'ภูมิธรรม' ยันคณะกรรมการฯ
มีมติเอกฉันท์คำถามประชามติข้อแรก ชี้ต้องเลือกว่าจะแก้ รธน.
แบบให้ผ่านได้-เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น หรือจะแก้ตามใจแล้วถูกตีตก โยน ครม.
เคาะสรุป อย่างช้าเสร็จภายในไตรมาสแรก
วันที่
2 มกราคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ปี 2560 กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
หลังจากคณะอนุกรรมการรับฟังความเห็นได้มีมติแล้ว
โดย
นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้กำลังทำเอกสารรายงานข้อสรุปโดยรวม
เพื่อรวบรวมความคิดเห็นที่แตกต่างกันมานำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
กระบวนการจะแล้วเสร็จอย่างช้าที่สุดคือภายในไตรมาสแรกของปีนี้
อย่างเร็วที่สุดคือปลายเดือน ม.ค. หาก ครม. เห็นชอบ ก็จะส่งต่อไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.) ต่อไป
"ไม่ต้องกังวลว่าคณะทำงานชุดนี้จะนำเสนออะไรที่ตามใจตัวเอง
เพราะเรานำเสนอจากความคิดเห็นของประชาชนจริงๆ ส่วนข้อเห็นต่างเราก็ไม่ได้ละทิ้ง
เราก็ได้บันทึกไว้ และให้ทุกคนได้พิจารณาครบถ้วนทุกความเห็น
ขณะนี้ความเห็นที่ต่างกัน ยังไม่อยากสรุปว่าใครเห็นมากกว่าใคร เพราะจะเถียงกันไม่จบ"
นายภูมิธรรม กล่าว
โดยรวมตัวแทนของประชาชนทุกคนที่มาคุยกัน
ทุกคนเห็นความจำเป็นของเรื่องนี้ แต่ก็มีความกังวลห่วงใยในความเห็นที่แตกต่างกัน
เราก็จะรวบรวมให้มากที่สุด
เรื่องนี้เราคาดไว้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องที่จะไม่สามารถหาความเห็นที่เหมือนกันทั้งหมด
แต่เป็นความเห็นที่เอาเสียงส่วนใหญ่รับรอง
และดูแลเสียงข้างน้อยที่มีอยู่เท่านั้นเอง
ส่วนคำถามประชามติข้อแรกว่า
'ท่านเห็นชอบหรือไม่ให้มีการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่แก้ไข หมวด 1
บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์' ที่มีการเคาะมาโดยคณะกรรมการฯ
และมีกรรมการเสียงข้างน้อยแสดงความไม่เห็นด้วยนั้น
จะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้อีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้เคาะ
เพราะคนที่เคาะจริงๆ คือคณะรัฐมนตรี
คณะกรรมการเสียงข้างน้อยก็มีความเห็นแตกต่างกัน และทุกคนก็ตกลงกันแล้วว่าจะบันทึกความเห็นที่แตกต่างกันให้ครบถ้วน
นายภูมิธรรม
ย้ำว่า ความจริงในที่ประชุมวันนั้นมีมติเอกฉันท์ ไม่มีใครเห็นต่างจากคำถามที่ถามมา
ทุกคนเห็นว่าการทำแบบนี้บนหลักการที่ทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
สามารถผ่านได้จริงๆ เป็นความจำเป็นสำคัญ มากกว่าที่จะยืนยันอะไรหลายๆ อย่าง
แล้วทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ตกไป แล้วต้องกลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ใช้มาแล้วเป็นปัญหาอยู่อย่างนี้
"ความเห็นที่แตกต่างมาและได้ข้อสรุปอยู่ที่ตรงนี้เท่านั้นเอง
แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
หรือจะยอมแก้แบบที่ตามใจตัวเองแล้วไม่สามารถผ่านได้ ก็กลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 2560
อยู่กับสถานการณ์เดิม ๆ มา 10 ปี
ต้องเลือกว่าจะเอาแบบใด เราเลือกเอาแบบที่คิดว่าไม่อยากจะอยู่กับรัฐธรรมนูญแบบเดิม
เลือกให้ทุกอย่างมันดีขึ้น นั่นแหละที่เป็นข้อสรุป แต่ยังไม่ใช่ข้อตัดสิน
เพราะเราไม่ได้มีอำนาจตัดสิน" นายภูมิธรรม กล่าว