพราะฉะนั้นปรากฏการณ์
MOA ที่ไม่สำเร็จนั้น ไม่ใช่ว่าจบแค่นี้นะ
มันนำผลไปสู่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่เราเห็น
ก็คือแม่น้ำหลายสายไหลมารวมกันกลายเป็นพรรคภูมิใจไทยพลัส
เขาอาจจะไม่ถือว่าเป็นยักษ์ก็ได้ ก็อาจจะถือว่าเป็นบริวารเทพที่ตัวใหญ่ขึ้น
แล้วเกิดความเป็นเอกภาพ เขาบอกว่าแม่น้ำไหลมารวมกันลงแม่โขง
แต่ถามหน่อยว่ามันจะไหลมารวมกันลงสู่โตนเลสาปของเขมร ไหลออกทะเลหรือเปล่า? นั่นก็คือความเติบใหญ่ของฝั่งจารีตอำนาจนิยม
โดยที่มีพรรคภูมิใจไทยได้รับการข้ามขั้วค้ำจากใบอนุญาตที่ 1
ที่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว “ก้าวไกล” ได้บัญชีรายชื่อ 14,438,851 เสียง แล้วก็มาค้ำ “ภูมิใจไทย” ซึ่งได้ 1,138,202
เสียง แสดงว่าประชาชนไทยเขาเลือกแล้วว่าเขาไม่เอา “พรรคภูมิใจไทย”
เขาเลือกแล้วเขาเลือกเอาด “ก้าวไกล” 14,438,851 เสียง
แล้วยังแถม “เพื่อไทย” กลายเป็นพรรคอันดับ 2 10,962,522
เสียง ก็ประมาณเรียกว่า 4 ล้านเสียงที่เคยเลือกพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้มาอยู่กับก้าวไกล
ทั้ง ๆ ที่ไม่เอาสองลุง แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือกลายเป็นว่า 39% บวกกับ 29% ก็ประมาณเกือบ 70%
ของประชาชนเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย โดยที่เชื่อว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย
แต่การล้ม
MOU ของพรรคเพี่อไทยกับพรรคประชาชน ก็ได้ทำให้เกิดความเสียใจของคน 10,962,522 เสียงด้วยนะ เพราะเขาเลือกแบบยุทธศาสตร์ แล้วพอเวลามีการทำ MOA ของพรรคประชาชนทำกับพรรคภูมิใจไทย ก็คือเอา 14
ล้านเสียง ไปค้ำ 1 ล้านเสียง
คือเสียงที่เขาได้ส่วนใหญ่เขาได้สส.เขต 68 ที่ คิดเป็น 13.80% ฉะนั้นจริง ๆ แล้วประชาชนตัดสินใจแล้วนะ
อันนี้เป็นเรื่องที่ดิฉันยังอยากจะฝากไปถึงผู้บริหารและผู้นำของพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน
ว่ารวมทั้งหมดร่วม 70% เป็นประชาชนฝ่ายก้าวหน้า
ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยที่เลือกสองพรรคนี้มา อย่างไรก็ตามมรดกบาปของคสช.
ในฐานะวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งยังดำรงอยู่ในการเลือกนายกฯ
ก็ทำให้การจับมือกันเป็นไปไม่ได้ เราเข้าใจ แต่ที่จะหวังเทพอุ้มสมหรือมีดีล
ไม่ใช่!!! อุ้มไปโยนที่ไหนไม่รู้ อุ้มไปโยนใส่ในคุก แล้วยังยึดทรัพย์อีก 17,000
ล้าน แล้วก็ยังไม่รู้คดีอะไรต่อมา
อันนี้เรียกว่าถ้าเป็นยักษ์ก็คือบาดเจ็บทั้งตัว
แม้จะเป็นยักษ์ที่คุกเข่าขอความเห็นใจแล้วก็ตาม
อันนี้ก็สำหรับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย
ก็อยากจะบอกได้ว่าปรากฏการณ์อันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้เกิดผลที่ทำให้พรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยมเกิดความเป็นเอกภาพ
แม่น้ำหลายสายไหลมารวมกัน ในขณะที่พรรคฝ่ายประชาธิปไตยนั้น
เราไม่รู้ว่าเขาจะยกเครื่องหรือเขาจะปรับปรุงอย่างไร
แต่ดิฉันอยากจะบอกว่าประชาชนนั้นต่อสู้มายาวนาน “เพื่อไทย” อาจจะถือว่าจาก
“ไทยรักไทย” มาก็นานเหมือนกัน 20 ปี แต่ประชาชนต่อสู้มาก่อนหน้านั้นนะ
เอาดิฉันเป็นตัวอย่าง หรือคนที่ตายไปแล้วก็เป็นตัวอย่าง ท่านไม่ศึกษาประวัติศาสตร์
หรือศึกษาบทเรียนการต่อสู้ของคนอื่น
หรือกระทั่งบทเรียนการต่อสู้ที่ตัวเองเป็นยักษ์ใหญ่
ว่าการต่อสู้ของประชาชนกับฟากฝั่งของฝั่งเทพ ฝั่งอำมาตย์เป็นยังไง?
แล้วจุดยืนของฝั่งจารีตที่ไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชนนั้น
สามารถกระทำการที่โหดเหี้ยมอำมหิตต่อประชาชนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แต่นี่คือวิธีการของจารีต ซึ่งคำว่า “จารีต” มันแย่กว่าอนุรักษ์นิยมนะ
ซึ่งยังดำรงอยู่เป็นด้านหลักของการปกครองสังคมไทยปัจจุบัน อย่าคิดว่าประเทศนี้เป็นระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์
พวกท่านก็รู้เองว่าต้องมีใบอนุญาตหลายใบ ไม่ได้มีแค่ 2 ใบนะ
ดิฉันว่ามากกว่า 2 ใบ ใบอนุญาตของประชาชน
กลายเป็นว่าถูกจัดการโดยใบอนุญาตอื่น ๆ ทำให้ประชาชนไม่สามารถมีอำนาจได้
ผลที่เกิดขึ้น
ดิฉันยังไม่พูดถึงว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร เอาในอดีต
ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก นอกจากผิดหวังตอนข้ามขั้ว
ยังผิดหวังตอนที่ว่าเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วก็ยังทำอะไรไม่ได้ตามที่โฆษณา
เพราะในความเป็นจริง คุณไม่ได้รับใบอนุญาตนะ เขาอุ้มก้าวข้ามธรณีประตู
เสร็จแล้วเขาโยนออกไปทางหน้าต่างหรือทิ้งไว้ที่หลังบ้าน ต้องเสียนายกฯ ไป 2 คน
ทั้งผู้นำต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ถูกจัดการ
เสียงของพรรคเพื่อไทย
10,962,522 เสียง ก็ไม่แน่ใจว่าเพื่อไทยที่เกิดปัญหาอยู่นี้
ส่วนหนึ่งดิฉันเชื่อว่าคนขาดความเชื่อมั่น ส่วนพรรคก้าวไกลทำ MOA แล้วผิดหวัง คนก็ขาดความเชื่อมั่นในการนำ
มันจึงเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ที่ว่าคนไม่รู้จะเลือกพรรคไหน
ไม่รู้จะเลือกใครเป็นนายกฯ เป็นจำนวนมากกว่าในอดีตเป็นจำนวนมากถึงขนาด 30 กว่าถึง 40% ไม่รู้จะเลือกใครเป็นนายกฯ
ไม่รู้จะเลือกพรรคไหนดี เพราะว่าถ้าคนที่ไม่ได้ใช้ความคิดอะไร
เขาไม่จำเป็นต้องไปโหวต อย่างที่เชียงรายก็ออกไปโหวตว่าไม่เอาพรรคไหน
ก็แค่บอกไม่ไปเลือกตั้งก็พอ แต่คนที่บอกว่าไม่รู้จะเลือกพรรคไหนก็คือ อยากเลือก!!!
แต่ว่าเกิดขาดความเชื่อมั่นในพรรคที่ตัวเองเคยหนุนอยู่
นี่ก็เป็นเรื่องที่เราเรียกว่ามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นปัญหาของฝ่ายประชาชน
เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ดิฉันจะพูดคือพูดในฐานะประชาชน
แล้วก็อยากจะบอกคนที่ไม่รู้จะเลือกพรรคไหน ให้ใช้เวลาในช่วงเวลา 2
เดือนนี้ให้เป็นประโยชน์ ลองทบทวนดู แล้วก็เป็น 2
เดือนที่พรรคฝ่ายประชาธิปไตยต้องรีบจัดการตัวเอง
อย่างพรรคเพื่อไทยมีการเปลี่ยนแคนดิเดตใหม่ ซึ่งก็ดูดี เพราะว่าเป็นนักวิจัย
เป็นนักวิทยาศาสตร์ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องรักความจริง
อย่าให้ความเชื่อและเป็นความเชื่อที่ผิด ๆ อยู่เหนือความจริง
นั่นคืออดีตของพรรคเพื่อไทย
ความเชื่อที่ไม่ใช่ความจริงกลายเป็นภาวะการนำตามความเชื่อ
ไม่ใช่ภาวะการนำตามความจริง
ดิฉันมีความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย
แม้จะไม่ได้อยู่ในพรรคเพื่อไทยมายาวนาน
ดิฉันเชื่อว่าเป็นปัญหาการนำที่ไม่สอดคล้องความเป็นจริงของสังคมไทย
ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน
ไม่เข้าใจความโหดร้ายและอำมหิตของฝั่งจารีต จึงถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วยังหวังว่าเป็นยักษ์ที่คุกเข่าแล้วเทพจะอุ้มสม
แต่เทพก็คือเทพ เหมือนกับที่มาหลอกให้กวนน้ำอมฤตแล้วก็แย่งเอาไปกินหมดเลย
ฉะนั้นเทพไม่อุ้มสมกับยักษ์ที่เป็นอสูรในสายตาเขา
อันนี้ก็เป็นผลที่เกิดขึ้นก็คือว่าผู้ที่สนับสนุน
2 พรรค ต้องอยู่ในสภาพที่ลังเล จะเอายังไงดี ไม่สบายใจกับทั้ง 2 พรรค แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นพวกอนุรักษ์นิยม
ซึ่งอาจจะเป็นแฟนเก่าประชาธิปัตย์ แล้วตอนหลังมาเป็นรวมไทยสร้างชาติ
ซึ่งรวมไทยสร้างชาติ ลุงตู่ ได้เสียงครั้งที่แล้วไม่น้อยเลย บัญชีรายชื่อก็คือ 4,766,408 เสียง คิดเป็น 12.70% ในบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลได้
38.48% ได้ 39 ที่นั่ง เพื่อไทยได้ 29.22% ได้ 29 ที่นั่ง ถัดมาเป็นลำดับที่ 3 ได้ 12.70% คือรวมไทยสร้างชาติ
อันนี้เป็นตัวแทนฝ่ายอนุรักษ์นิยม จำนวนนี้อาจจะกลับไปที่พรรคประชาธิปัตย์
แต่ในจำนวนของฝั่งที่เลือกก้าวไกลและเพื่อไทย
ดิฉันคิดว่าเขาจะอยู่ในกลุ่มของผู้ที่ไม่รู้จะเลือกพรรคไหนมาก
แต่ก็เป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งก็จะเป็นพวกอนุรักษ์นิยมที่เมื่อรวมไทยสร้างชาติล่มสลายแล้ว
เขาจะหันไปเลือกพรรคไหนยังไม่รู้เลย ดิฉันพูดถึงพรรคใหญ่ในอดีต
เลือกตั้งครั้งก่อนก็มี 3 พรรคใหญ่ ถ้าจะเรียกก้าวไกลเป็นส้ม เพื่อไทยเป็นแดง แล้วจะเรียกรวมไทยสร้างชาติ ไม่รู้สีอะไรนะ ตอนนี้มันก็เปลี่ยนแล้ว เป็น “ก้าวไกล (ประชาชน) - เพื่อไทย - ภูมิใจไทย” เพราะฉะนั้น ภูมิใจไทย บัญชีรายชื่อจาก 1,138,202 เสียง คิดเป็น 3.03% ก็เชื่อว่าจะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นมาก (มีสส.เขตร่วม 100 เขต บัญชีรายชื่อร่วม 10 คน) มันก็จะเกิดประมาณเรียกว่ายักษ์ก็ได้ 3 ตัว แต่ภูมิใจไทยไม่ใช่ยักษ์อสูรนะ เป็นเทพบริวารนะ เพราะฉะนั้นคนที่อยากได้เป็นรัฐบาลก็พากันวิ่งเข้าไปหา นี่คือปรากฏการณ์และผลที่เกิดขึ้น
แต่ที่ดิฉันอยากจะบอกว่าธาตุแท้และล่อนจ้อน คืออะไร?
ประการแรกก็คือนักการเมือง
ไม่มีเลยที่จะมีอุดมการณ์ ไม่มีเลยอุดมการณ์ ย้ายพรรคอุตลุด บางคนอยู่พรรคประชาชน
แล้วก็ไปอยู่รวมไทยสร้างชาติก็ได้ คือย้ายกันหมดอุตลุด
แล้วก็พรรครวมไทยสร้างชาติก็ล่ม คือไม่มีอุดมการณ์ทั้งในนักการเมืองและพรรคการเมือง
ต้องการเป็นรัฐบาลทั้งสิ้น ดิฉันพูดไปถึงพรรคที่อยู่ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยด้วยนะ
เพราะว่าการแสดงตัว อย่างรอบก่อน พรรคเพื่อไทยก็อยากเป็นรัฐบาล
คือแก่นแท้ของพรรคการเมืองก็คืออยากเป็นรัฐบาลทุกพรรคเลย
มีพรรคไหนไม่อยากเป็นรัฐบาลตอนนี้ ดิฉันท้าหน่อย อยากเป็นรัฐบาล แล้วจะเริ่มต้น Grand Compromise โดยมี Chapter 1 อ้าว...Chapter 1 ก็ล่มแล้ว ยังอยากจะเป็นรัฐบาล หวังว่าจะมีเทพอุ้มสม
น่าจะเป็นวิวาห์ที่สดชื่น มันเป็นไปได้เหรอ? เพราะว่าบทที่ 1 ก็ล้มไปแล้ว แค่ MOA แค่ประชามติเลือกตั้งก็ล้มแล้ว
ถามว่าจะเป็นเจ้าสาวที่ไว้ใจเจ้าบ่าวแบบนี้ได้เหรอ? ก็แค่ยังไม่ทันหมั้นเลย
ก็เทแล้ว!!! คือหมายความว่าขันหมากก็ไม่มาตามนัด ถามว่าเชื่อมั่นได้หรืออย่างไร?
เพราะฉะนั้น
ประการแรกเลยก็คือ ขณะนี้ไม่มีอุดมการณ์ มีแต่อยากเป็นรัฐบาล มีแต่อยากเป็นสส.
มีแต่อยากเป็นรัฐมนตรี จบจริง ๆ ไม่มีลักษณะที่เป็นพรรค
เช่นในต่างประเทศหรือประเทศที่เจริญแล้วเขาบอกตรง ๆ ถ้าเป็นซ้ายเขาก็ประกาศซ้าย
พรรคที่เป็นขวาก็ประกาศขวา และเขายืนยันอุดมการณ์ คนที่จะกระโดดข้ามจากซ้ายมาขวา
ขวามาซ้าย จะถูกมองอย่างดูหมิ่นและเหยียดหยาม ประชาชนก็จะไม่เชื่อ
ถ้าจากสังคมนิยมมาเป็นสังคมประชาธิปไตยยังพอโอเค อันนี้พูดถึงซ้ายนะ
แต่ถ้ากระโดดไปเป็นพรรค Conservative
(พรรคอนุรักษ์นิยม) มันก็เป็นไปไม่ได้
เฉดของพรรคการเมืองขึ้นอยู่กับอุดมการณ์ และคนสนับสนุนพรรคตามอุดมการณ์ของตน
แต่เมืองไทยไม่มีเลยค่ะ
ตอนนี้คุณดูซิ มีแต่ยุบพรรคตัวเอง พรรคชาติไทยพัฒนาต้องไปจุดธูปบอกคุณบรรหาร
แต่เขาอาจจะเชื่อว่าคุณบรรหารเคยสอนไว้ว่า ต้องเป็นรัฐบาล!
แต่ความจริงเคยช้ำมากนักตั้งแต่ปี 2534/2535 ที่ไปร่วมกันให้นายกฯ
ตระบัดสัตย์ ก็กลายเป็นพรรคเทพพรรคมาร กว่าจะเปลื้องคำว่าพรรคมารได้ก็ใช้เวลานาน
ที่ให้พลเอกสุจินดาฯ มาเป็นหัวหน้ากลุ่ม อันนี้ก็คือหวังจะเป็นรัฐบาลนั่นแหละ
มาตอนนี้ก็คือตรงนี้จบนะว่าทุกพรรคอยากเป็นรัฐบาล
ไม่มีขั้ว หรือยังไง?
ยังไม่เข็ดหรือเปล่า? ไม่แน่ใจ
เขาคิดอย่างเดียวว่าเมื่ออยากจะเป็นรัฐบาล
พรรคที่มีเสน่ห์ที่สุดตอนนี้ก็คือพรรคภูมิใจไทย เพราะได้ใบอนุญาตที่ 2 เรียบร้อยแล้ว พวกที่หวังว่าจะได้ใบอนุญาตที่ 1
เป็นบ้านใหญ่ ๆ ๆ ๆ ก็ช่วยกันรวบรวมเพื่อให้ได้ใบอนุญาตที่ 1
มากที่สุด แล้วที่เขาหวังอีกอย่างคือหวังการค้ำ คือ
พรรคเพื่อไทยถูกเรียกว่าข้ามขั้วเพื่อเป็นรัฐบาล
พรรคประชาชนก็ถูกเรียกว่าค้ำขั้วเพื่อจะได้แก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วก็ล้มเหลวทั้งคู่
ธาตุแท้ประการที่
2 ที่ดิฉันอยากจะบอกก็คือฝั่งจารีตอำนาจนิยมมีความเป็นเอกภาพ
ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เมื่อพรรคภูมิใจไทยกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดเพราะมีข้างหลัง ได้รับใบอนุญาตสำคัญ
และใบอนุญาตที่ 1 ก็วิ่งกันมา คือบ้านใหญ่วิ่งกันมาหา
เขาก็สามารถจัดการได้ ถ้าเราไม่ลืม พรรคภูมิใจไทย พรรคสีน้ำเงิน
ดิฉันไม่ได้กล่าวหานะ แต่เป็นที่ถูกกล่าวหาว่าสามารถจัดการให้ได้สว.ตั้ง 130 กว่าคน อันนั้นไม่ง่ายนะ!!! แล้วมาจัดการเรื่องสส. จะง่ายกว่ามั้ย?
ง่ายกว่าสว.อีก
ยกตัวอย่าง
คุณมีคู่แข่งอยู่ 4
พรรค ปกติถ้าเขาขัดแย้งกันในฝั่งจารีตฯ หรือพรรคที่ไม่มีอุดมการณ์
ขอเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ต้องใช้คำว่าไม่มีจุดยืนของอุดมการณ์
จุดยืนอย่างเดียวคือเป็นรัฐบาล ถ้าแข่งกันเขาก็ตัดคะแนนกัน พอตัดคะแนน
พรรคประชาชนชนะที่ 1 ยกตัวอย่างเช่น ชลบุรี
หรือรวมทั้งที่อื่น ๆ คำถามว่าเขาจะจัดการได้มั้ย? จัดการได้
โอเคเอาคะแนนมารวมกันเทให้เบอร์เดียว เอาพรรคนี้บวกกับพรรคนี้
เอาพรรคฝั่งเทพบริวารมารวมกัน หรือบริวารของภูมิใจไทยทั้งหมดมารวมกัน
ผมมีตำแหน่งเยอะ เราได้เป็นรัฐบาลแน่ คุณไม่ได้เป็นสส.ก็ไม่เป็นไร
เมื่อตอนสว.บอกให้เป็นผู้ช่วยสว. มีเงินเดือนด้วย เป็นสส.ก็อาจจะมีตำแหน่งผู้ช่วยสส.
หรือว่าตำแหน่งที่บอร์ดโน้นบอร์ดนี้ โอ้ยมีเยอะแยะ ยอมเถอะ ยกคะแนนให้
ดังนั้นมันไม่ง่ายสำหรับพรรคประชาชนหรือพรรคเพื่อไทยในการที่จะได้สส.เขต เพราะว่าฝั่งจารีตเป็นเอกภาพ
นี่ก็เป็นเรื่องที่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ดิฉันอยากจะบอกอีกอันว่า ธาตุแท้ของพรรคฝั่งเทพบริวารทั้งหลาย
และมีผู้ถือธงใหญ่ก็คือคุณอนุทิน ชัดเจนต่อพรรคประชาชนว่าเขาไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการเขียนใหม่
จุดยืนของเขาเป็นที่ประจักษ์มาตลอดแล้วว่าต้องการปกป้องรัฐธรรมนูญ 2560 นี้
ที่เขียนเพื่อให้อำนาจฝั่งจารีตอำนาจนิยมโดยเฉพาะ เพื่อสืบทอดอำนาจตั้งแต่ปี 2557
จนกระทั่งมาถึงปี 2568 นี่คือรัฐธรรมนูญที่อยู่ยาวนาน
และเป็นรัฐธรรมนูญของฝั่งจารีตอำนาจนิยมโดยเฉพาะ
และเมื่อเขาเป็นฝั่งจารีตอำนาจนิยม
เขาก็บอกธาตุแท้ให้เห็นชัดเจนว่า ยังไงเขาก็ต้องพิทักษ์รัฐธรรมนูญอันนี้
หรือแม้กระทั่งแทคติกในการที่จะเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ก็ตาม
ก็ต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่กระทบกระทั่งอำนาจจารีตอำนาจนิยม สำหรับดิฉัน
แม้กระทั่งทำประชามติ ดิฉันยังไม่ไว้ใจ ประชามติข้อเดียวนะ
ไม่ต้องสองข้อที่ทะเลาะกัน แต่นี่คือธาตุแท้ที่ผู้มีประสบการณ์น้อยและเชื่อมั่นในตัวเองได้เรียนรู้อีกครั้ง
แต่ประชาชนรู้มานานแล้ว ประชาชนที่ต่อสู้มาก่อน ก่อนที่พรรคของพวกคุณจะเกิด
เขาสู้มาแล้วก็เรียนรู้มาตั้งแต่คณะราษฎร
ว่าอำนาจสว.นั้นคืออำนาจของฝั่งจารีตที่คานอำนาจกับประชาชน
เพราะฉะนั้น
สว. จะมาจากการเลือกตั้งทั่วไปไม่ได้ ตอนนี้ท่านก็บอกแล้วว่า สสร.
ที่เขียนรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้งก็ไม่ได้ นี่คือธาตุแท้ที่ควรรู้!!!
นั่นก็คือ ถ้าไม่มีประสบการณ์ ถ้าไม่อ่าน
ไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน
แค่ช่วงนี้ธาตุแท้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ยังไง ๆ จุดยืนเขาแน่นอน 1)
จุดยืนเป็นรัฐบาล 2) เป็นรัฐบาลของฝั่งจารีตอำนาจนิยม ไม่ใช่รัฐบาลผสมสี
ดิฉันเห็นบางพรรคพยายามจะใส่สีเข้าไปให้มันเยอะ ๆ มันไม่ใช่รัฐบาลผสมสีนะ
ปัญหาจุดยืนจะทำให้เกิดการกระทำ การกระทำทั้งหลาย ภาคปฏิบัติทั้งหลายของมนุษย์
ขององค์กร ของพรรคการเมือง มันมาจากจุดยืนและความคิด ความคิดมาจากจุดยืน
และจุดยืนอยู่ที่ไหน? อยู่ที่ผลประโยชน์ของตน หรือผลประโยชน์ของหมู่คณะ เพราะฉะนั้น
ถ้าชัดในเรื่องว่าใครมีจุดยืนอะไรแล้ว ก็จะไม่ตั้งความหวังและความฝันลม ๆ แล้ง ๆ
เรื่องเทพอุ้มสม
นี่ก็เป็นธาตุแท้ของฝั่งจารีตนิยม
และธาตุแท้ของนักการเมือง ดิฉันบอกประชาชนให้เข้าใจอย่างหนึ่งว่า
เขาอยากเป็นรัฐบาลกันทั้งนั้น ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนจะตัดสินในการเลือกตั้ง ซึ่ง
2 เดือน ดิฉันเข้าใจว่ายังมีคนที่ไม่แน่ใจ แต่ 2 เดือนนี้จะต้องเป็น 2 เดือน
ที่พรรคการเมืองจะหาเสียงอย่างรู้ฐานผู้สนับสนุนของตน
และไม่ประเมินโหวตเตอร์ต่ำว่า ทำยังไงเขาก็ต้องตาม!!!
ยักษ์ใหญ่กลายเป็นยักษ์ทรุดโทรมก็เพราะคิดอย่างนี้ ประชาธิปัตย์ก็เคยมีบทเรียน
ประชาธิปัตย์นั้นผู้สนับสนุนเขาคือพวกอนุรักษ์นิยม แต่ตอนนั้นคุณอภิสิทธิ์ฯ
บอกไม่เอา 2 ลุง แต่ผู้สนับสนุนเขาเอาลุง เขาเลยเทไปเลือกลุงหมด
ทีนี้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า
คุณต้องอ่านให้ออกว่าผู้สนับสนุนคุณคือใคร ทำไมเขาเทมาให้ 2 พรรคตั้ง 70% ปิดตาข้างหนึ่งก็น่าจะมองเห็นผู้สนับสนุนและมองเห็นจุดยืนของฝั่งอนุรักษ์นิยมหรือฝั่งจารีตนิยม
เพราะฉะนั้น ดิฉันก็ยังปรารถนาดีต่อพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายเสรีประชาธิปไตย
อยากให้มีการปรับปรุงการนำ ไม่ใช่แต่เพียงเปลี่ยนบุคคลผู้นำอย่างเดียว แต่ต้องปรับเปลี่ยนการนำให้อยู่ที่ความเป็นจริง
ไม่ได้อยู่ที่ความฝัน ไม่ใช่อยู่ที่ความเชื่อ การเชื่อมั่นตัวเองเป็นเรื่องที่ดี
แต่ถ้าเป็นความเชื่อมั่นที่ไม่เป็นความจริง เป็นความเชื่อมั่นที่ผิด
ก็ทำให้เกิดผลเสียต่อพรรคตนเองและขบวนการประชาชนที่รักประชาธิปไตย
ที่ดิฉันพูดนี้อย่างไรเสีย
ดิฉันอยากให้พรรคฝ่ายที่เป็นอดีต ที่เคยร่วมต่อสู้กับประชาชน
และพรรคที่เป็นพรรคที่ก้าวหน้า ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้
เราไม่อยากตั้งความหวังเอาไว้มาก
แต่ว่ามันก็ต้องเป็นความหวังของประชาชนฝ่ายก้าวหน้าอยู่ดี
แต่ว่าถ้าหากพรรคการเมืองทั้ง 2 พรรค ยังไม่ปรับปรุงให้ผู้สนับสนุนเห็นดีเห็นงามมากพอ
ก็จะเป็นเรื่องร้ายสำหรับประชาชนไทย ซึ่งดิฉันไม่อยากเห็นเป็นอย่างนั้น
ดิฉันยังอยากเห็น
80% ของประชาชนเลือกพรรคที่ก้าวหน้า ทำเพื่อประเทศชาติ
เลือกพรรคที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ เอาอำนาจประชาชนคืนมา และเป็นพรรคของมวลชน
เป็นพรรคที่ไม่ล้าหลังกว่ามวลชน เป็นพรรคที่ต้องรู้ว่าประชาชนเขาสู้มาก่อน
แล้วก็เรียนรู้ประวัติศาสตร์การต่อสู้ เรียนรู้จุดยืน
และต้องรู้ด้วยว่าถ้าตัวเองไม่มีจุดยืน ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นบริเวรเทพ
หรือว่าตัวเองจะเป็นยักษ์ใจดีของประชาชน อันนี้ประชาชนก็น่าจะลำบากใจที่จะเลือก
เพราะผิดพลาดมาตลอด ฉะนั้น 2 เดือน เป็น 2 เดือนที่ขอให้มีการเปลี่ยนแปลงภาวะการนำ
และสร้างศรัทธาเชื่อมั่นให้กับประชาชน
เพราะดิฉันอยากให้เวทีรัฐสภายังเดินหน้าต่อไปได้ แต่เดินหน้าด้วยการเคารพประชาชน
ไม่เชื่อมั่นตัวเองมากจนเกินไป จนคิดว่าจะเดินไปทางไหนก็มีคนเดินตาม
ไม่อยากให้ด้อยค่าผู้สนับสนุน แต่อยากให้เรียนรู้ว่าประชาชนเขาสู้มาก่อนที่พรรคเหล่านี้จะเกิดขึ้นมา
ต่อให้เป็นพรรคไทยรักไทยก็ตาม เขาสู้มาก่อนแล้ว ศึกษาว่าเขาสู้อย่างไร
เขาล้มเหลวอย่างไร ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่ดี
แต่ความเชื่อมั่นที่ด้อยค่าผู้สนับสนุนและไม่เรียนรู้ประวัติการต่อสู้ของประชาชน
มีแต่จะทำให้เกิดความเสียหายกับพรรคเหล่านั้นเอง
ก็ขอให้ประชาชนทั้งหลายจับตาดูว่า
ภายใน 2 เดือนนี้ ท่านจะเชื่อมั่นอย่างไร
และท่านจะส่งเสียงให้พรรคการเมืองที่ควรจะเป็นตัวแทนของท่านนั้นปรับปรุงอย่างไร
ดิฉันก็เป็นเสียงเล็ก ๆ แต่เป็นเสียงที่ยืนอยู่ฝั่งประชาชนมายาวนาน
มีทั้งประสบการณ์อ้อม มีทั้งประสบการณ์ตรง ผ่านมาทุกสนามทั้งในเมือง ในเขตป่าเขา
และอยู่กับมวลชน ไม่ได้อยู่กับชนชั้นนำ
มีแต่ความปรารถนาดีต่อพรรคการเมืองฝ่ายเสรีประชาธิปไตย พูดด้วยความหวังดี
แต่ไม่อยากให้ประชาชนเสียใจและเลิก/ไม่สนับสนุนใครเลย
จะยิ่งทำให้ฝั่งจารีตยิ่งเข้มแข็งมากขึ้นค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธาตุแท้นักการเมือง #ธาตุแท้พรรคการเมือง







